ชูใจอัพเดท ธันวาคม 2020


วันนี้วันที่ 24  ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ล่าสุดผมเห็นบางโบสถ์ยกเลิกงานคริสตมาสที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 25-26 นี้ไป

 

คล้ายกับวันนั้น ตอนปี 2004 เป็นเช้าวันอาทิตย์ และ เป็นวันที่ คริสตจักรเราจัดงานคริสตมาส มีงานเลี้ยง มีงานประกาศ ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดงานเลยกลับบ้านดึก และเพราะตอนนั้นข่าวสารไม่ได้เคลื่อนอย่างรวดเร็วนัก กว่าผมจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เมื่อตอนที่กลับมาถึงบ้านและดูทีวี  ความรู้สึกตรงกันข้ามกับความสนุกและยินดีก็เปลี่ยนไป เมื่อต้องพบกับข่าวของ “สึนามิ” ตอนนั้นผมคิดว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดในวันคริสตมาสได้

 

ปีนี้ 2020 อาจไม่ใช่ปีที่น่าชื่นใจเท่าไหร่ ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงท้ายปี เริ่มด้วยโรคระบาด และ กำลังจะจบปีด้วย โรคเดิม ที่ยังไม่หายไปไหน แต่เหมือนจะกลับมาให้วุ่นวายใจกันอีกรอบ และ เช่นเดียวกัน บางโบสถ์ที่ตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงฉลอง หรือ งานประกาศ ก็อาจต้องมีการพับไป

 

ฟังดูน่าเศร้าที่ไม่มีเสียงเพลงจากงานเลี้ยงในวันคริสตมาสตามที่เราจัดกันมาทุกปี แต่หากมาคิดดูดีๆ เมื่อปราศจากเสียงใดๆ นั่นก็เป็นเวลาที่ดีจะทำให้เราได้ใคร่ครวญ

 

ค ริ ส ต ม า ส แ ร ก ก็ ไ ม่ ไ ด้ มี เ สี ย ง เ พ ล ง

 

ลองคิดถึงการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ ที่มีคนมากมาย เดินหาโรงแรมในต่างจังหวัดแต่ก็เต็มหมด ภรรยาที่อุ้มท้องใกล้คลอด ต้องไปพักอยู่ในคอกสัตว์ เด็กที่พึ่งเกิดมาก็ต้องนอนในรางหญ้า

 

แล้วอยู่ๆก็มีคนเลี้ยงแกะโพล่งเข้ามาเล่าให้ฟังว่าเจอทูตสวรรค์ให้เอาข่าวมาบอกกับพ่อแม่มือใหม่ถึงเด็กน้อย ว่านี่คือความหวัง คือ คนที่พระเจ้าโปรดปราน แต่สภาพของความหวังตอนนี้ อยู่ในรางหญ้า นอนอยู่ในคอกสัตว์

 

ส่วนกลุ่มโหราจารย์ผู้เสาะหาความรู้เดินทางหวังมาพบผู้มีบุญที่จะมาเป็นกษัตริย์ แต่รู้ตัวอีกทีก็เข้าไปพัวพันอยู่ในการเมืองระดับประเทศที่การตัดสินใจจะกระทบถึงชีวิตของคนมากมาย รวมทั้งตัวของคนที่เขาหาด้วย ความตั้งใจที่จะมาแสดงความยินดีกับกษัตริย์องค์ใหม่ กลับต้องเป็นการเอาข่าวไปบอกว่า ให้รีบหนีไปก่อนจะถูกฆ่า

 

ความวุ่นวายใจของกษัตริย์ชาวอีดูเมียที่เกลียดชาวฮีบรูแต่ตอนนี้ดันเชื่อเรื่องคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะในอดีตขึ้นมา จนถึงออกคำสั่งให้ฆ่าเด็กเล็กๆ ซึ่งมาจากประเด็นการเมือง และอำนาจ

 

จบด้วยเสียงร้องไห้ของครอบครัวชาวฮีบรูที่อยู่ๆก็มีทหารมาไล่ฆ่าลูกๆของพวกเขา

 

คริสตมาสแรกที่เห็นเซ็ทติ้งกันสวยๆ ไม่ได้มีเสียงเพลง

……………………..

 

 

ปีนี้ก็เป็นปีที่เงียบ การได้ติดอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ต้นปี ทำให้ผม ดาวน์ ลงไปด้วย การได้กลับมาทำงานช่วงกลางปีก็ทำให้มีชีวิตชีวาอยู่บ้าง แม้จะอยู่ท่ามกลางความกลัวว่า ข่าวเรื่องโรคจะกลับมา เศรษฐกิจจะกระทบ และ แทรกด้วยความวุ่นวายทางการเมือง

 

แล้วเรื่องที่กังวลทุกอย่างก็เป็นจริง ทั้งความวุ่นวาย สับสน และอยู่กันอย่างอึดอัด

 

แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย ผมพบความสงบอยู่หนึ่งอย่าง คือ การได้ทำรายการพอดแคส เรื่อง “ผู้เผยพระวจนะ “( The12)  ซึ่งตอนนี้ก็กำลังค่อยๆปล่อยรายการที่ทำเสร็จแล้วออกมา

 

>>>> The12

 

 

เหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่ต้นปีที่เราเริ่มทำรายการ ผ่านช่วงกลางปีที่มีกระแสเรียกร้องความยุติธรรมจนถึงปลายปีช่วงใกล้จะจบ ล้วนสอดคล้องกับเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในหนังสือ ผู้เผยพระวจนะ ตามที่ทำทีละเล่มๆ จนทำให้เข้าใจภาพได้ง่ายขึ้นมาก

 

อย่างช่วงที่ทำเรื่อง โยเอล ใน พระคัมภีร์พูดเรื่องพระเจ้าใช้ตั๊กแตน ก็มีข่าวเรื่องตั๊กแตนจากแอฟริกาที่ค่อยๆบุกข้ามจากตะวันออกกลางมาจนถึงพม่า ช่วงที่ทำ อาโมส เรื่องความเหลื่อมล้ำก็มีกระแส BLM ฝั่งอเมริกาขึ้นมาร้อนแรง จนมาถึงช่วงกลางปีที่กระแสเรียกร้องความยุติธรรมในบ้านเราร้อนแรงบ้าง ช่วงนั้นก็ทำเรื่อง ฮะบากุก ซึ่งเป็นมุมมองของคนที่ชอบธรรมเรียกร้องความยุติธรรมต่อพระเจ้ากันอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วพระเจ้าก็ตอบเขาด้วย ซึ่งเนื้อหาผมไม่กล้าเล่า แต่อยากให้ลองฟังเองว่าพระเจ้าตอบเขาอย่างไร

 

ท่ามกลางความวุ่นวายในปีนี้ผมกลับพบว่างานที่ได้ทำค่อยๆเป็นคำตอบแบบนิ่งๆเงียบๆให้กับผมเฉยเลย

 

เรื่องราวในหมวดผู้เผยพระวจนะ ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายของยุคสมัย บ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรม ความลำบาก ความเหลื่อมล้ำ ภายนอกก็เต็มไปด้วยข่าวของสงครามที่กำลังจะมา มีแต่ข่าวไม่ดี แต่ทุกเรื่องล้วนพาไปจบที่ ความหวัง ที่ยังมาไม่ถึง แถมยังเป็นเพียงภาพรางๆที่ไม่ได้ชัดเจน เป็นเสียงที่สงบสำหรับพวกเขา ท่ามกลางความวุ่นวาย

 

คริสตมาสแรกก็ไม่ได้มีข่าวดีแต่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจนขนาดมารีย์กับโยเซฟต้องหอบเด็กชายความหวังหนีไปอียิปต์

 

แต่เรื่องราวที่เรารู้ของพระเยซูหลังจากนั้นต่างหากที่ค่อยๆประติดประต่อ ความหวัง ที่ผู้เผยพระวจนะแม้จะเห็นภาพแต่เพียงรางๆ แต่ก็รอคอย ให้ค่อยๆสำเร็จจนเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์ ชีวิตของพระเยซูจึงเป็นงานเทศกาลคริสตมาสที่แท้จริง

 

ชีวิตผมกับภรรยาที่ผ่านมาก็เหมือนกันบางทีเราก็ทำงานกันแบบไม่มีความหวังความวุ่นวายและกังวลในชีวิตทำให้เราเหนื่อยจนทำให้เราสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่หรือสงสัยว่าเรากำลังจะไปที่ไหน

 

ความสับสนที่เคยสงสัยว่าเราต้องเป็นคนมีชื่อเสียงก่อนแล้วคนถึงจะฟังเราหรือเปล่า หรือต้องหาทุนให้ได้เยอะๆ หรือ ต้องทำตามอย่างการตลาดที่ทำกันทั่วๆไปทำเรื่องตามที่คนอยากฟังก็พอ กำลังคนของเราก็น้อยลง ผมที่ถนัดเฉพาะเรื่องการทำเนื้อหาก็ค่อนข้างลำบากเพราะขาดเรื่องการจัดการ หรือ บริหาร ยิ่งขยับตัวยากขึ้นไปอีก

 

แต่ในปีที่ผ่านมาพระเจ้าก็ค่อยๆตอบผมและครอบครัวในเรื่องเหล่านี้ ทุกครั้งที่เราท้อใจ พระเจ้าก็ยังคงทำให้เราเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คอยเป็นกำลังใจให้เรารู้ว่าพระเจ้ายังคงสัตย์ซื่อในชีวิตของเราเสมอ จากเพื่อน จากคนไม่รู้จัก การให้กำลังใจและตอบสนองเหล่านี้ล้วนเป็นคำตอบ เป็นเสียงจากความเงียบสงบ ในเวลาที่วุ่นวาย เป็นความหมายของส่ิงที่เรียกว่าความสัตย์ซื่อของพระเจ้าในชีวิตของเรา

 

จากปีที่กำลังจะผ่านไปเป็นปีที่ผมได้เรียนรู้และหลังจากนี้ต่อไปผมคงไม่กังวลกับชื่อเสียงเงินทองหรือทรัพย์สินหากแต่เป็นชีวิตที่เราจะสัตย์ซื่อกับพระเจ้าได้อย่างไรมากกว่า

 

นี่คือส่ิงที่ผมเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตในปีนี้

 

 

ท่ามกลางความวุ่นวาย การครำ่ครวญและร้องไห้ การดำเนินชีวิตกับพระเยซูจึงเป็นคริสตมาสในชีวิตของเรา เป็นความหวังให้เราได้พึ่งพิงในทุกเวลา

 

ปีนี้เป็นปีที่เงียบ และ วุ่นวาย สำหรับเราทุกคน แต่ก็เป็นเวลาที่เชิญชวนเราให้ได้ใคร่ครวญดู ถึงความเชื่อในความหวังที่เรามีต่อ พระเยซู ผู้เป็นคริสตมาสในชีวิตของเรา ผู้เป็นแสงสว่าง เป็นเสียงของความหวังของความสัตย์ซื่อ ในโลกที่กำลังมืดลง วุ่นวาย และ สับสน ในตอนนี้

 

 

ปีนี้งานคริสตมาสอาจไม่มีเสียงดนตรี

แต่ เสียงของความสัตย์ซื่อของพระคริสต์ในชีวิต จะบรรเลงอย่างรื่นเริงในชีวิตของเราอยู่เสมอ

 

 

 

 

ด้วยรัก ด้วยชูใจ และ เมอรี่คริสตมาส

ท็อป

 

 

 

.


Previous Next

  • Author:
  • เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก