วันนี้วันที่ 24 ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ล่าสุดผมเห็นบางโบสถ์ยกเลิกงานคริสตมาสที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 25-26 นี้ไป
คล้ายกับวันนั้น ตอนปี 2004 เป็นเช้าวันอาทิตย์ และ เป็นวันที่ คริสตจักรเราจัดงานคริสตมาส มีงานเลี้ยง มีงานประกาศ ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้จัดงานเลยกลับบ้านดึก และเพราะตอนนั้นข่าวสารไม่ได้เคลื่อนอย่างรวดเร็วนัก กว่าผมจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เมื่อตอนที่กลับมาถึงบ้านและดูทีวี ความรู้สึกตรงกันข้ามกับความสนุกและยินดีก็เปลี่ยนไป เมื่อต้องพบกับข่าวของ “สึนามิ” ตอนนั้นผมคิดว่า “ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดในวันคริสตมาสได้”
ปีนี้ 2020 อาจไม่ใช่ปีที่น่าชื่นใจเท่าไหร่ ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงท้ายปี เริ่มด้วยโรคระบาด และ กำลังจะจบปีด้วย โรคเดิม ที่ยังไม่หายไปไหน แต่เหมือนจะกลับมาให้วุ่นวายใจกันอีกรอบ และ เช่นเดียวกัน บางโบสถ์ที่ตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงฉลอง หรือ งานประกาศ ก็อาจต้องมีการพับไป
ฟังดูน่าเศร้าที่ไม่มีเสียงเพลงจากงานเลี้ยงในวันคริสตมาสตามที่เราจัดกันมาทุกปี แต่หากมาคิดดูดีๆ เมื่อปราศจากเสียงใดๆ นั่นก็เป็นเวลาที่ดีจะทำให้เราได้ใคร่ครวญ
ค ริ ส ต ม า ส แ ร ก ก็ ไ ม่ ไ ด้ มี เ สี ย ง เ พ ล ง
ลองคิดถึงการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ ที่มีคนมากมาย เดินหาโรงแรมในต่างจังหวัดแต่ก็เต็มหมด ภรรยาที่อุ้มท้องใกล้คลอด ต้องไปพักอยู่ในคอกสัตว์ เด็กที่พึ่งเกิดมาก็ต้องนอนในรางหญ้า
แล้วอยู่ๆก็มีคนเลี้ยงแกะโพล่งเข้ามาเล่าให้ฟังว่าเจอทูตสวรรค์ให้เอาข่าวมาบอกกับพ่อแม่มือใหม่ถึงเด็กน้อย ว่านี่คือความหวัง คือ คนที่พระเจ้าโปรดปราน แต่สภาพของความหวังตอนนี้ อยู่ในรางหญ้า นอนอยู่ในคอกสัตว์
ส่วนกลุ่มโหราจารย์ผู้เสาะหาความรู้เดินทางหวังมาพบผู้มีบุญที่จะมาเป็นกษัตริย์ แต่รู้ตัวอีกทีก็เข้าไปพัวพันอยู่ในการเมืองระดับประเทศที่การตัดสินใจจะกระทบถึงชีวิตของคนมากมาย รวมทั้งตัวของคนที่เขาหาด้วย ความตั้งใจที่จะมาแสดงความยินดีกับกษัตริย์องค์ใหม่ กลับต้องเป็นการเอาข่าวไปบอกว่า ให้รีบหนีไปก่อนจะถูกฆ่า
ความวุ่นวายใจของกษัตริย์ชาวอีดูเมียที่เกลียดชาวฮีบรูแต่ตอนนี้ดันเชื่อเรื่องคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะในอดีตขึ้นมา จนถึงออกคำสั่งให้ฆ่าเด็กเล็กๆ ซึ่งมาจากประเด็นการเมือง และอำนาจ
จบด้วยเสียงร้องไห้ของครอบครัวชาวฮีบรูที่อยู่ๆก็มีทหารมาไล่ฆ่าลูกๆของพวกเขา
คริสตมาสแรกที่เห็นเซ็ทติ้งกันสวยๆ ไม่ได้มีเสียงเพลง
……………………..
ปีนี้ก็เป็นปีที่เงียบ การได้ติดอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ต้นปี ทำให้ผม ดาวน์ ลงไปด้วย การได้กลับมาทำงานช่วงกลางปีก็ทำให้มีชีวิตชีวาอยู่บ้าง แม้จะอยู่ท่ามกลางความกลัวว่า ข่าวเรื่องโรคจะกลับมา เศรษฐกิจจะกระทบ และ แทรกด้วยความวุ่นวายทางการเมือง
แล้วเรื่องที่กังวลทุกอย่างก็เป็นจริง ทั้งความวุ่นวาย สับสน และอยู่กันอย่างอึดอัด
แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย ผมพบความสงบอยู่หนึ่งอย่าง คือ การได้ทำรายการพอดแคส เรื่อง “ผู้เผยพระวจนะ “( The12) ซึ่งตอนนี้ก็กำลังค่อยๆปล่อยรายการที่ทำเสร็จแล้วออกมา
>>>> The12
เหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่ต้นปีที่เราเริ่มทำรายการ ผ่านช่วงกลางปีที่มีกระแสเรียกร้องความยุติธรรมจนถึงปลายปีช่วงใกล้จะจบ ล้วนสอดคล้องกับเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในหนังสือ ผู้เผยพระวจนะ ตามที่ทำทีละเล่มๆ จนทำให้เข้าใจภาพได้ง่ายขึ้นมาก
อย่างช่วงที่ทำเรื่อง โยเอล ใน พระคัมภีร์พูดเรื่องพระเจ้าใช้ตั๊กแตน ก็มีข่าวเรื่องตั๊กแตนจากแอฟริกาที่ค่อยๆบุกข้ามจากตะวันออกกลางมาจนถึงพม่า ช่วงที่ทำ อาโมส เรื่องความเหลื่อมล้ำก็มีกระแส BLM ฝั่งอเมริกาขึ้นมาร้อนแรง จนมาถึงช่วงกลางปีที่กระแสเรียกร้องความยุติธรรมในบ้านเราร้อนแรงบ้าง ช่วงนั้นก็ทำเรื่อง ฮะบากุก ซึ่งเป็นมุมมองของคนที่ชอบธรรมเรียกร้องความยุติธรรมต่อพระเจ้ากันอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วพระเจ้าก็ตอบเขาด้วย ซึ่งเนื้อหาผมไม่กล้าเล่า แต่อยากให้ลองฟังเองว่าพระเจ้าตอบเขาอย่างไร
ท่ามกลางความวุ่นวายในปีนี้ผมกลับพบว่างานที่ได้ทำค่อยๆเป็นคำตอบแบบนิ่งๆเงียบๆให้กับผมเฉยเลย
เรื่องราวในหมวดผู้เผยพระวจนะ ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายของยุคสมัย บ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรม ความลำบาก ความเหลื่อมล้ำ ภายนอกก็เต็มไปด้วยข่าวของสงครามที่กำลังจะมา มีแต่ข่าวไม่ดี แต่ทุกเรื่องล้วนพาไปจบที่ ความหวัง ที่ยังมาไม่ถึง แถมยังเป็นเพียงภาพรางๆที่ไม่ได้ชัดเจน เป็นเสียงที่สงบสำหรับพวกเขา ท่ามกลางความวุ่นวาย
คริสตมาสแรกก็ไม่ได้มีข่าวดีแต่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจนขนาดมารีย์กับโยเซฟต้องหอบเด็กชายความหวังหนีไปอียิปต์
แต่เรื่องราวที่เรารู้ของพระเยซูหลังจากนั้นต่างหากที่ค่อยๆประติดประต่อ ความหวัง ที่ผู้เผยพระวจนะแม้จะเห็นภาพแต่เพียงรางๆ แต่ก็รอคอย ให้ค่อยๆสำเร็จจนเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์ ชีวิตของพระเยซูจึงเป็นงานเทศกาลคริสตมาสที่แท้จริง
ชีวิตผมกับภรรยาที่ผ่านมาก็เหมือนกันบางทีเราก็ทำงานกันแบบไม่มีความหวังความวุ่นวายและกังวลในชีวิตทำให้เราเหนื่อยจนทำให้เราสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่หรือสงสัยว่าเรากำลังจะไปที่ไหน
ความสับสนที่เคยสงสัยว่าเราต้องเป็นคนมีชื่อเสียงก่อนแล้วคนถึงจะฟังเราหรือเปล่า หรือต้องหาทุนให้ได้เยอะๆ หรือ ต้องทำตามอย่างการตลาดที่ทำกันทั่วๆไปทำเรื่องตามที่คนอยากฟังก็พอ กำลังคนของเราก็น้อยลง ผมที่ถนัดเฉพาะเรื่องการทำเนื้อหาก็ค่อนข้างลำบากเพราะขาดเรื่องการจัดการ หรือ บริหาร ยิ่งขยับตัวยากขึ้นไปอีก
แต่ในปีที่ผ่านมาพระเจ้าก็ค่อยๆตอบผมและครอบครัวในเรื่องเหล่านี้ ทุกครั้งที่เราท้อใจ พระเจ้าก็ยังคงทำให้เราเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คอยเป็นกำลังใจให้เรารู้ว่าพระเจ้ายังคงสัตย์ซื่อในชีวิตของเราเสมอ จากเพื่อน จากคนไม่รู้จัก การให้กำลังใจและตอบสนองเหล่านี้ล้วนเป็นคำตอบ เป็นเสียงจากความเงียบสงบ ในเวลาที่วุ่นวาย เป็นความหมายของส่ิงที่เรียกว่า “ความสัตย์ซื่อ” ของพระเจ้าในชีวิตของเรา
จากปีที่กำลังจะผ่านไปเป็นปีที่ผมได้เรียนรู้และหลังจากนี้ต่อไปผมคงไม่กังวลกับชื่อเสียงเงินทองหรือทรัพย์สินหากแต่เป็นชีวิตที่เราจะสัตย์ซื่อกับพระเจ้าได้อย่างไรมากกว่า
นี่คือส่ิงที่ผมเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตในปีนี้
ท่ามกลางความวุ่นวาย การครำ่ครวญและร้องไห้ การดำเนินชีวิตกับพระเยซูจึงเป็นคริสตมาสในชีวิตของเรา เป็นความหวังให้เราได้พึ่งพิงในทุกเวลา
ปีนี้เป็นปีที่เงียบ และ วุ่นวาย สำหรับเราทุกคน แต่ก็เป็นเวลาที่เชิญชวนเราให้ได้ใคร่ครวญดู ถึงความเชื่อในความหวังที่เรามีต่อ พระเยซู ผู้เป็นคริสตมาสในชีวิตของเรา ผู้เป็นแสงสว่าง เป็นเสียงของความหวังของความสัตย์ซื่อ ในโลกที่กำลังมืดลง วุ่นวาย และ สับสน ในตอนนี้
–
ปีนี้งานคริสตมาสอาจไม่มีเสียงดนตรี
แต่ เสียงของความสัตย์ซื่อของพระคริสต์ในชีวิต จะบรรเลงอย่างรื่นเริงในชีวิตของเราอยู่เสมอ
ด้วยรัก ด้วยชูใจ และ เมอรี่คริสตมาส
ท็อป
.
Related Posts
- Author:
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก