ชูใจอัพเดท เมษายน 2020


เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับผมเป็นช่วงที่นานจริงๆ คิดถึงตอนที่ทำร้านจนเหนื่อยทุกวันแล้วอยากหยุดพักยาวๆ แต่พอได้หยุดจริงๆกลับไม่เป็นแบบที่คิด แรกๆก็รู้สึกดีเหมือนกับที่อยากหยุดบ้าง แต่พอไม่ได้ทำอะไรกลับกลายเป็นว่าจิตตก จนบางทีก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า

 

ผมเข้าใจเรื่องมาตรการที่ออกมาและยอมรับว่าเราต้องปิดตัวลงชั่วคราวเพื่อประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว ส่วนในความคิดก็ค่อนข้างเครียดอยู่เหมือนกันเพราะรู้ว่าคงอีกนานแน่ๆกว่าจะได้กลับมาเปิดอีกครั้ง และการฟังข่าวทุกๆวันว่า มันจะไม่เหมือนเดิม

 

ความกังวลนี่ค่อนข้างหนักทีเดียว มีทั้งนอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก จนตื่นเช้ากว่าปกติ พอคิดแบบนี้ก็คิดว่าคงมีพี่น้องอีกหลายๆคนที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ต่างกัน เช้าวันหนึ่งผมตัดสินใจออกไปเดินเล่นนอกบ้านเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เผื่อจะได้ลดความกังวลลง

 

เดินออกไปไม่ไกลจากบ้านมีต้นไม้สูงโปร่ง ประมาณบ้านสองชั้น วันนี้เหมือนปีที่แล้ว วันที่ดอกไม้ทั้งต้นบานสะพรั่งเป็นสีเหลืองสวยสดใส ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าในฤดูร้อน ต้นนี้จะบานเพียงแค่ปีละครั้ง และ บานสะพรั่งเพียง 2-3 วัน เพราะวันต่อไปดอกจะค่อยๆร่วงหล่นจากต้น

 

ตอนนี้ผมยืนอยู่ใต้ร่มเงาของดอกไม้สีเหลือง

 

 

อิสยาห์ 30 : 9-18

 

อิสยาห์ พูดถึง กำแพงแตก หม้อแตก เตาไฟทำอาหาร บ่อน้ำ ม้า ธงบนยอดเขา ของเหล่านี้ถูกนำมาใส่ลงในกลอนของอิสยาห์ ของแต่ละอย่างที่เอามาใส่นั้นดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน หรือ อาจมีอะไรที่สัมพันธ์กัน?

 

หลังจากนั้นท่านก็เปรียบเรื่องพวกนี้เข้ากับความบาป อ้อ พออ่านๆไปจึงเข้าใจว่าเป็นภาพเปรียบเทียบถึงความบาปนั่นเอง ถึงอย่างนั้น ของที่อิสยาห์เอามาบรรยายที่ดูไม่เข้ากันนั้นมาจากไหน? เป็นภาษิตของคนฮีบรู? หรือ เป็นสัญลักษณ์ คำอุปมาเฉพาะที่มีเพียงคนในยุคนั้นจะเข้าใจ? แต่พระคัมภีร์ก็ไม่น่าจะใส่อะไรที่ยากขนาดนั้นเข้าไป จนผมได้พบคำตอบที่แสนจะเรียบง่าย และเข้าใจได้ว่า สิ่งเหล่านั้นที่อิสยากห์เอามาเขียน

 

” ม า จ า ก ชี วิ ต ป ร ะ จำ วั น “

 

อิสยาห์เห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ในชีวิตประจำวัน เหมือนเดินบนถนนที่เดินประจำแล้วกระเบื้องปูพื้นหลุด เดินผ่านร้านที่ทำแก้วแตก ผ่านโรงเรียนที่มีธงพัดปลิว เป็นเรื่องปกติในทุกๆวันที่เดินผ่าน แต่อิสยาห์ไม่ได้มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่กลับเห็นเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ ที่เป็นอย่างนี้ได้ก็เพราะโฟกัสที่ท่านมีนั้นอยู่ที่พระเจ้า

 

นี่เป็นห้วงเวลาที่ดูยากลำบากและเต็มไปด้วยความน่ากังวล เพราะไม่มีใครเคยเจอมาก่อน และไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมรู้ว่าไม่ได้ผิดปกติหรือผิดอะไรเลยถ้าเราแต่ละคนจะกังวลและมองเห็นแต่สิ่งที่เรากำลังเผชิญ แต่พอย้อนกลับไปมองอีกด้านว่าถึงชีวิตที่พระเจ้าค่อยๆนำมาจนถึงวันนี้ ชีวิตที่ดูเหมือนๆกันในทุกๆวัน กำลังจะนำเราไปสู่อะไรในแผนงานของพระองค์ ผมคิดว่าเราอาจมองชีวิตของเราเองในมุมที่ต่างออกไป หรือ เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกเช่นกัน

 

ผมเคยถามภรรยาว่าทำไมถึงปลูกดอกไม้แทรกในแปลงผัก ทำไมไม่ปลูกเฉพาะที่กินได้ ดอกไม้กินไม่ได้ แค่ไม้สวยงามจะปลูกไปทำไม ภรรยาผมตอบว่า เวลาที่ดอกไม้บานมันจะเรียกผึ้ง เรียกแมลงเข้ามา และ มันก็จะช่วยผสมเกสรให้ต้นอื่นๆด้วย

 

ผมเงยหน้ามองดอกไม้สีเหลืองพร้ิวไหว นอกจากเสียงลมแล้ว ยังมีเสียงตัวมิ้น และ ผึ้ง ดังหึ่งๆ แม้จะเพียงปีละครั้ง แต่ต้นไม้ที่มีดอกสีเหลืองกำลังทำหน้าที่ ในเวลาของมัน

 

ผมเลยเข้าใจว่าบางทีความวิตกปิดบังสายตาเราไปจากความเป็นจริง คุณค่าของเราไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อตัวเรา หากแต่คุณค่าเกิดขึ้นเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่แปลกที่พระคัมภีร์ย้ำนักย้ำหนาให้คิดถึงคนอื่น คนที่ลำบาก ช่วยเหลือกัน คุณค่าเกิดขึ้นเมื่อเราได้ให้พระเจ้าใช้เรา ใช้ชีวิตธรรมดา เพื่อคนอื่น แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย ในเวลาที่เล็กน้อย เพียงเปลี่ยนมุมมองกลับไปอยู่ที่พระเจ้า และวางใจในพระองค์

 

ตัวผมเองและครอบครัวไม่ได้มีอะไรมาก สิ่งที่เรามีอยู่คงเป็นการหนุนใจพี่น้องผ่านงานชูใจ และในเวลาแบบนี้ หากคำพยานถึงสิ่งที่พระเจ้าทำในชีวิตของแต่ละคน จะช่วยเป็นกำลังและชูใจซึ่งกันและกันได้ เราและทีมก็จะมุ่งมั่นและทำต่อไปครับ

 

 

 

ขอพระเจ้าเสริมกำลังให้เราเดินต่อไปด้วยกัน

ท็อป

บ.ก.ทีมชูใจ

 

 


Previous Next