สวัสดีครับพี่น้องที่คอยชูใจ
ผมขอเอามือเขกหัวตัวเองสักที เป็นการขอโทษที่ส่งจดหมายช้า ทั้งๆที่รู้ว่านี่เป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ก็ไม่รีบจัดการให้เสร็จ เรื่องที่รู้กับการลงมือทำนี่ต่างกันจริงๆนะครับ
วันนี้ (25) เป็นวันเกิดจิ๊กครับ ผมเลยถือโอกาสกลับมาวิ่ง ผมเคยตั้งใจว่าจะลง half marathon สักครั้งในช่วงที่ฟิตๆ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ มีข้ออ้างทั้งการออกจากงาน การปรับตัวในการทำร้าน สุดท้ายก็ไม่ได้วิ่งแบบต่อเนื่องกันมาเป็นปี
เช้าวันนี้ 10 โมง ผมก็ยังคงตื่นสาย แต่เมื่อตั้งใจแล้วและไม่อยากเบี้ยวตัวเองอีกแล้ว เลยออกไปวิ่งครับ ดีที่ทางวิ่งหน้าบ้านยังพอมีร่มเงาบ้าง ที่ต้องทนหน่อยก็คงเป็นอากาศร้อน ฟังดูเหมือนผมเป็นคนมีวินัย ตั้งใจแล้วทำได้ใช่ไหม อันที่จริงแล้ว…
ก่อนหน้านี้ ผมเริ่มเป็นกรดไหลย้อน เป็นโรคที่ฟังดูไม่รุนแรงแต่ทรมานครับ ที่น่าเศร้าคงเป็นเพราะโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากระบบในชีวิตที่ผิดเพี้ยน เช่นกินคาเฟอีนเยอะ (ผมนี่กาแฟเช้า เย็นโค้กทุกวัน) กินดึก (เลิกงานดึกเลยหิว) นอนดึก (เพราะมื้อดึกที่กินไปยังไม่ย่อย) ตื่นสาย ไม่ออกกำลังกาย (ไม่มีเวลา) และ เครียดเกิน ผมเคยกินยาอยู่ช่วงหนึ่งจนหายจากอาการที่มีไปแล้ว และมันเจ็บจนตั้งใจจะไม่พังชีวิตตัวเองอีก แต่ทั้งๆที่รู้ สุดท้ายก็กลับมาเป็นอีก จนมีเสียงจากจิตใต้สำนึกบอกให้ไปวิ่งได้แล้ว เสียงนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันพร้อมกับอาการกรดไหลย้อน แต่กระนั้น ผมก็ยังทนไป จนกระทั่งไม่กี่วันก่อน เสียงนั้นหายไป ไม่มีเสียงที่ไหนมาบอกให้ไปวิ่งอีก แต่แทนที่จะดีใจ ตรงกันข้าม ตอนนี้ผมกังวลกว่าเดิมอีก จนกระทั่งวันนี้ วันเกิดจิ๊กพอดีผมเลยออกวิ่งอีกครั้ง
ผมนึกถึงว่าถ้าพระเจ้ายังเตือนเราเนี่ย ดีนะครับ ถ้าไม่เตือนอะไรเลยนี่สิ น่ากลัวละ
ประเด็นที่ผมเรียนรู้จริงๆ คือว่า ความรู้นี่ ไม่เท่ากับประสบการณ์จริงๆนะครับ ทั้งๆที่รู้ แต่ไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าเจ็บเพราะประสบการณ์แล้ว มันฝังใจกว่า จนต้องลงมือทำ
…………………
ที่ผ่านมาผมก็อ่านพระคัมภีร์ไม่รู้เรื่องครับ ทั้งๆ ที่เรียนตั้งแต่รวีตอนเด็กๆ รู้จนคิดว่ารู้หมดแล้ว ใครเทศน์ หรือ ยกพระคัมภีร์อะไรมาก็คุ้นตา จำได้ไปหมด
รู้ครับ และความรู้กลับทำให้ชีวิตมันยากขึ้น เพราะเรากระโดดเข้าไปตอนจบพอเรามีปัญหาที่ซับซ้อนขึ้น เราจึงเกิดคำถามย้อนกลับต่อความรู้ หรือว่าเราไม่วางใจ หรือว่าเราไม่เชื่อ พระเจ้ายังอยู่กับเราไหม พระเจ้ายังรักเราหรือเปล่า? รู้ว่าไม่จริงเพราะพระคัมภีร์บอกไว้ แต่ทำไมใจเราถึงไม่ยอมรับ
จนเมื่อผมได้มาทำคอนเท้นท์กับพี่ใช้ (อ.ธนิศ) แล้วได้กลับไปอ่านพระคัมภีร์แบบที่ไม่ได้กระโดดเข้าไปที่บทสรุป ผมจึงเข้าใจว่า พระเจ้าไม่ได้เรียกร้องให้เราตรงไปที่ข้อสรุป แต่ชีวิตที่เดินไปกับพระเจ้าดูจะเป็นสิ่งที่พระองค์ปรารถนามากกว่า
ผมลองกลับไปอ่านเหมือนไม่รู้ตอนจบและค่อยๆ เดินไปพร้อมๆ กับอับราฮัม
เริ่มต้นจากพระเจ้าบอกกับอับรามว่า เชื้อสายจะเป็นพร อับรามก็เชื่อ และทิ้งอดีตออกจากบ้านพ่อตัวเอง เดินทาง แต่แต่แต่แต่ ภรรยาเป็นหมันและตัวเองก็อายุตั้ง 75 แล้ว
- ต่อมาอับรามก็ยกซาราห์ให้ฟาโรห์ เพราะซาราห์ เป็นหมัน! แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะบอกว่าไม่ใช่
- อับรามเข้าใจว่าคนรับใช้คือคนนั้นที่จะเป็นเชื้อสาย พระเจ้าก็บอกว่าไม่ใช่
- อับรามสงสัยถึงกับตัดพ้อว่า ยังไม่มีลูกเลย แล้วพระเจ้าก็ยืนยันอย่างแข็งขัน
- อับรามมีอิชมาเอล ดีใจและมั่นมาก นี่ไง ‘ลูก’ คนที่ว่า ถึงกับบอกพระเจ้าทักผิด แต่พระเจ้าก็ยืนยันว่าไม่ ลูกเจ้าจะชื่ออิสอัค และยังยืนยันว่านางซาราห์จะมีลูก
- แต่ต่อมาอับรามก็ยังจะยกซาราห์ให้อาบีเมเลค
เพราะสำหรับอับรามแล้ว มันนานเหลือเกิน นานจนเหมือนกับว่าพระสัญญาของพระเจ้าจะไม่มีวันมาถึง
………………
เมื่อเราเปิดหน้าฟีดข่าว ก็มีแต่คำว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงๆ ข่าวสงครามการค้าที่สาดใส่กันไปกันมา การเมืองใน/นอกประเทศก็วุ่นวายและน่าเบื่อ
อาชีพที่ผมทำอยู่ก็ไม่ได้ดูจะมั่นคงนัก เพราะเป็นแค่ร้านบอร์ดเกมเล็กๆ ให้บริการในยามที่คนสนใจเท่านั้น ปีหน้าจะยังไปไหวไหม ท่ามกลางความไม่มั่นคงของเศรษฐกิจ
มองมาข้างตัว ภรรยาผมก็ยังคงเข้ารับการปรึกษากับผู้ให้คำปรึกษา ดูเหมือนอาการพังนั้นยังคงต้องซ่อมแซม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะนานถึงเมื่อไหร่
ท่ามกลางความไม่มั่นคงภายนอกอีกมากมาย ความกังวลใจภายในที่วนเวียนอยู่ คำถามยังวนเวียน พระเจ้ายังอยู่กับเราไหม พระองค์อยู่ที่ไหนในความกังวลใจนี้?
………………………
สุดท้าย อับราฮัม มีลูก ชื่อ อิสอัค ที่เกิดจากนางซาราย การรอคอยตลอดระยะเวลา 25 ปี ของอับราฮัม ไม่ได้เป็นการนั่งรออย่างมั่นคง แต่เต็มไปด้วยความสงสัย การลงมือทำด้วยตัวเอง และการตัดใจจากพระสัญญาของพระเจ้า
แต่ถึงอย่างนั้น
ตลอดเวลา 25 ปีนั้น พระเจ้าไม่เคยดุ ไม่เคยตัดพ้อ ไม่เคยต่อว่าอับราฮัมเลย ในเวลาที่เกิดความสงสัย พระองค์ก็กลับมายืนยัน และที่สำคัญ พระองค์ยังย้ำว่าอยู่ด้วยเสมอ
ท้ายที่สุดอับราฮัมก็เข้าใจ (สะท้อนได้ในเรื่องของการถวายอิสอัค)
บิดาแห่งความเชื่อ คือ ตอนจบของอับราฮัม
ส่วนชีวิตผม ผมรู้ว่ายังไม่จบ ผมยังคงมีเรื่องให้กังวลอีกมากมายหลายอย่าง ผมยังจะคงเจอสถานกาณ์ที่สั่นคลอนชีวิต และ การตัดสินใจมั่วๆ จนวุ่นวายของผมเองอีกหลายครั้ง แต่ท่ามกลางเรื่องเหล่านั้น ผมขอเรียนรู้กับพระองค์คอยฟังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นพระองค์จะสอนอะไร แล้วถ้าเรื่องไหนผมผ่านไปได้คงกลับมาเล่าให้เป็นเรื่องชูใจพี่น้องต่อไป
ผมยังยืนยันว่า พระเจ้ายังคงสัตย์ซื่อในชีวิตและครอบครัวผมเสมอ พระองค์ไม่ได้ไปไหนเลย และ พระองค์มาในเวลาที่เหมาะสม และผมเชื่อว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยกับพี่น้องทุกคนด้วยเช่นเดียวกัน
…….
สำหรับงานที่ผ่านมา podcast “Hello World” ได้เริ่มแล้ว ตอนที่สำคัญที่ผ่านมาก็เป็นเรื่อง Halloween และ ลอยกระทง เราดีใจที่ได้ทำสองตอนนี้แบบสบายๆ อยากให้น้องๆที่ฟัง พอมีที่ยึดสำหรับคำถามเกี่ยวกับความเชื่อ
ตอนนี้คงมีเรื่องราวกว้างๆ เกี่ยวกับพัฒนาการของวันคริสตมาส ที่ตอนนี้เป็นเทศกาลที่เน้นการจับจ่ายมากกว่า ‘ความหมายที่แท้จริง’
ส่วน podcast เรื่อง ปฐมกาล ที่ผมทำร่วมกับ อ.ธนิต (พี่ใช้) กำลังดำเนินการอยู่ครับ คาดว่าจะเริ่มปล่อยปีหน้า พร้อมกับความตั้งใจของคนหลายคนที่อยากจะเริ่มต้นใหม่ในช่วงต้นปี การเริ่มต้นด้วย การกลับไปที่จุดเริ่มต้นอย่าง ปฐมกาล ก็ดูจะเหมาะเจาะพอดี
ยังมีอีกหัวเรื่องหนึ่งคือ Love Coach ที่จะเป็น season พิเศษ ที่จะข้ามจากชีวิตกุ๊กกิ๊ก มาเป็น ชีวิตหลังแต่งงาน การรักษาความเชื่อไปพร้อมๆกับความสัมพันธ์ ชีวิตจริงหลังจากโลกสีชมพูหมดไป การเร่ิมต้น และ ประคองความสัมพันธ์ จริงๆเรื่องนี้อยากทำออกมาเพื่อครอบครัวที่พึ่งเริ่มต้น และ ให้น้องๆได้มองไกลให้มากกว่าเรื่องความรู้สึกอีกด้วย แต่ยังไม่ค่อยพร้อม และอยู่ในระหว่างการเก็บข้อมูลครับ
สุดท้ายประสบการณ์ระหว่างเรากับพระเจ้า และการได้เรียนรู้ผ่านเรื่องเหล่านั้น คือสิ่งสำคัญ คือคำพยานที่ยืนยันความสัตย์ซื่อ และพระคุณของพระเจ้าได้ คือ เรื่องราวที่ชูใจคนอื่นได้
ส่งมาได้นะครับ
ด้วยรักและชูใจ
ท๊อป
Related Posts
- Author:
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก