ผ่านปีใหม่มาได้ 1 เดือนแล้ว ไม่รู้ว่าปีใหม่ของพี่น้องเริ่มต้นกันอย่างไรบ้างคะ?
สำหรับจิ๊กแล้ว ช่วงปีใหม่ที่ผ่านคือภาพของการยืนอยู่บนโขดหินที่ริมชายหาดที่คลื่นลมแรง เราชูมือท้าทายคลื่นลมตรงนั้น ตะโกนว่า “ไม่ว่าปีนี้จะเป็นอย่างไร เราก็จะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและความยากที่ผ่านเข้ามาาาาา” ทันใดนั้น… น้ำทะเลก็สาดเข้าหน้าเรา “ซู้มมมมม” !!! บอกได้เลยว่าปีนี้เป็นการเปิดตัวปีใหม่ของจิ๊กและท๊อป (สามี) อย่างเร้าใจค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า ผ่านปีใหม่ได้ไม่กี่วัน พ่อของท๊อปเกิดอุบัติเหตุหกล้ม เลือดออกในสมองและต้องผ่าตัดด่วน ปัญหาต่อมาคือเรื่องเงินที่ตอนแรกเราคิดว่าต้องจ่ายหลายแสน แต่ต่อมาก็รู้ว่า ค่าผ่าตัดยังอยู่ในสิทธิ์บัตรทอง ขอบคุณพระเจ้าที่ตอบคำอธิษฐานอย่างรวดเร็วในเรื่องเงิน แต่เรื่องอาการของพ่อท๊อป ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่รพ.และยังไม่ฟื้น ซึ่งนี่ก็ผ่านไป 1 เดือนแล้ว
คืนก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง จิ๊กกับท๊อปได้โทรคุยกับน้องคนหนึ่ง ซึ่งกำลังกลัวกับหนทางในอนาคตข้างหน้า น้องมาปรึกษาว่าอยากลาออกแต่ก็กลัวเรื่องความมั่นคงในอนาคต แต่งานที่ทำอยู่นี่ก็ไม่มีความสุข เราทั้งคู่เลยหนุนใจน้องไปใน โยชูวา 1:9 ซึ่งเป็นข้อพระคัมภีร์ที่ท๊อปได้มาในช่วงปีใหม่
“เราสั่งเจ้าไว้แล้วมิใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะว่าเจ้าไปในถิ่นฐานใด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงสถิตกับเจ้า”
พระเจ้า ‘สั่ง’ ให้โยชูวาไม่กลัว ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แก่ใจว่าความรู้สึกมันสั่งกันไม่ได้ แต่พระเจ้าสั่งว่าไม่ต้องกลัว พระองค์อยู่ด้วยไม่ว่าจะที่ไหนหรืออย่างไร เราเลยหนุนใจน้องว่าอย่ากลัว… ตัดภาพวันต่อมา เราก็เจอเหตุการณ์ในครอบครัวเข้าไปเต็มๆ ทำให้ช่วงเดือนแรกของปี 2018 ของเราผ่านไปอย่างท้าทายจริงๆ ค่ะ
เหตุการณ์แย่ๆ ที่เกิดขึ้น มักทำให้เราสับสนและหวั่นไหว เราไม่เข้าใจว่าพระเจ้าต้องการอะไรจากเรา แทนที่พระเจ้าจะช่วยสร้างความมั่นใจด้วยการให้อะไรมันง่ายขึ้น แต่ดันให้มีปัญหาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่หลังจากวันนั้น ท๊อปก็บอกจิ๊กว่า “เราต้องรับใช้พระเจ้า”
“เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้ เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์” 2 โครินธ์ 4:17-18
ขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้ากลับย้ำเตือนให้ท๊อปหนักแน่นขึ้นในการรับใช้ ซึ่งก็ทำให้ความหวั่นไหวของจิ๊กสงบลง (ณ ตอนที่พ่อท๊อปเข้าโรงพยาบาลและมีเรื่องเงินเข้ามา ตอนนั้นก็คิดแว๊บๆ เหมือนกันว่าเลิกทำชูใจแล้วไปทำอย่างอื่นที่ได้เงินเยอะๆ ดีไหม 555) ความเชื่อไม่ได้เกิดจากสถานการณ์ที่ดีจริงๆ ค่ะ แต่เกิดจากการเชื่อแม้ในสถานการณ์ที่เลวร้าย น่ากลัว และจดจ่อกับสิ่งที่ยังมองไม่เห็น นั่นคือพระสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้บอกว่าเราจะเจอชีวิตง่ายๆ แต่พระเจ้าบอกว่าจะอยู่ด้วยและไม่ต้องกลัว
จิ๊กรู้ว่าพี่น้องแต่ละคนก็มีเรื่องท้าทายความเชื่อของแต่ละคนอยู่ (หรืออาจจะยังไม่มี… ซึ่งก็ดีแล้วนะคะ 555) ขอหนุนใจพี่น้องด้วย โยชูวา 1:9 เช่นกันนะคะ
“อย่ากลัว… เพราะพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย”
——————————–
โอเคค่ะ มาอัพเดทพี่น้องเรื่องงานกันบ้าง สำหรับงานของชูใจ ช่วงธค.-มค. ที่ผ่านมา เราได้ประชุมทีมเพื่อทบทวนงานของปีที่ผ่านมา แล้วก็วางแผนว่าปีนี้จะไปยังไงต่อค่ะ สรุปได้หลักใหญ่ใจความก็คือ
-
เรามีเป้าหมายเยอะเกินตัว
ปีที่ผ่านมาเราพยายามทำให้ได้ทุกอย่าง แต่เนื่องจากการไม่ได้บริหารให้มีคนรองรับพอกับงานที่อยากให้เกิดขึ้น ผลก็คือเราทำไม่หมด และงานบางอย่างก็ทำได้อย่างละนิดละหน่อยไม่ต่อเนื่อง เช่น งาน workshop ที่ทำไปได้แค่ 2 ครั้ง ที่แย่ที่สุดคือจิ๊กเองเหนื่อยจน Passion หมด
-
Slow down, refresh passion
ด้วยความที่พยายามทำให้ได้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ทำให้เราเองติดกับดักของการเน้นงาน จนละเลยการนำทีมและการแชร์ Passion ออกไป เมื่อปลายปีก็เข้าไปขอคำแนะนำจาก อ.นิติเชษฐ์ (อดีตผอ.มานาฯ) ค่ะ พี่เชษฐ์เปรียบเสมือนโค้ชในการทำพันธกิจของจิ๊ก พี่เชษฐ์ก็หนุนใจว่า การนำคนคือการส่งต่อ Passion
“Passion มันคือความเชื่อ เชื่อในสิ่งที่ยังมองไม่เห็นว่ามีจริง เราเชื่อในสิ่งที่เราพยายามสร้างไหม? เราสื่อสารให้คนในทีม ผู้อ่าน ผู้ถวายเราเชื่อในสิ่งที่เราเชื่อไหม?”
T_T โอ้ยยยย…โดนใจจึ้กๆ เลยค่ะ ดังนั้น ปีนี้ก็เลยจะ….
- ลดปริมาณของคอนเท้นต์ลง
แต่ทำคอนเท้นต์ให้เฉพาะเจาะจง ตรงเป้ากับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แทนที่จะวางกรอบกว้างๆ ของกลุ่มเป้าหมายไปอย่างที่เคย - สื่อสาร Passion มากขึ้น
ต้องออกไปแนะนำตัวเกี่ยวกับพันธกิจของชูใจ และสร้างความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ มากขึ้นค่ะ - เน้น Offline มากขึ้น
คำว่า Offline หมายถึง 2 อย่างค่ะ คือการเข้าหาคนตัวเป็นๆ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเพื่อเสริมสร้างเขา ซึ่งก็คือการทำ Workshop และทำสิ่งที่จับต้องได้มากขึ้นด้วยการทำ Product
แล้วก็ขอบคุณพระเจ้ามากค่ะ หลังจากที่วางแผนว่าจะต้องสื่อสารและเข้าหาคนมากขึ้น พระเจ้าก็ให้โอกาสนั้นมาอยู่ตรงหน้าเลย เดือนที่ผ่านมาได้ไปสอนกลุ่มอนุชน คริสตจักรที่หนึ่ง เชียงใหม่เรื่องการรู้จักตัวเองผ่าน MBTI ค่ะ และล่าสุดก็ได้ไปแบ่งปันเรื่องการทำพันธกิจออนไลน์ให้กับนศ. ปี 1-3 ที่พระคริสต์ธรรมแมคกิลวารี เชียงใหม่ค่ะ การออกไปสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับตัวเองก็ถือเป็นการเติมไฟอย่างหนึ่งจริงๆ นะคะ
และในที่สุด… งานหนึ่งที่เราซุ่มทำอยู่ก็คือ หนังสือรวมเล่ม Love Coach ค่ะ! ตอนนี้กำลังใกล้จะเสร็จและเตรียมปชส.ให้ทันช่วงวาเลนไทน์แล้วววว! นี่ก็เป็นงานแรกของการนำเนื้อหาออนไลน์ให้ออกมาจับต้องได้จริงๆ โดยนอกจากที่เราจะมีกิมมิกคือพวก Stationary Set ที่ขายพร้อมหนังสือแล้ว ส่วนของเนื้อหาก็เพิ่มคำถามท้ายบทเพื่อให้เป็นเครื่องมือให้พี่เลี้ยง-น้องเลี้ยง หรือในเซลได้เอาไปพูดคุยกันต่อได้ด้วยค่ะ คอยติดตามในหน้า facebook ของชูใจนะคะ โอ๊ย ตื่นเต้นนน!
และเสาร์นี้เรากำลังจะมีงานมีตติ้งอาสาเชียงใหม่ประจำปีค่ะ เป็นการพบปะพร้อมหน้ากันปีละครั้ง และส่งต่อ passion ให้แก่กัน จิ๊กเองอยากให้ชูใจเป็นที่ๆ คริสเตียนรุ่นใหม่ได้มาแลกเปลี่ยนทักษะ ไอเดีย และสร้างสรรค์งานรับใช้ใหม่ๆ เพื่อให้งานของพระเจ้าดีขึ้นไปเรื่อยๆ ฝากอธิษฐานเผื่อเราด้วยนะคะ
สุดท้ายไม่ว่าปีนี้ของแต่ละท่านจะเริ่มต้นอย่างไร ดีหรือไม่ดี ตื่นเต้นหรือเรียบเฉย พระเจ้าบอกว่าพระองค์จะทรงสถิตอยู่ด้วย ไม่ต้องกลัวค่ะ
จิ๊ก
Choojai Founder
ประกาศ!
โอนเงินถวายผ่านพร้อมเพย์ ไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอน!
- การโอนพร้อมเพย์ ผู้โอนไม่จำเป็นต้องมีพร้อมเพย์ก็ได้ เพียงแต่รู้เบอร์โทรของผู้รับโอนเท่านั้น
- โอนได้ทั้งต่างจังหวัด และต่างธนาคารไม่มีค่าธรรมเนียม
พร้อมเพย์ของชูใจคือ 081-6026757 ชื่อบัญชี นางสิริวรรณ ภูษิตประภา
การแจ้งโอนเงินถวายหลังจากโอน จะทำให้เราสามารถบันทึกข้อมูลและทำบัญชีรายรับได้อย่างถูกต้องค่ะ จึงต้องขอรบกวนทุกท่านในการแจ้งโอนเงินด้วยช่องทางต่อไปนี้
- SMS Alert ที่เบอร์ 081-6026757
- LINE @choojaiproject line://ti/p/@rbn3926g
ขอบคุณทุกท่านนะคะ และสำหรับผู้ถวายใหม่ที่พึ่งได้รับจดหมายผู้ถวายนี้เป็นครั้งแรก สามารถอ่านย้อนหลังได้ในลิงค์นี้เลยค่ะ จิ๊กจะส่งความคืบหน้าของชูใจให้ได้อ่านทุกๆ 2 เดือนค่ะ