“ถึงพระคัมภีร์จะเล่มใหญ่ แต่ก็มีอยู่เล่มเดียว
ทำไมผ่านมาเป็นสิบๆ ปีเราถึงไม่เคยอ่านจบเล่มเลย”
การตกผลึกทางความคิดเกิดขึ้นระหว่างที่ผมย้อนนึกถึงทั้งชีวิตของตัวเองแล้วพบว่าผมไม่เคยอ่านพระคัมภีร์จนจบเล่มเลยสักครั้ง แม้จะเรียกได้ว่าเป็นคริสเตียนมาตั้งแต่เกิดก็ตาม
_______________
ผมเกิดในครอบครัวคริสเตียน รับเชื่อมาตั้งแต่ ม.ต้น แต่เรื่องราวที่ผมกำลังจะเป็นพยานกลับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เอง
ประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ คือ “การกลับใจ” ที่เกิดขึ้นเพราะ “อาการป่วยปริศนา”
…
เริ่มต้นจากกลางดึกคืนหนึ่ง นาฬิกาบอกเวลาเกือบตีสามขณะที่ผมเพิ่งจะกำลังเข้านอนเหมือนเช่นวันปกติธรรมดา แต่สิ่งที่แปลกไปคืออาการใจสั่นรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ร่วมด้วยมือเย็น และหิวน้ำจนผิดปกติ จำได้ว่าผมดื่มน้ำเข้าไปหลายลิตรก่อนจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาล
สรุปคือ ไม่เป็นอะไร
หมอทั้งตรวจชีพจร ตรวจคลื่นหัวใจ และตรวจความดัน แต่ทุกอย่างก็ปกติดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเลยคิดไปว่าตัวเองอาจแค่กำลังจะท้องเสียเลยทำให้ร่างกายปั่นป่วน
ผ่านไปเกือบเดือน อาการนี้เกิดขึ้นอีกครั้งช่วงตีสี่ ตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผลก็ออกมาอย่างเดิมคือ ไม่เป็นอะไร
วันถัดมา อาการดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้งขณะที่ผมไปรับหลานในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
อาการเดิมในช่วงเวลาที่เปลี่ยนทำให้ผมรู้สึกกังวลมากกว่าครั้งก่อนๆ
ปรึกษาเพื่อนมาหลายคนประกอบกับข้อมูลจากการหาในเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่นี้คือ Panic Disorder หรือ โรควิตกจริต
“อาการใจเต้นรัว ใจสั่นรุนแรง คลื่นไส้ เวียนหัว มือเท้าเย็นขณะรู้สึกหนาวจัดหรือร้อนจัด จนทำให้กลัวว่าจะตายหรือเป็นโรคร้ายแรง” ดูจะเป็นคำตอบของอาการที่เกิดกับผมในระยะนี้ จึงพยายามหาวิธีแก้จนพบว่าวิธีที่ได้รับความนิยมส่วนมากจะเป็นการเข้ารับคำปรึกษา พูดคุย และทำจิตบำบัด กล่าวคือ โรคนี้ไม่ต้องใช้ยารักษา เพราะมันเป็นอาการเจ็บป่วยทางใจ
…
“ทำไมเราถึงมีความกลัวในชีวิตมากมายขนาดนี้”
ทั้งที่อยู่ในช่วงที่น่าจะมีความสุขที่สุดแท้ๆ ทุกอย่างดูจะมั่นคง ผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านใหม่ แถมยังได้งานที่รู้สึกว่ามันดีเหลือเกิน อันที่จริงอะไรๆ ก็ดูลงตัวไปหมด แต่ทำไมสิ่งที่ไม่คาดฝันถึงได้เกิดขึ้นกับผม และทำไมถึงเกิดในช่วงเวลาดีๆ อย่างนี้
คำตอบที่ปรากฏขึ้นเร็วมากในตอนนั้นคือ
“ผมไม่ไว้วางใจในพระเจ้า”
…
ผมเลือกรับคำปรึกษาจากพี่เลี้ยงที่โบสถ์ก่อน และเขาก็หนุนใจให้ผมอ่านพระคัมภีร์ 1ยอห์น พร้อมกับบอกว่า “การห่างไกลจากความจริงจะทำให้เกิดความกลัว”
อีกอย่างมันก็เกี่ยวกับเรื่องของความไว้ใจด้วย พอกลับมาคิดๆ ดูแล้วปัญหาอย่างเดียวที่เกิดขึ้นคือการที่ผมไม่ติดสนิทกับพระเจ้ามากพอ เพราะในส่วนของความสามารถและความเหมาะสมแล้ว พระเจ้าคือผู้เดียวที่ไว้วางใจได้อย่างแน่นอน อีกทั้งพระองค์ยังเป็นพ่อของเราด้วย
“เช่นนี้แหละ เราจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์และพระองค์ทรงอยู่ในเรา เพราะพระองค์ประทานพระวิญญาณของพระองค์เองแก่เรา และเราได้เห็นและเป็นพยานว่า พระบิดาได้ทรงใช้พระบุตรมาเป็นพระผู้ช่วยโลกให้รอด ผู้ที่ยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าทรงอยู่ในคนนั้น และคนนั้นอยู่ในพระเจ้า ฉะนั้นเราจึงรู้ และวางใจในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงอยู่ในคนนั้น ความรักของเราจึงสมบูรณ์ในข้อนี้ เพื่อเราจะมีความมั่นใจในวันพิพากษา เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเช่นไร เราในโลกนี้ก็เป็นเช่นนั้น ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขับไล่ความกลัวออกไปเสีย เพราะความกลัวเกี่ยวข้องกับการลงโทษ และผู้ที่กลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์”
(1ยอห์น4:13-18)
_______________
ตอนนี้ แม้ความรักของผมยังไม่สมบูรณ์ถึงจุดที่จะสามารถขจัดความกลัวได้จนหมดสิ้น แต่หลังจากวันที่ได้เริ่มอ่าน 1ยอห์น มาเรื่อยๆ จนจบพระธรรมใหม่ครั้งแรกในชีวิต อาการป่วยปริศนานั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมอีกเลย
.
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับบทเรียน ขอบคุณสำหรับการที่มีพระคัมภีร์อยู่บนโลกนี้
และขอบคุณอีกครั้งสำหรับความกลัวไร้ที่มา
#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward
Related Posts
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน