คริสเตียน ลอยกระทงได้ไหม?
เราคริสเตียนไทยอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยเมืองแห่งวัฒนธรรม เราย่อมมีความภูมิใจในประเพณีอันดีงาม แต่ในฐานะคริสเตียนเราก็ยังคงต้องปฎิบัติตัวให้ถูกต้องสอดคล้องกับหลักความเชื่อของเราด้วยนะครับ ในเทศกาลลอยกระทงนี้คริสเตียนจะวางตัวอย่างไร? เราจะเข้าร่วมกิจกรรมอะไรได้บ้าง หรือไม่ได้เลย? วันนี้เรามาร่วมทำความเข้าใจกันครับ!
ภาพถ่าย โดย : Tevaprapas
.
เข้าใจแก่นแท้ของพิธีกรรมลอยโคมและลอยกระทง ว่าคือ “การบูชาเทพ”
“ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา ห้ามทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน ห้ามกราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น” – (เฉลยธรรมบัญญัติ 5:7-9)
.
ลอยกระทง เป็นพิธีกรรมที่พบได้ในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สืบทอดมาจากทางอินเดีย โดยมีตำนานเกี่ยวกับที่มาของการลอยกระทงดังนี้ว่า เป็นการบูชาพระบาทของพระพุทธเจ้าที่ริมแม่น้ำ ในคราวที่เสด็จลงไปโปรดพญานาคในบาดาลและกลับขึ้นมาได้ประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที เพื่อให้บรรดานาคทั้งหลายได้ลอยกระทงเป็นการสักการบูชา และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระพระอุปคุต (พระอรหันต์องค์หนึ่ง) ผู้บำเพ็ญตนอยู่ในสะดือทะเลและเป็นผู้ปราบพญามารไม่ให้พยามารมารบกวนพิธีฉลองการสร้างพระสถูปเจดีย์ ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชของอินเดีย
ทั้งหมดนี้คือ ตำนานการเกิดลอยกระทงเวอร์ชั่นออริจินัลจากอินเดียครับ นอกจากที่กล่าวยาวเหยียดแล้วยังมีตำนานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลอยกระทง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรากฐานมาจากความเชื่อศาสนาทั้งสิ้น
.
ภาพถ่าย โดย : Love Krittaya
.
ในประเทศไทย สมัยสุโขทัย เดิมมีการปล่อยโคมลอยเพื่อนมัสการ มหาเทพทั้ง 3 ของศาสนาพราหมณ์
อันได้แก่ พระศิวะ พระพรหม และพระนารายณ์ โดยในสมัยพ่อขุนรามคำแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า “พิธีจองเปรียญ” หรือ “การลอยพระประทีป“ ต่อมาได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปผสาน จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า ก่อนที่นางนพมาศ สนมเอกของพ่อขุนรามฯ จะคิดค้นประดิษฐ์กระทงดอกบัวขึ้นเป็นคนแรกแทนการลอยโคม และก็เกิดเป็นการลอยกระทงในน้ำสืบต่อมา
ต่อมาการให้ความหมายต่อการลอยกระทงกลายเป็นการบูชาพระแม่คงคา และผนวกการสะเดาะเคราะห์แบบไทยๆ เข้าไป จนในที่สุดเริ่มกลายเป็นเทศกาลการท่องเที่ยวและงานรื่นเริงมากขึ้น คอนเซ็ปท์ ณ ตอนนี้หลักๆ ก็คือ ขอโทษพระแม่คงคาที่ใช้น้ำ สะเดาะเคราะห์ และเพื่ออธิษฐานขอพร
ดังนั้น หากมองในแง่ของบ่อเกิดของพิธีกรรม จะเห็นว่าการลอยกระทงเป็นพิธีกรรมไม่ใช่แค่ประเพณีการท่องเที่ยวสวยงาม แต่เป็นการร่วมพิธีกรรมทางความเชื่อ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่สวยงามแต่คริสเตียนทำไม่ได้
“ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา ห้ามทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน ห้ามกราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น”
– (เฉลยธรรมบัญญัติ 5:7-9)
แต่จะมองว่านี่เป็นข้อสรุปที่ Conservative อนุรักษ์นิยมสุดๆ ดูไม่ทันสมัยเลยใช่มั้ยครับ ถ้าเติบโตในสังคมชาวยิวในอิสราเอลก็คงจะโอเคทำได้สบายมาก ในสมัยกิจการปัญหาทำนองนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับผู้เชื่อชาวยิวให้เปโตรได้ปวดหัวแน่นอน งั้นเรามาลองเปิดใจกว้างๆ ยืดหยุ่นอีกซักหน่อย เชิญมาเห็นใจพี่น้อง ชาวโรม เอเฟซัส โครินธ์ และไทยแลนด์!
ขอต้อนรับสู่ อีกหนึ่งแนวคิดแบบกรีกสไตล์ หรือ (Liberalism) เสรีนิยม ถ้าเป็นชาวต่างชาติที่มาเป็นคริสเตียนล่ะ? และนี่คือสิ่งที่ อ.เปาโล ได้พบ… นั่นคือคริสเตียนต่างชาติเหล่านี้ อยู่ในประเพณีของคนไม่เชื่อเต็มไปหมดเลย แถมบางคนนั่งกินของไหว้อีกซะงั้น!
.
ภาพถ่าย โดย : SeanMack
.
แค่ลอยเฉยๆ ไม่ใส่ธูปเทียน ถ่ายรูปชิคๆ ปล่อยโคมกับเพื่อนไม่ได้คิดอะไร๊!
พระเจ้ารู้พระองค์ดูที่ใจครับ แต่คนอื่นไม่ได้รู้ด้วยกับเรา คำว่าไม่ได้คิดอะไรนี่ตีความค่อนข้างยากครับ ไม่คิดอะไร แล้วเรารู้สึกผิดอะไรไหมนี่เป็นคำถามสำคัญมาก เพราะในพระคัมภีร์ได้ให้ความหมายความคิดต่อสิ่งที่เราจะทำนี้ว่า “มโนธรรม” (จิตสำนึกผิดชอบ) มโนธรรมตัวนี้จะเป็นบรรทัดฐานสำหรับเราในการตัดสินใจทำ และมันมีหน้าที่เตือนเราไม่ให้ทำผิดต่อน้ำพระทัยพระเจ้า
ขอให้อ่าน 1 โครินธ์ บทที่ 8 และ 10 โดยละเอียดในเรื่องนี้ แต่ขออนุญาตสรุปดังนี้ครับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองโครินธ์ที่ อ.เปาโลกำลังเผชิญก็คือ มีวัฒนธรรมที่ดีงามอันเกี่ยวข้องกับรูปเคารพมากเกินไป ทั้งพี่น้องที่นั่นที่มีหน้ามีตาในสังคมก็มักต้องไปอยู่ในงานเลี้ยงเทศกาลต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก อีกทั้งอาหารและเนื้อสัตว์ต่างๆ ในเมืองล้วนผ่านพิธีกรรมแทบทั้งนั้นก่อนที่จะเอามาขาย จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกินของที่ไม่ผ่านการไหว้เพราะมันแยกกันไม่ออกถ้าคนขายไม่บอก อีกทั้งพี่น้องก็ต่างมี “ความรู้” มากเสียด้วยจึงทำให้เกิดความไม่ระมัดระวังในการทำสิ่งต่าง ๆ (พระคัมภีร์ใช้คำว่าลำพอง) ความรู้ที่พูดถึงนี้เป็นความรู้ที่ดีงามถูกต้องด้วยคือ เขารู้ว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าสูงสุดองค์เดียว และพิธีกรรมอันทำแก่รูปเคารพนั้นเป็นสิ่งหาสาระไม่ได้ และทุกสิ่งที่เราทำ ทำด้วยใจขอบคุณพระเจ้า เมื่อรู้อย่างนี้เขาก็ทำสิ่งต่างๆ ได้ไม่ผิดต่อมโนธรรม แต่คนที่ไม่รู้ก็เลยไปสะดุดเขาอีกที…
“เรื่องของอาหารที่บูชารูปเคารพนั้น เราทั้งหลายทราบแล้วว่า “ทุกคนต่างก็มีความรู้” … เพราะฉะนั้น การกินอาหารที่บูชารูปเคารพนั้น เรารู้อยู่แล้วว่า “รูปเคารพในโลกนี้เป็นสิ่งไร้สาระ” และ “มีพระเจ้าแท้จริงเพียงองค์เดียว” และแม้จะมีหลายสิ่งที่เขาเรียกกันว่าเจ้าในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก ราวกับว่ามีพระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้ามากมาย แต่ว่าสำหรับเรานั้นมีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา” – (1 โครินทธ์ 8 : 1-6)
ผลปรากฏว่าเนื่องจากความรู้อันนี้ พี่น้องที่มีความเข้าใจเหล่านั้นจึงร่วมพิธีกรรมและรับประทานเนื้อที่ผ่านการไหว้ได้ (ด้วยใจขอบพระคุณ) และทำสิ่งต่างๆ ด้วยความสบายใจและไม่เป็นเหตุให้ตัวเขาเองผิดต่อมโนธรรมของตัวเขาเอง ซึ่งก็โอเคนะครับ
“ปัญหาก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่มีความรู้
และมีความเชื่อที่เข้มแข็ง”
“แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนมีความรู้อย่างนี้ เพราะมีบางคนที่เคยนับถือรูปเคารพมาก่อน เมื่อกินอาหารนั้นก็ถือว่าเป็นของบูชาแก่รูปเคารพจริงๆ และมโนธรรมของพวกเขายังอ่อนแออยู่ จึงเป็นมลทิน” – (1 โครินธ์ 8 : 7)
.
ภาพถ่าย โดย : Sweetpig1970
.
อ. เปาโลให้ความเห็นว่าอย่างไร?
“แต่จงระวังอย่าให้เสรีภาพของท่านนั้น ทำให้คนที่มีความเชื่อน้อยหลงผิดไป เพราะว่าถ้าผู้ใดเห็นท่านที่มีความรู้ นั่งรับประทานอาหารในโบสถ์ของรูปเคารพ จิตสำนึกผิดชอบที่อ่อนของคนนั้นจะไม่เหิมขึ้น ทำให้เขาบังอาจกินของที่ได้บูชาแก่รูปเคารพนั้นหรือ11 ความรู้ของท่านจะทำให้พี่น้องที่มีความเชื่อน้อย ซึ่งพระคริสต์ได้ทรงยอมวายพระชนม์เพื่อเขาต้องพินาศไปฉะนั้นเมื่อท่านทำผิดต่อพวกพี่น้อง และทำร้ายจิตสำนึกผิดชอบที่อ่อนของเขา ท่านก็ได้ทำผิดต่อพระคริสต์ด้วย เหตุฉะนั้นถ้าอาหารเป็นเหตุที่ทำให้พี่น้องของข้าพเจ้าหลงผิดไป ข้าพเจ้าจะไม่กินเนื้อสัตว์อีกต่อไป เพราะเกรงว่าข้าพเจ้าจะทำให้พี่น้องต้องหลงผิดไป” – (1คร. 8:9-13 )
.
แล้วเรื่องลอยกระทงและการปล่อยโคมลอยเอาไงดี?
ให้เราระวังอย่าให้เสรีภาพของเราทำให้พี่น้องที่มีความเข้าใจน้อยหลงผิดไปเลยครับ เพราะว่าถ้าใครเห็นเราซึ่งเป็นคริสเตียน นั่งลอยกระทงอยู่ริมแม่น้ำปิงวังยมน่านเจ้าพระยา หรือถ่ายรูปถือกระทง ชิค ๆ ลงเฟสบุ๊ค จิตสำนึกผิดชอบของเขาจะไม่หลงผิดคิดว่าคริสเตียนลอยกระทงได้งั้นหรือครับ ถ้าเราทำให้เขาหลงผิดเราก็ได้ทำผิดต่อพระเจ้าด้วยนะครับ ถ้าอย่างนั้นถ้าการลอยกระทงเป็นเหตุให้พี่น้องของเราเข้าใจผิด เราก็ไม่ควรลอยกระทงใช่ไหมครับ
ข้อความนี้ดูคล้ายในพระคัมภีร์เลยเพราะผมลอกพระคัมภีร์ข้างบนมานั่นเอง! นี่คือสิ่งที่เราควรระวังเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับกิจกรรมอื่นๆ ที่สืบเนื่องกับการลอยกระทง เช่น การท่องเที่ยว ถ่ายรูป เดินชมบรรยากาศ ซื้ออาหารข้างทางกิน ประกวดนางนพมาศนั้น ไม่ได้เป็นในส่วนของพิธีกรรมซะทีเดียว ก็สามารถทำได้ครับ สำหรับกิจกรรมที่ทำงานหรือโรงเรียน เช่น ประดิษฐ์กระทงของเด็กๆ ก็ให้เขาทำก็ได้ตราบใดที่ไม่ข้องเกี่ยวกับการไหว้ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรถือโอกาสสอนเขาด้วยว่าสิ่งที่เขาทำคืออะไร ในฐานะคริสเตียนไทยในแผ่นดินไทย เราเรียนรู้วัฒนธรรมไทยและเชิดชูในความสวยงามและดีงามของวัฒนธรรมเหล่านั้นได้ เพียงแต่อะไรที่จะเป็นเหตุให้พี่น้อง หรือตัวเราสะดุด เราก็ควรหลีกเลี่ยงครับ ตอบแบบนี้ดูซอฟท์ และดีต่อใจใช่ไหมครับ
สรุปคริสเตียนลอยได้กระทงหรือไม่?
ไม่ว่าจะอย่างไร อย่าลืมว่า ในคริสตจักเองก็มีทั้งคนที่ ปฎิบัติแบบพวกยิว หมายถึง ยึดถือว่าไม่ควรข้องเกี่ยวใดๆ กับพิธีกรรมนอกศาสนาเลย และกลุ่มที่ปฎิบัติแบบพวกกรีก หมายถึง เน้นเสรีภาพ และความเข้าใจ มากกว่าการปฎิบัติที่เคร่งครัด
“จงพิจารณาดูการปฏิบัติของพวกอิสราเอล คนที่รับประทานของบูชานั้นก็มีส่วนร่วมในแท่นบูชานั้นไม่ใช่หรือ? … ข้าพเจ้าหมายความว่าเครื่องบูชาที่พวกเขาถวายนั้น เขาถวายบูชาแก่พวกผี ไม่ใช่ถวายแด่พระเจ้า ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้พวกท่านมีส่วนร่วมกับพวกผี” –(1โครินธ์ 10:18-20)
อาจารย์เปาโลเอง ก็หนุนใจว่าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เข้าร่วมในกิจกรรมเหล่านั้นครับ และสำหรับผู้ที่อยากจะร่วมหรือเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ได้เสนอว่า
“เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นทำให้เจริญขึ้น อย่าให้ใครเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น” –(1โครินธ์ 10:22-24)
ต้องเห็นแก่จิตวิญญาณของผู้อื่น และนี่คือข้อสรุป ที่ครอบคลุมขึ้นสำหรับแนวทางการปฎิบัติต่อเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวโยงกับความเชื่อของคริสเตียน แต่สิ่งที่ขัดชัดเจนก็คือสิงที่ขัดชัดเจนและไม่ควรทำนะครับ
“เพราะฉะนั้นเมื่อพวกท่านจะรับประทาน จะดื่มหรือจะทำอะไรก็ตาม
จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า อย่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกยิวหรือพวกกรีก
หรือคริสตจักรของพระเจ้าหลงผิดไป” – (1โครินธ์ 10:-31-32)
ด้วยรักและชูใจ
แหล่งอ้างอิง
ข้อมูลข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประวัติและความหมายทางประเพณีลอยกระทง
1. วิกิพิเดีย Wikipedia.org
2. เว็บไซด์ผู้จัดการ www.manager.co.th
3. กระปุกดอทคอม www.kapook.com
เบื้องหลังทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับบริบทในเมืองโครินธ์
-เว็บไซด์คริสตจักรพันธกิจ http://www.actschurchcm.com/resoureces/detail.php?id=490&type=article เบื้องหลัง
#Featured คอลัมน์ทันกระแสสังคม หยิบจับเรื่องทั่วไปมาพูดใหม่ในมุมมองคริสเตียน
ทุกวันพฤหัสสีส้มส้มน้าาาาา!!!
Related Posts
- Author:
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง