*ในส่วนของภาพประกอบให้เรียงอ่านจากซ้ายไปขวา
พระคริสต์ธรรมคัมภีร์…หนังสือที่ต้องอ่านอย่างเข้าใจ
“หากพระเจ้าเมตตา แน่นอนว่าแม้จะตาบอดก็สามารถอ่านพระคัมภีร์อย่างเข้าใจได้”
เพราะการอ่านพระคัมภีร์จำเป็นต้องพึ่งการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการเปิดเผยถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ซ่อนอยู่ใต้ตัวอักษรนั้น แต่ในขณะเดียวกันเราต้องไม่ลืมว่ามารซาตานเองก็เชี่ยวชาญและสามารถ ใช้พระธรรมต่างๆ มาล่อลวงมนุษย์ได้ ดังนั้นการเข้าใจพระคัมภีร์ผิดๆ หรือตีความเข้าข้างตนเองก็สามารถสร้างความแตกแยกได้ ไม่ว่าจะระดับเรื่องเล็กภายในบ้าน ระดับความบาดหมางในคริสตจักร จนยิ่งใหญ่ไปถึงความบานปลายระดับชาติเลยทีเดียว
|

เข้าใจพระคัมภีร์ เริ่มที่ “การเข้าใจบริบท”
การเข้าใจบริบท คือ การเข้าใจถึงวาระและความหมายของสิ่งที่ผู้ถ่ายทอดต้องการจะสื่อ ซึ่งบางครั้งความหมายของคำหรือสัญลักษณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยหรือวัฒนธรรม
การสื่อสารอาจเกิดความผิดพลาดได้หากเราไม่เข้าใจบริบท #พระคัมภีร์ก็เช่นกัน หากเราไม่เข้าใจบริบทว่าในสมัยนั้นคนยิวเข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังอ่านหรือได้ยินอย่างไร เราก็อาจจะเข้าใจผิดหรือเข้าใจพระคัมภีร์ข้อนั้นได้ไม่เต็มที่
การจะเข้าใจบริบทได้ ก็ต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของในแต่ละบริบท อันได้แก่
- เวลา
หมายถึงเวลาที่พระธรรมเล่มนั้นได้รับการเขียน ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจได้ว่า ภาษา สัญลักษณ์ หและสถานการณ์เศษฐกิจกับการเมืองในตอนนั้นเป็นอย่างไร เช่น ทำไมคนยิวในสมัยนั้นถึงตั้งความหวังในพระคริสต์เหลือเกิน ทำไมผู้หญิงต้องสวมผ้าคลุมหัว หรือทำไมต้องเลี้ยงคนห้าพันคน ฯลฯ
- ผู้เขียน ผู้รับสาร และวัตถุประสงค์
ข้อความที่ไลน์ให้แฟนคงต่างจากข้อความในอีเมล์ที่ส่งให้อาจารย์ฉันใด การเขียนพระธรรมแต่ละเล่มในพระคัมภีร์ก็ต่างกันฉันนั้น เช่น พระคัมภีร์ประเภทพระกิตติคุณ (มัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น) อ่านผิวเผินอาจจะเหมือนการเล่าเรื่องซ้ำๆ กัน แต่หากอ่านด้วยความเข้าใจในวัตถุประสงค์และผู้รับสารก็จะเห็นว่ารายละเอียดอย่างการจัดเรียงตอนต้นและตอนจบนั้นถูกเรียบเรียงเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

- ประเภท (Genre)
แนะนำว่าเราควรรู้การจำแนกประเภทของแต่ละเล่มไว้ เพื่อตอนอ่านจะได้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ โดยอธิบายอย่างคร่าวได้ว่าพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ประกอบด้วยหนังสือย่อยทั้งหมด 66 เล่ม แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ พันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่
1) พันธสัญญาเดิม: รวมทั้งหมด 39 เล่ม แบ่งย่อยเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1.1 เบญจบรรณ (กฎปฏิบัติ)
> ปฐมกาล, อพยพ, เลวีนิติ, กันดารวิถี, เฉลยธรรมบัญญัติ
1.2 ประวัติศาสตร์
> โยชูวา, ผู้วินิจฉัย, นางรูธ, 1 ซามูเอล, 2 ซามูเอล, 1 พงศ์กษัตริย์, 2 พงศ์กษัตริย์, 1 พงศาวดาร, 2 พงศาวดาร, เอสรา, เนหะมีย์, เอสเธอร์
1.3 กวีและปรัชญา
> โยบ, สดุดี, สุภาษิต, ปัญญาจารย์, เพลงซาโลมอน
1.4 ผู้เผยพระวจนะ (ผู้พูดแทนพระเจ้า)
> อิสยาห์, เยเรมีย์, เพลงคร่ำครวญ, เอเสเคียล, ดาเนียล, โฮเชยา, โยเอล, อาโมส, โอบาดียาห์, โยนา, มีคาห์, นาฮูม, ฮาบากุก, เศฟันยาห์, ฮักกัย, เศคาริยาห์, มาลาคี
2) พันธสัญญาใหม่: รวมทั้งหมด 27 เล่ม มีการแบ่งย่อยตามประเภทได้หลายแบบ ซึ่งในที่นี้ ชูใจ จะขอกล่าวถึงแบบที่นิยมใช้ทั่วไป คือการแบ่งย่อย 5 ประเภท ได้แก่
2.1 พระกิตติคุณ (พระวรสาร)
> มัทธิว, มาระโก, ลูกา, ยอห์น
2.2 ประวัติศาสตร์
> กิจการ
2.3 จดหมายฝาก อ.เปาโล
> โรม, 1โครินธ์, 2 โครินธ์, กาลาเทีย, เอเฟซัส, ฟิลิปปี, โคโลสี, 1 เธสะโลนิกา, 2 เธสะโลนิกา, 1 ทิโมธี, 2 ทิโมธี, ทิตัส, ฟิเลโมน, ฮีบรู
2.4 จดหมายฝากอื่นๆ
> ยากอบ, 1 เปโตร, 2 เปโตร, 1 ยอห์น, 2 ยอห์น, 3 ยอห์น, ยูดา
2.5 พยากรณ์
> วิวรณ์

_______________
จบไปแล้วสำหรับ EP.0 ที่ได้กล่าวถึงภาพรวมของพระคัมภีร์ หลังจากนี้ ผู้เขียนจะค่อยๆ นำทุกคนเดินทางผ่านพระคัมภีร์แต่ละประเภทจนหมดก่อน แล้วจึงจะตามด้วยการอธิบายพระธรรมแต่ละเล่ม โดยหวังว่าชาวชูใจจะกลับไปอ่านพระคัมภีร์แล้วสนุกขึ้นอีกนิด และฟังคำเทศนาที่โบสถ์ได้เห็นภาพขึ้นอีกหน่อย
ฝากคอลัมน์ “พระคัมภีร์เข้าใจง่าย” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะ
.
ด้วยรักและชูใจ
*หากใครสนใจเรื่องการตีความพระคัมภีร์สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสืออ่านพระคัมภีร์อย่างไรให้คุ้มค่า ของ กอร์ดอน ดี. ฟี และ ดักลาส สตวร์ท จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์กนกบรรณสารครับ www.kanokbannasan.org
#พระคัมภีร์เข้าใจง่าย คอลัมน์ที่สนับสนุนให้คริสเตียนไทยอ่านพระคำภีร์อย่างมีความรู้ในพระวจนะของพระเจ้า ด้วยการแนะนำให้รู้จักและอธิบายให้เข้าใจโดยคร่าว เพื่อในที่สุดแล้วชาวชูใจจะแยกย้ายกันไปหยิบพระคัมภีร์ขึ้นมาอ่านเสริมสร้างความรู้ก้าวสู่ชีวิตนิรันดร์






