เขียนโดย Paul Maxwell
ที่มา: https://www.desiringgod.org
แปล เอล
เรียบเรียง จิ๊ก
สิ่งที่คุณพูดกับตัวเอง
การโดนทิ้งเป็นเรื่องที่มีข้อควรระวังอยู่ สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งของการถูกทิ้งคือความเชื่อที่ว่า การเลิกกับแฟนหรือถูกแฟนทิ้งแสดงถึงคุณค่าภายในของเรา
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการถูกทิ้งไม่ใช่การรักษาแผลใจ ไม่ใช่การทำใจให้ได้ ไม่ใช่การอยู่โสดอย่างแฮปปี้ คำแนะนำเหล่านี้เป็นความหวังดี ที่กลายเป็นภาระและทำให้เราหลงประเด็นไป จริง ๆ แล้วความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการถูกทิ้ง คือ เสียใจให้พอ “แต่” ไม่จมดิ่งและหลงไปกับคำพูดที่ปิดตาเราให้หมดหวัง ไม่เห็นทางออก และลืมพระเจ้า ดังนั้นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการถูกทิ้งคือ ยอมรับว่าความรู้สึกต่างๆ นั้นเป็นของจริงและเราผ่านเรื่องนี้ไปเองคนเดียวไม่ได้ รวมทั้งกล้าเผชิญหน้าและท้าทายทุกความเกลียดชังและขมขื่นที่เรารู้สึกต่อตัวเองและคนอื่นด้วยความชื่นชมยินดี
5 เสียงเหล่านี้คือคำพูดที่เราต้องต่อสู้เวลาโดนทิ้ง
1. เราไม่น่า(ถูก)รักเอาซะเลย
“เขาคิดถูกแล้วที่ทิ้งคุณไป”
“เธอมันน่าเกลียด”
“แกมันดีไม่พอ”
หลายครั้งเราก็เอาคำพูดพวกนี้มาทิ่มแทงตัวเอง “ฉันมันอ้วน” “ฉันตลกไม่พอ” “ฉันดีไม่พอ” เราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ๆ โดยมองหาแต่คนที่สมบูรณ์แบบ คนที่เต็มสิบๆๆๆ ไม่ว่าจะคนที่พูดเก่ง ประสบความสำเร็จ แต่งตัวดี สะอาดสะอ้าน ฐานะดี หน้าตาดีรอบๆ ตัวเรา แล้วพอย้อนมองดูตัวเองในกระจก เราก็บอกกับตัวเองว่า “ฉันให้คะแนนตัวเองสัก 4 คะแนนละกัน” นั่นแหละครับ ความรู้สึกของการไม่สมควรได้รับความรัก
2. ไม่มีใครมาแทนที่แฟนเก่าเราได้
“ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นได้อีกแล้ว”
“แฟนเก่าเราเค้าดีไปหมดทุกอย่าง”
หลังจากถูกทิ้ง อะไร ๆ ก็ทำให้นึกถึงแฟนเก่า พอเห็นต้นไม้ก็คิดถึง “แฟนเก่าเราชอบต้นไม้” เห็นหนังสือเล่มนั้นก็คิดถึง “แฟนเก่าเราเคยแกล้งทำเป็นอ่านหนังสือ” ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับแฟนเก่าทำให้จิตใจเราอ่อนไหว ตอนไปก็ไม่อยากให้ไป เหลือทิ้งไว้แต่ความทรงจำที่ไม่อยากให้อยู่
3. เราจะต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต
“ความรู้สึกนี้จะไม่มีวันจางหาย”
“ฉันจะรู้สึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ”
“ฉันเป็นคนทำพังทุกครั้ง ฉันผิดเอง”
ความคิดที่ว่าเราจะต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตน่ากลัวยิ่งกว่าการถูกทิ้งซะอีก เหตุผลง่ายๆ เลย เราคิดว่า “มันแน่อยู่แล้ว เพราะเราไม่น่ารักก็เลยไม่มีใครรักเรา” เสียงในหัวคุณก็จะพูดว่า “ถ้าคนดีๆ อย่างแฟนเก่ายังทิ้งเราไป คนอื่นที่เราอยากจะอยู่ด้วยในที่สุดก็คงทิ้งเราไปเหมือนกันนั่นแหละ”
4. เราจะรู้สึกแบบนี้ไปตลอดชีวิต
“ฉันหมดโอกาสที่จะมีความสุขแล้ว”
“ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนความรู้สึกนี้ได้”
ความสิ้นหวังไม่ได้ทำให้เราเจ็บแค่จุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย แต่เป็นเหมือนโดนผูกกับเหล็กร้อนระอุไปทั่วทั้งร่างกาย ชีวิตช่างมืดมน ความหวังก็หดหายไปหมด การถูกบอกเลิกก็เหมือนหลงเข้าไปในเขาวงกตที่ไปทางไหนก็เจอแต่คำปฏิเสธ คุณร้องขอความรักจากฟ้า แต่ก็ได้กลับมาแค่กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เขียนว่า “ไม่” ตัวสีแดง
5. พระเจ้าทรงลงโทษฉัน
“ฉันน่าจะตกลงวางขอบเขตให้ดีกว่านี้. . . ”
“ถ้าเราสองคนอธิษฐานมากกว่านี้ พระเจ้าอาจจะ. . . ”
“พระเจ้าคะ ครั้งต่อไป หนูจะทำให้ดีกว่านี้”
คิดง่ายๆ คนที่แย่กว่าคุณที่มีชีวิตคู่ดีๆ ก็มี คนที่ดีกว่าคุณและอยากจะมีแฟนแต่โสดก็มี จะโสดหรือไม่โสด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีของเรา แต่เราอาจจะต้องใช้เวลา เป็นอาทิตย์ เป็นเดือนหรือเป็นปีกว่าจะเข้าใจเรื่องนี้ สำหรับคนที่แบกความรู้สึกผิดตลอดเวลา คงเป็นเรื่องยากที่เราจะไม่เชื่อเสียงที่ก้องอยู่ในหัวว่า “พระเจ้าทรงลงโทษเราเพราะเรื่องความบาปที่ทำลงไป”
สิ่งที่พระเจ้าตรัสกับคุณ
เวลาถูกทิ้ง ก็เหมือนโดนระเบิดที่ทำให้เราหูดับ จนไม่ได้ยินเสียงของคนที่รักเราไม่ว่าใคร แม้แต่เสียงของพระเจ้า แต่แค่เพราะว่าเราไม่ได้ยินไม่ได้แปลว่าไม่มีความรักสำหรับเรานะ และต่อไปนี้คือความจริง!
5 ข้อที่จะดามหัวใจของคุณหลังจากโดนทิ้ง
1. ความรักไม่ใช่เรื่องของการได้คะแนนเต็ม 10
แม้คริสเตียนที่ออกเดทกันก็ยังอดคิดเรื่องการให้คะแนนไม่ได้ “ผู้หญิงคนนี้สัก 6 หรือ 7 คะแนนดีนะ?” แต่แนวคิดแบบนี้ทำให้เราทำร้ายตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจ การคบกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อการตามหาคนที่ดีที่สุดให้เขามารักเราอาจทำให้อายุของการคบกันอยู่ได้แค่ปีสองปี
ความจริงก็คือสิ่งเดียวที่เราพอจะมีให้ได้ก็คือความรัก แค่นั้นจริง ๆ และสิ่งเดียวที่คนที่อาจจะเป็นคู่ชีวิตเราให้ได้ก็คือความรักเช่นกัน และความรักไหนจะยิ่งใหญ่กว่าความรักของพระคริสต์อีก (ยอห์น 15:13) ความรักของพระเจ้าปลดปล่อยเราจากคำเยาะเย้ย จากความสัมพันธ์ที่ไม่จริงจัง ความสัมพันธ์ที่แปรผันได้ทุกเมื่อ บางครั้งเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้การเลิกกันยากขึ้นกว่าเดิม (ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ) ถึงอย่างนั้น ข่าวดีก็คือความรักอันลึกซึ้งของพระเจ้าที่มีต่อเรา ทำให้มีโอกาสเจอการคบกันแบบไม่จริงจังน้อยลง
2. เราเป็นที่รัก
ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุณไม่สัมผัสถึงความรัก จริงๆ มันยิ่งกว่านั้น คุณรู้สึกเหมือนว่าไม่มีใครรักคุณได้อีกต่างหาก! คุณจะได้รับความรักจากพระเจ้าได้ยังไงเมื่อมีคนขว้างคำปฏิเสธระเบิดใส่หัวใจคุณ
สิ่งสำคัญที่สุดในสถานการณ์แบบนี้คือการพึ่งพาคนที่ทำให้เราเห็นความรักของพระเจ้าได้ชัดที่สุด เป็นเรื่องง่ายมากเลยที่เราจะทำตัวโฮลี่ในช่วงรักษาแผลใจด้วยการเก็บตัวและออกห่างจากความรักของคนที่รักเรา ใช่ครับ การอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ ติดสนิทกับพระเจ้าเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่คุณต้องมีคนช่วยรักษาแผลใจด้วย
ไม่ใช่เรื่องผิดบาปถ้าเราต้องการความรักจากเพื่อนและครอบครัวในการรักษาจิตใจ เพราะที่จริงพระเจ้าสร้างเราให้ “รักซึ่งกันและกัน เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น” (ยอห์น 13:34)
พระบัญชาของพระเจ้าที่ให้เรารักซึ่งกันและกันไม่ได้เป็นเพียงคำสั่งเท่านั้น แต่เป็นของขวัญจากพระเจ้าที่เราสามารถพักใจได้เมื่อเราต้องการให้คนอื่นช่วยนำเราเข้าสู่ความรักของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์
3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ถ้าเราหยุดคิด ตั้งสติ มองดูคนรอบตัวให้ดีก็จะเห็นว่าคนอื่นที่อกหัก แต่กลับมาสรรเสริญพระเจ้าได้ภายในเวลาแค่หนึ่งปีก็มี ผมรู้ว่าคุณคงนึกไม่ออกว่าคุณจะรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ถูกทิ้งได้ยังไงใช่ไหมล่ะครับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อำนาจอธิปไตยของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าความเสียดาย “แฟนเก่าที่แสนดี” เมื่อเรามีพระเจ้า เราไม่เคยเสียคู่ชีวิตดีๆ ไปเลย ความรักที่ไม่สมหวังคือการปกป้อง คือแผนการ คือการดูแลที่มาจากพระเจ้า
ผู้เขียนสดุดีเคยสงสัยว่า “ความรักมั่นคงของพระเจ้าสูญสิ้นไปเป็นนิตย์แล้วหรือ พระสัญญาของพระองค์ล้มเลิกไปตลอดกาลหรือ” (สดุดี 77:8) ตอนนี้อย่าเพิ่งรีบอ่านข้อถัดไป หยุดพักตรงนี้ก่อน ร้องไห้ไปกับผู้เขียนสดุดีก่อนก็ได้ เราไม่รู้ว่าผู้เขียนต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะผ่านความรู้สึกที่บรรยายในข้อนี้ไปได้ อาจจะเป็นเดือนๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาตาสว่าง เขาได้เขียนว่า
‘ข้าพเจ้าจะระลึกถึงพระราชกิจทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ในครั้งเก่าก่อน ‘สดุดี 77:11
เขานึกขึ้นมาได้ว่า “ครั้งล่าสุดที่ฉันมีปัญหา พระเจ้ามีวัตถุประสงค์ในชีวิตฉันและพระองค์สามารถฉุดฉันขึ้นมาจากโคลนตมได้” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญและด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงรักและไม่เคยทอดทิ้งเรานั้นจะทรงเปลี่ยนสถานการณ์จากร้ายเป็นดีได้
4. เราจะไม่เป็นอะไร
เวลาถูกเทเราอยากให้เขากลับมา หรือไม่ก็อยากได้ความมั่นใจว่าเราจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ แต่ไม่มีใครสามารถรับประกันว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีหรอกนะครับ การพูดปลอบใจคนที่ถูกทิ้งก็เหมือนการโกหกหน้าตายนั่นแหละ
แต่พระสัญญาของพระเจ้าต่ออนาคตของเราก็คือ พระเจ้ายังไม่ได้ประทานพระคุณที่เราต้องการในวันพรุ่งนี้ให้แก่เราในวันนี้ … จบ! คุณยังไม่ได้รับพระคุณนั้น และไม่มีสิทธิ์ไปเอามาเองด้วย
“ความรักมั่นคงของพระยาเวห์ไม่เคยหยุดยั้งและพระกรุณาของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นของใหม่ทุกเวลาเช้าความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก “ (เพลงคร่ำครวญ 3: 22-23)
ความยากลำบากในการต่อสู้กับความรู้สึกแย่จากการถูกทิ้งในวันนี้มีคุณค่านะครับ อย่าประเมินมันต่ำไป โฟกัสเฉพาะวันนี้เท่านั้น เพราะความคิดของวันพรุ่งนี้จะทำให้คุณนอนติดเตียงดูทีวีอยู่แต่ในบ้าน กินไม่หยุด (หรือแม้แต่การล้วงคออ้วกจนเป็นนิสัย) เรื่องของ “พรุ่งนี้” เป็นภาระที่หนักหนาเกินกว่าที่จะแบกรับในวันนี้ “เพราะฉะนั้นอย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว“ (มัทธิว 6:34)
5. หัวใจที่แตกสลายทำให้เรารักเป็น
ความรักของพระเยซูคริสต์เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทนทุกข์ของพระองค์ “พระคริสต์ทรงรักเราและประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า “(เอเฟซัส 5: 2) ความทุกข์ทรมานของพระคริสต์เพราะความรักของพระองค์เพื่อพวกเรา คือ สง่าราศีของพระองค์
คนเรามักจะตีความอาการอกหักว่าเหมือนสัญญาณชีวิตที่กำลังจมดิ่งสู่ความตาย ถึงจะไม่มั่นใจเรื่องอนาคต เราก็รู้ว่าอาการปวดใจนั้นสะท้อนพระสง่าราศีของพระเจ้าในตัวคุณ คุณกำลังได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์ (2 โครินธ์ 3:18) ตอนนี้คุณก็สามารถเข้าใจความรักที่พระเจ้ามีให้แก่คนบาปได้อย่างแท้จริง
_______________
ความเจ็บปวดเปลี่ยนเราให้เป็นคนใหม่
การเลิกกันอาจจะเหมือนถูกสะเก็ดระเบิดแบบโทนี่ สตาร์ค ใน Iron Man การถูกทิ้งก็เป็นแบบนั้นเช่นกันครับ แถมยังไม่ได้ทิ้งแค่แผลเป็นเอาไว้ แต่เรายังต้องเดินหน้าต่อทั้งๆ ที่ส่วนหนึ่งในชีวิตเราโดนขโมยหายไปอีกด้วย และที่สำคัญคือเรา “หยุดคิดเรื่องแฟนเก่าไม่ได้” นั่นแหละ คุณเพิ่งโดนระเบิดกัมมันตรังสี ผ่าออกไม่ได้ ดังนั้นการรักษาใจไม่ใช่การทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ต่างหาก
พระเจ้าทรงดูแลเราอยู่ ความรักของพระองค์ยังเป็นเข็มทิศนำชีวิตและสถานการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ ถึงคุณจะรู้สึกเหมือนกับว่าจิตวิญญาณคุณโดนเข็มพิษทิ่มแทง…
แต่ชีวิตที่ฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้าคือสิ่งที่ช่วยค้ำจุนคุณ
เมื่อคุณรู้สึกแตกสลาย พ่ายแพ้ และสิ้นหวัง
<3 พบกับคอลัมน์ LoveCoach ที่รวมทุกเนื้อหาเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ และ โค้ชเจเจ้ ที่จะมาตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคารสีชมพูววว์ หรือ ใครที่มีเรื่องความรักแน่นอก อยากให้พี่ชูใจช่วยยกออก ก็ Inbox เข้ามาได้จ้า <3
Related Posts
- Translator:
- เอล Elsa
- สาวน้อยเอกภาษาหน้าแฉล้มจากรั้วจามจุรี (แอร๊ย น่าหยิกแก้มมาก) อยากรับใช้พระเจ้าด้วยสกิลทางภาษาที่มี เลยอาสามาช่วยชูใจกัน แต่เธอเป็นคนตอบไลน์ช้ามากนะ บอกไว้ก่อน!
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง