“คือ…พี่อยากจะปรึกษาพวกเราเรื่องของขวัญในงานคริสต์มาสประกาศน่ะค่ะ”
ภายในห้องประชุมน้อยๆ อาคารสำนักงานคริสตจักรเวลาบ่ายโมงกว่าที่ภายนอกร้อนแผดด้วยแดดบ่าย แต่บรรยากาศในการประชุมกรรมการคริสต์มาสกลับมีความร้อนระอุกว่าทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ผมเข้าประชุมในฐานะกรรมการฝ่ายไหนก็จำไม่ค่อยได้ เพราะเข้ามาแล้วหลายฝ่าย ทั้งคนเขียนบท ฝ่ายศิลป์ ผู้กำกับ และประชาสัมพันธ์ ถ้าพระเจ้าเมตตาหวังว่าปีต่อๆ ไปคงไม่ได้นำประชุมในฐานะประธานการจัดงานนะ เพราะผมจัดการกับเรื่องจุกจิกหยุมหยิม อย่างเรื่องน้ำลำไยหรือน้ำมะตูม ข้าวผัดหรือขนมจีน ใช้จานพลาสติกหรือจานโฟม ได้ไม่ดีแน่ๆ นอกจากนั้นหัวข้อที่มักได้ยินก็หนีไม่พ้นเรื่องของขวัญ รายการแสดง ของกินในงาน และงบประมาณที่เพิ่มๆ ลดๆ โยกย้ายถ่ายเทตลอดเวลา
“มีคนเอาของเก่ามามอบให้เป็นของขวัญค่ะ เราควรทำยังไงกับของพวกนี้” เมื่อถึงหัวข้อเกี่ยวกับของแจกในงาน คุณพี่หัวหน้าฝ่ายของขวัญหน้าเสียพร้อมทั้งหยิบตัวอย่างของขวัญสภาพแปลกๆ ที่มีคนมอบให้มาวางบนโต๊ะ
บนโต๊ะ…มีหม้อหุงข้าว เก่าคร่ำครึเขรอะสนิม ข้างในเต็มไปด้วยคราบขาวๆ เหมือนน้ำข้าว
“นอกจากเงินกับของใหม่ ของมือสองสภาพดีเราก็รับนะ แต่พวกนี้ไม่เข้าข่ายด้วยซ้ำ” กรรมการคนหนึ่งหยิบ และพลิกของพวกนั้นดู นอกจากหม้อหุงข้าวหน้าตาน่ากลัวแล้ว ก็ยังมีเสื้อผ้าเด็กที่เป็นคราบเหลือง แล้วก็ของเล่นเก่าๆ สภาพผุพัง แขนขาหัก แบบนี้ก็มีแฮะ!
“เราประชาสัมพันธ์ไม่ดีเพียงพอเหรอ ของพวกนี้อย่าว่าแต่เป็นของขวัญเลย เอาไปบริจาคยังแทบไม่ได้” พี่สาวหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์หน้าถอดสี เธอคงรู้สึกไม่โอเคกับการสื่อสารของเธอที่สร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนของสมาชิก
ของมือสองที่พูดถึงก็คืผมอ ของขวัญที่ได้รับมาเนื่องในโอกาสต่างๆ แต่ไม่ได้แกะใช้ หรือของที่เราซื้อมาแล้วเก็บเอาไว้ไม่ได้แตะต้องสภาพคงเดิม เราสามารถนำของพวกนี้มาเล่นเกมเล็กๆ แจกรางวัล หรือ ขายเพื่อหาทุนจัดงานคริสต์มาส ซึ่งก็ทำกันมาหลายปี สุดท้ายทีมกรรมการตัดสินใจแยกของเหล่านั้นที่สภาพพอใช้ไว้บริจาคให้ผู้ที่มีความจำเป็น แต่สำหรับบางส่วนก็ต้องขายเป็นของเก่าชั่งกิโลไป กลัวเหลือเกินว่าคนที่มอบให้เห็นแล้วจะเสียใจที่เราไม่ได้เอาของๆ เขาไปเป็นของขวัญอย่างที่ประกาศเชิญชวน แต่ก็กลัวเหมือนกันว่าถ้ามีคนได้รับของพวกนี้ไปจะรู้สึกยังไง
เคยให้อะไรใครแล้วต้องละอายใจไหมครับ? เคยเสียใจที่ได้รับบ้างไหม? เคยอิจฉาคนอื่นที่ได้ในของที่เราอยากได้ไหม? เคยให้อะไรใครไปแล้วนึกเสียดายหรือเคยฝันสลายเมื่อเปิดของขวัญที่หีบห่อข้างนอกสวยงามแต่ข้างใน…ไหม? เรื่องพวกนี้เวลาเราจัดงานคริสต์มาสเราต้องระวังให้มากและรอบคอบสุดๆ ถ้าไม่อยากให้คนมาเสียใจ เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องจำฝังใจมากเลย และจะยิ่งเห็นได้ชัดมาก ถ้ามีการแลกของขวัญ
.
“ถ้าเราคิดไม่รอบคอบมากเพียงพอ ของขวัญสามารถเป็นข่าวร้ายได้ทั้งผู้ให้และผู้รับ”
…แต่จะว่าไป ผมก็เคยทำ แฮร่!
.
ว๊าปกลับไปในวัยเด็ก ผมเกลียดกลัวการแลกของขวัญวันคริสต์มาสเพราะความทรงจำเลวร้ายในวัยประถม…
“นักเรียน… ไม่เอาคุกกี้กล่องแดงนะคะ
แล้วก็ไม่เอากรอบรูป
ผ้าขนหนูก็ไม่เอา
ไม่เอาของกิน กับเครื่องเขียน
นาฬิกาก็ไม่เอาด้วย
แล้วพวกช็อคโกแลตดีๆ อร่อยๆ ล่ะค่ะครู…
แบบนั้นเอาจ้ะ!
ไม่เอาของที่เฉพาะเพศและเฉพาะวัย
ไม่เอาของประเภทยกแพ็กแม๊คโคร!”
“เป็นความสมัครใจของทุกคนนะ จะไม่แลกก็ได้ ใครไม่แลกยกมือขึ้นได้เลยนะ ครูจะได้ไม่ทำฉลาก” แม้จะดูเสรีตามความสมัครใจขนาดนั้น แต่พอจะนึกออกไหมครับถ้าเรายกมือครูก็จะเดินเข้ามาแล้วยิ้มถามอย่างอ่อนโยนว่า “น้องคริสต์ ทำไมไม่แลกล่ะคะ หนูมีปัญหาติดขัดอะไรรึเปล่าลูก?” แล้วเพื่อนๆ จะมองมาเป็นสายตาราวกับว่า “ทำไมล่ะปีละหนึ่งครั้งเอง ที่บ้านมีปัญหาทางเศรษฐกิจเหรอ?”
โอ้โห!!! แต่ครูครับไม่เอาตั้งหลายอย่าง แถมขั้นต่ำ 100 บาท ไม่รวมค่าหีบห่อ สมัยนั้นยังไม่มีช็อปปิ้งออนไลน์ Lazada ซักหน่อยผมจะไปหามาจากไหน กำหนดสเป๊กกันแน่นขนาดนี้
เศร้าไปอีกตรงที่บ้านผม “ขายของชำ” (ถึงคนแถวนั้นจะเรียกว่ามินิมาร์ท) หมายความว่า ที่บ้านซึ่งเป็นชาวจีนค้าๆ ขายๆ โดยสมบูรณ์จึงไม่กระตือรืนร้นในการพาเด็กน้อยคนนี้ไปห้างหรอก “ของที่บ้านเยอะแยะ” อาโกบอกว่า อยากได้อะไรก็หยิบๆ ไป ให้มันครบตามราคากำหนด แล้วแกก็เตรียมกระดาษห่อของขวัญให้เสร็จสรรพ โอ้แม่เจ้า…ผมอยากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่!!! นี่มันหายนะชัดๆ ผมไม่อยากไปโรงเรียนเลยตอนนั้น แต่ด้วยความเป็นเด็กไม่ได้คิดมากอะไรผู้ใหญ่บอกให้ทำอะไรก็ทำ
…
“น่าเกลียดมาก ทำไมเค้าได้แต่ดินสอ!!
เค้าอุตส่าห์ซื้อของแพงมาแลก”
.
เด็กหญิงหยกแหวดังลั่น ผมยังจำใบหน้าของเด็กผู้หญิงที่จับได้ฉลากของใครคนนึงได้ หน้าตาเธอแบบร้าวรานสุดๆ สำหรับเด็กๆ เวลาที่เราต้องกังวลว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไรกับของขวัญของเรา มันทรมานทีเดียว สีหน้าของผู้ได้รับเป็นเหมือนกับ คำตัดสินของเขาต่อคุณค่าของเราเลยทีเดียว มันเหมือนถูกปฏิเสธแล้วก็สร้างบาดแผลในใจ เด็กหญิงหยกคงผิดหวังไม่น้อย ผมลุ้นมากว่าคนที่จับได้ของๆ ผมจะเป็นยังไงและหวังว่าเขาจะไม่ตะโกนลั่นห้องแบบนั้นนะ ปรากฏว่าคนที่ได้ของๆ เราคือคนที่เอาดินสอเป็นกำๆ มากแลก ( โอเคถือว่าหายกัน >_< ) ส่วนตัวผมจับได้กระปุกหมูสีทองที่มีกากเพชรกลิตเตอร์ระยิบระยับสีทอง
“นี่ไงกระปุกหมูของเรา” เจ้าของกระปุกคนก่อนโผล่พรวดเข้ามาชี้หมูให้เพื่อนดู ด้วยความอะไรก็ไม่ทราบตัวผมที่มัวหลบนิ้วของเธอก็ไปโดนโต๊ะจนโยก แล้วเจ้าหมูก็กระโดดดิ่งพสุธาลงมา…
เพล้ง!!! หมูสีทองปีกุนที่ผมจับได้กลายเป็นหมูหยองไปแล้ว มันตกแตกต่อหน้าคนที่เคลมว่าเป็นเจ้าของนั่นแหละ น้ำตาเจ้าหล่อนเอ่อท้นก่อนจะร้องระงม ใครกันที่ควรร้องไห้ มันไม่ใช่ของเธอแล้วนะนั่นมันหมูของผม? การแลกของขวัญแต่ละปีก็จบลงแบบไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรแบบนี้แหละ
เพื่อนเด็กผู้หญิงคนนึงจับได้รถประกอบและกำลังต่อสู้กับเทคโนโลยีขับเคลื่อนสองล้อเมดอินไชน่า กับลิตเติ้ลเด็กผู้ชายซึ่งได้ของจุ๊กจิ๊กสีชมพู แล้วเด็กอีกหลายต่อหลายคนที่เดินแจกคุกกี้กล่องแดงให้หมด (ซึ่งเป็นของต้องห้ามไม่ใช่เหรอ?) เพื่อจะเอากระป๋องไปใส่ของที่บ้าน ผมรับรู้ได้ถึงความผิดหวังของเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติที่มีต่อของกินสิ้นคิดและผ้าขนหนู ยังดีที่คุณครูประจำชั้นเหมาไอติมมาเลี้ยงพวกเรา
.
…
.
เพราะแบบนี้ ผมจึงเกลียดการแลกของขวัญวันคริสต์มาสแบบที่อธิบายให้ใครก็ไม่เข้าใจ
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ผมเป็นคริสเตียนแล้ว และผมต้องมาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการเรื่องของขวัญ
คณะกรรมการจัดงานคริสต์มาสกังวลเรื่องจำนวนของขวัญกับคนที่จะมางาน เพราะเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าคนจะมามากน้อยแค่ไหน เราอยากให้ทุกคนได้รับของขวัญและประทับใจ แน่นอนว่าเราไม่สามารถให้ของขวัญระดับดียอดเยี่ยมกับคนที่มาร่วมงานหลายร้อยคน แต่เขาก็ควรได้อะไรที่มันสมน้ำสมเนื้อกับการมาร่วมงานที่โบสถ์ อย่างน้อยก็ไม่ใช่อะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าโบสถ์เรากำลังจะเจ๊ง! ฮ่าๆ ^^
ด้วยความเกรงใจพี่น้องที่การเงินไม่พร้อม เราพยายามจะบอกพวกเขาว่า เขาไม่จำเป็นที่จะต้องถวายของขวัญชิ้นใหญ่ๆ ก็ได้ แต่คุณยายคนนึงบอกกับผมว่า “สิ่งที่ยายได้ให้ มันเป็นแค่สิ่งเล็กน้อยเทียบไม่ได้เลยกับความรักของพระเจ้า” (ไอ้ที่เราบอกว่าชิ้นใหญ่ๆ ในสายตาคนให้มันเล็กน้อย และไอ้ที่เราบอกว่าเล็กน้อยในสายตาพระเจ้ามันยิ่งใหญ่)
ที่คนเรารู้สึกว่าเราไม่มี ไม่ใช่เพราะเราขาดความสามารถที่จะมี แต่เพราะเราขาดความสามารถที่จะให้มากกว่า คนเราจะรู้สึกมีคุณค่าไม่ใช่เพราะว่าได้รับของมีค่า แต่เพราะเราได้ให้ออกไปต่างหาก มันคือความชื่นใจแบบที่พระคัมภีร์บอกว่า “การให้มีเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ” ยิ่งถ้าเป็นการให้ด้วยความเต็มใจ 100% ความสุขที่เกิดขึ้นก็เต็ม 100%
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ … มุมมองของผู้ให้และผู้รับนั้นสำคัญกับเราคริสเตียนมากยิ่งกว่าตัวสิ่งของเสียอีก หลายครั้งเราที่เป็นผู้ให้กลับให้ในสิ่งที่เราเองก็ไม่อยากจะรับ หรือเมื่อเราคิดว่าสิ่งที่เราให้นั้นไม่ดีเพียงพอเราก็เกิดความรู้สึกละอาย การให้จึงเป็นทุกข์อยู่มากพอสมควร ในพระคัมภีร์ หญิงม่ายที่ถวายเงินสองเหรียญก็มีความสุขมากกว่าเศรษฐีที่ถวายเศษเงินจำนวนมาก เพราะว่าความสุขของการเป็นผู้ให้นั้นล้นอยู่ในใจของเธอ และพระเจ้าพอพระทัยการให้ด้วยใจมากกว่า (ลูกา 21:1-4)
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราจะไม่มีวันละอายเลยถ้าเราได้ให้ออกไป …
“ข่าวดีเรื่องพระคริสต์เป็นของขวัญที่เราจะไม่มีความละอายที่จะมอบให้ ใคร และคนที่ได้รับไว้จะไม่มีวันเสียใจ … เพราะ พระเยซูคือของขวัญที่ดีที่สุดที่พระเจ้าประทานมาให้แก่เราทุกคน!”
…
“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา
เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” – (ยอห์น 3:16)
ตอนเด็กผมท่องได้จนขึ้นใจ เพราะว่าท่องแล้วได้ของขวัญ ได้กินขนม แต่ตอนนี้ผมท่องได้เพราะว่า ผมได้รับของขวัญนั้นมาแล้ว ไม่ใช่ขนมหวานที่ทำให้อิ่มท้องแต่เป็นความหวานที่ทำให้อิ่มใจ (โอ้โห! เท่ชะมัด)
จบเรื่องของขวัญไปแล้ว… แต่เรื่องราวมันยังไม่จบแค่นั้นน่ะสิ! มัวแต่คุยเรื่องของขวัญลืมไปสนิทเลยว่า ผมต้องตกแต่งสถานที่นี่หว่า อะไรเอ่ยมากคนมากความที่สุดในการจัดงานคริสต์มาส เฉลย…ก็การตกแต่งสถานที่นี่แหละ!!!
.
ด้วยรักและของขวัญคริสต์มาส
.
.
ติดตามคอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ตอน คริสต์มาสไดอารี่ EP. หน้าได้ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org วันศุกร์เวลา 19.00 น. นะคะ สุขสันต์วันคริสต์มาส และสวัสดีปีใหม่ ^^
Related Posts
- Author:
- คริสต์เตียนธรรมดาที่ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวกับงาน Event แบบคริสต์ๆ มานับไม่ถ้วน จนได้เรียนรู้ว่าการทำกิจกรรมไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เค้าเติบโต แต่การได้รู้จัก ความรัก ความเจ็บปวด การถ่อมใจ และการให้อภัย ผ่านการทำกิจกรรมพวกนั้นต่างหากล่ะ :)
- Illustrator:
- Narit
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน