ซีรีส์ : กว่าถั่วจะเป็นดาว
ตอนที่ : 1/6
อ่าน ‘กว่าถั่วจะเป็นดาว’ ทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/when-god-guides-me-to-be-a-farmer/
คำว่า “ค้นหาตัวเอง” มันมีจุดสิ้นสุดที่ตรงไหนกันนะ ฉันตั้งคำถามนี้กับตัวเองเมื่อย้อนมองกลับไปถึงเส้นทางชีวิตที่ผกผันของตัวเอง ช่างไม่ต่างกับการลองเดินไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ เพราะคิดว่านั่นเป็นเส้นทางที่จะนำพาฉันให้พบกับ “ตัวเอง”
หลังจากเรียนจบ ฉันเลือกเดินสู่เส้นทางผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลาในคริสตจักรแห่งหนึ่ง เมื่อทำไปได้ 2 ปีก็รู้สึกว่าอยากเห็นโลกการรับใช้ที่กว้างกว่านี้ จึงย้ายมารับใช้ในองค์กรเยาวชนแห่งหนึ่ง หลังจาก 1 ปีเต็มที่ได้ลองทำพันธกิจการประกาศด้วยการจัดคอร์สอบรม สอนพิเศษ และอีเว้นท์ต่างๆ ทำให้ภาระใจที่มีกับวัยรุ่นนักศึกษาเริ่มเด่นชัดมากขึ้นบวกกับความสามารถทางด้านภาษาของฉันตามที่ร่ำเรียนมา ฉันจึงคิดว่า นี่แหละ ฉันจะเดินต่อไปในเส้นทางนี้ ฉันจะเปิดโรงเรียนสอนภาษาเป็นของตัวเอง ทำธุรกิจให้หาเลี้ยงตัวเองให้ได้ และทำพันธกิจประกาศสร้างสาวกวัยรุ่นไปด้วย!
ฉันตื่นเต้นกับเป้าหมายและเส้นทางเดินต่อจากนี้มาก
หลังจากเรียนจบมาได้ 3 ปี นี่แหละน่าจะเป็น ’ตัวฉัน’ ที่ฉันเองพยายามค้นหา
เมื่อตัดสินใจแล้วฉันจึงลาออกจากงานองค์กร มุ่งหน้าสู่การเรียนปริญญาโท ด้านบริหารการศึกษา ก็แหม… จะเปิดโรงเรียนทั้งทีก็ต้องรู้สิว่ามันทำกันยังไง บริหารยังไง ต้องรู้อะไรบ้าง และอาจจะเจอลู่ทางที่ช่วยให้เปิดโรงเรียนได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ก่อนจะออกเดินทางสู่ “ทางลัด” ในความคิดของฉัน มีเสียงจากคนหนึ่งทักขึ้นมาก่อนที่ฉันจะออกเดินว่า
“บิว จริงๆ แล้ว ความรู้ที่ได้จากป.โท อาจเอามาใช้จริงได้ไม่เยอะมากนะ”
ฉันนึกสงสัยกับคำพูดนั้น พี่คนนี้กำลังบอกว่า ทางลัดที่ฉันจะไปอาจไม่ใช่ทางที่ทำให้ถึงที่หมายได้เร็วอย่างที่ตั้งใจไว้อย่างนั้นหรือ? แต่เมื่อฉันตั้งใจไว้แล้ว ยังไงก็คงเดินหน้าต่อ
วันแรกของการเรียนป.โท ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว นี่แหละทางที่ฉันจะไป ชีวิตคงจะดีงามตามท้องเรื่อง ขอบคุณพระเจ้า!
…
แต่ทว่า
“นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันมาเรียนเรื่องพวกนี้ทำไม!?!”
ประโยคที่พี่คนนั้นเคยพูดกับฉัน มันย้อนกลับมาเสียดแทงใจอีกครั้ง เพียงสองเดือนภาพแห่งความจริงเริ่มปรากฏให้เห็นตรงหน้า ฉันต้องเรียนทฤษฏีมากมายที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะช่วยให้เป้าหมายในการตั้งโรงเรียนสำเร็จได้จริงไหม ซ้ำร้ายการเรียนยิ่งทำให้ได้รู้มากขึ้นว่าการจะตั้งโรงเรียนเป็นของตัวเองนั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เลย แถมแต่ละคลาสก็เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย ณ ตอนนั้นทุกอย่างดูยุ่งยากและซับซ้อนไปหมด ภาพฝันชีวิตป.โทที่อยากจะเรียนให้จบเพื่อให้ได้ใบอนุญาตสอนกลับพังทลายลง! ใครจะไปรู้ว่าเส้นทางที่คิดว่าจะเป็นทางลัด ดันกลายเป็นทางตันขึ้นมา!
“พระเจ้าคะ ทำยังไงต่อดี ลูกรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวลูกเลย”
นี่แหละมนุษย์ พอเดินถึงทางตันขึ้นมาจึงยอมคุกเข่าอธิษฐานต่อพระเจ้า ฉันพึ่งมารู้ตัวตอนนั้นเองว่า การตัดสินใจครั้งนั้นเป็นแค่ความรู้สึกที่ตัวเองอยากจะทำบางอย่างให้สำเร็จ คงไม่ต่างกับตอนที่มนุษย์ในปฐมกาลพยายามสร้างหอบาเบลให้สูงที่สุดสินะ
แผนงานความคิดเป็นของมนุษย์แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระยาห์เวห์
สุภาษิต 16:1
เพราะความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของเจ้าและทางของพวกเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเรา… เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกอย่างไร ทางของเราก็สูงกว่าทางของพวกเจ้าและความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้า
อิสยาห์ 55: 8-9
นี่คือข้อพระคัมภีร์ 2 ข้อที่พระเจ้าตรัสกับฉันหลังจากได้ใช้เวลาใคร่ครวญกับพระองค์ ฉันรู้ทันทีว่าที่ผ่านมา การตัดสินใจเหล่านั้นเป็นเส้นทางที่ฉันคิดเอง วางแผนเอง และเดินไปเอง โดยที่พระเจ้าไม่ได้ห้ามอะไรเพราะฉันก็ไม่ได้ถามพระองค์ พระองค์เพียงรอให้ฉัน “รู้ตัว” และเดินกลับมาหาพระองค์ด้วยตัวเอง เพื่อฉันจะได้มอบกระดาษแผนการชีวิตของฉันให้พระองค์ช่วยเขียน ไม่ใช่การเขียนอนาคตตัวเองแล้วเพียงยื่นขอให้พระเจ้าเซ็นอนุมัติ
ฉันตัดสินใจลาออกจากการเรียนป.โท ยื่นกระดาษชีวิตของฉันให้พระเจ้าช่วยเขียน ที่จริงฉันเป็นคนชอบวางแผนและพยายามทำตามแผนนั้นให้สำเร็จเพราะมันทำให้ตัวเองรู้สึกมั่นคงและมีอำนาจควบคุม แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ความมั่นคงที่แท้จริงคือพระเจ้า และการให้พระเจ้ามีอำนาจควบคุมชีวิตของเราเรียกว่า ’การยอมจำนน และการไว้วางใจ’ ถึงจะรู้สึกล่องลอยไม่มั่นคง แต่ในใจของฉันก็รู้สึกมีสันติสุขอย่างประหลาด ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ตัดสินใจทำให้เกิดความสุข แต่เพราะเราได้เรียนรู้แล้วที่จะไว้ใจพระเจ้าจริงๆ
หลังจากนั้นฉันก็ได้จับงานอีกหลายอย่าง ช่วยสอนภาษาอังกฤษที่รร.พี่สาวอยู่ปีนึง ลองรับน้ำหอมมาขายเป็นอาชีพเสริม ช่วยแปลเอกสารและเป็นล่ามให้กับมิชชั่นทริปในภาคอีสาน แต่แล้วฉันก็ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกเคว้งเหมือนลูกทัวร์ญี่ปุ่นที่โดนลอยแพ เอาไงต่อดี… แต่ละอย่างดูไม่เป็นไปตามแผนที่คาดหวังไว้เลย งานแต่ละชิ้นที่จับมาก็ยังไม่ใช่ ยังไม่มีทางไปต่อ ฉันเริ่มหมดหวังอีกครั้ง หดหู่ รู้สึกไม่มีอนาคต ไม่มั่นคง มันอึดอัดสับสนจนร้องไห้ระบายกับพระเจ้าอยู่ 3 วัน
“พระเจ้าคะ ทำไมพระเจ้าไม่บอกมาให้หมดว่าอนาคตลูกเป็นยังไง ทำไมต้องให้บิวเดินสะเปะสะปะแบบนี้ ทำไมพระองค์ไม่บอกให้บิวเห็นภาพรวมทั้งหมดไปเลย?”
เพราะเรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยผู้ที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง…
โรม 8:28
พระยาห์เวห์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน…
สดุดี 23:1
อีกครั้งที่พระคำของพระเจ้าช่วยระงับอาการวิตกจากการเดินหลงทางของฉันตอนนั้น และมีประโยคหนึ่งดังขึ้นในความคิดว่า “ถ้าเจ้าเลือกที่จะมอบกระดาษแผนการชีวิตของเจ้าให้เราแล้ว ก็ต้องเชื่อด้วยสิว่าเราจะทำได้จริงๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้แผนการทั้งหมดหรอก แค่รู้ว่า เรานี่แหละ คือพระเจ้าที่จะนำอนาคตของเจ้า และเรารักษาสัญญา”
โอเคค่ะ พระเจ้า ประโยคนี้ลูกยอม! ฉันยอมให้พระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตอีกครั้ง บทเรียนที่ต้องเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นบทเรียนที่ทำให้ฉันเฝ้าย้ำกับตัวเองว่า
“แม้ฉันจะไม่รู้อนาคตของฉัน แต่ฉันรู้จักผู้ที่เป็นเจ้านายเหนือชีวิตของฉัน!”
Although I don’t know my future, I do know my Master!
และในที่สุด หลังจากนั้นไม่นานนัก พระเจ้าทรงนำฉันให้เดินไปพบกับเส้นทางหนึ่ง เส้นทางที่ฉันเองยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าฉันจะเลือกไป และเป็นเส้นทางที่เปลี่ยนวิธีคิดของฉันจากหน้ามือเป็นหลังมือ
นี่แหละ คือการเดินตามพระเจ้า ผู้ทรงเป็น “ดาวนำทาง” ในชีวิตของฉันอย่างแท้จริง!
คอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของเด็กต้นเรื่อง และการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเหล่าคริสเตียนรุ่นใหม่ได้ ทุกวันศุกร์ เวลา 1 ทุ่มตรงนะจ๊ะ
Related Posts
- Author:
- จากเด็กสาวในเมือง เปลี่ยนงานมาแล้วหลายรูปแบบ แต่สุดท้ายกลับมาเจอ 'งานที่ใช่' ในบ้านนาฟ้าอมร!
- Illustrator:
- tumtim
- เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
- Editor:
- Namita
- สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง