EP.25

การแต่งงานไม่ใช่ภารกิจ


ผู้เขียน: Greg Morse
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: Marriage Is Not the Mission


ผมเคยคิดว่าการเป็นโสดเหมือนการชดใช้ความผิดในห้องขัง เพราะจากประสบการณ์แล้วคนส่วนใหญ่เค้าไม่ได้อยากโสดกันซักหน่อย หากคุณเป็นโสดอยู่ คุณคงเฝ้าวิงวอนขอให้หลุดพ้นจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด ส่วนคนที่หนีพ้นแล้วก็จะกลับมาเฝ้าตอกย้ำกับคุณบ่อยๆ ว่า เนี่ย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพื่อผลดีของเรานะ (ใช่ซี่!!)

 

___________________________________

 

เราต่างต่อสู้กับความเหงานั้นอยู่ในใจ กล้ำกลืนฝืนทนกับความต้องการลึกๆ ที่อยากจะมีรักหวานบานฉ่ำกับเค้าบ้าง แล้วก็หนุนใจกันด้วยประโยคคลาสสิกที่ผมชอบพูดกับคนอื่นว่า “แค่มีพระเยซูก็พอแล้ว”

แต่ที่ไม่มีใครรู้เลยคือ ผมชักจะเหนื่อยที่ต้องเป็นบุคคลที่สามตลอดเวลา ผมเหนื่อยที่ต้องอยู่ลำพังในคืนวันศุกร์อันแสนเงียบเหงา ผมเหนื่อยกับการเฝ้าดูเพื่อนคนแล้วคนเล่าที่ทิ้งพ่อแม่และทิ้งผมไว้เบื้องหลังเพื่อไปผูกพันกับคู่ของตัวเอง ผมเหนื่อยกับความรู้สึกที่ถูกมองข้าม แม้กระทั่งในพระกายของพระคริสต์ และผมเบื่อที่จะต้องได้ยินคำหนุนใจที่หวังดี ว่าให้พึงพอใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว จากคนที่กลับบ้านไปก็ได้เจอภรรยาและลูกๆ ของตัวเอง

 

ดังนั้น ผมใช้ชีวิตสองสามปีต่อมาเพื่อตามหาเธอผู้นั้น “ของดี” ของผม (สุภาษิต 18:22) “ดอกลิลลี่” ของผมที่อยู่ท่ามกลางหมู่หนาม (บทเพลงโซโลมอน 2:2) “อัญมณี” ของผมซึ่งล้ำค่าและสวยงามจนอาจทำให้อัญมณีใดๆ ต้องอาย (สุภาษิต 31:10) ผมมีชีวิตอยู่เพื่อค้นหา ”เธอ” ผู้เป็นของมีค่าที่ยังไม่มีใครค้นเจอ สมบัติล้ำค่าที่ซ่อนไว้ในทุ่งนา เป็นคนแรกและสุดท้ายแห่งหัวใจของผม

และดังเช่นที่ ซี เอส ลูว์อิส เตือนเอาไว้ ความรักในชีวิตสมรสก็อาจกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายได้ เพราะผมสถาปนาเธอให้เป็นพระเจ้าอีกองค์ และเพราะพระเจ้าไม่ยอมประทานเอวาให้กับผม ผมซึ่งไม่เหมือนอดัมจึงประกาศว่าทุกสิ่งแย่ไปหมด หลายปีทีเดียวที่ผมรู้สึกผิด สับสน และโดดเดี่ยวเพราะผมไม่อาจพอใจกับการมีเพียงแค่พระคริสต์อย่างเดียวได้

 

___________________________________

 

จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง พระเจ้าทรงเผชิญหน้ากับผมอย่างอ่อนโยน และทรงสอนสิ่งหนึ่งกับผมอย่างเรียบง่าย ซึ่งเปลี่ยนชีวิตผมไปเลยทีเดียว นั่นคือ การแต่งงานไม่ใช่ภารกิจ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะน่าทึ่งแค่ไหนก็ตามแต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผมหายใจอยู่ ชีวิตของผมต้องอยู่เพื่อพระองค์ไม่ใช่เพื่อเธอ เพราะพระองค์ทรงมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการแต่งงานให้กับผม

 

พระองค์มอบภารกิจในการประกาศให้กับผม
พระองค์มอบภารกิจในการรับใช้คริสตจักรให้กับผม
พระองค์มอบภารกิจให้นมัสการพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้พอพระทัย และเติมเต็มจิตวิญญาณภายในของผม

 

ดังนั้น การแต่งงานจึงไม่ใช่ภารกิจในโลกนี้ของเรา และเมื่อผมรู้เช่นนี้แล้ว มันจึงทำให้ชีวิตของผม…

 

1. โสดได้อย่างสบายใจมากขึ้น

ความพอใจนี้ไม่ได้เกิดจากการกำหมัดแน่นๆ หลับตาลง และพึมพำว่า แค่พระเยซูก็พอ แค่พระเยซูก็พอ ฉันจะไม่ขอมากกว่านี้ ….

แทนที่จะนั่งลงและพยายามปลอบใจตัวเองให้หลุดพ้นจากความเหงา ผมลุกขึ้นและออกไปรับใช้ ผมไปทานอาหารกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ใช้เวลากับพี่น้องคริสเตียน เติบโตขึ้นในความรู้แห่งพระวจนะของพระองค์ และเลี้ยงดูน้องในมหาวิทยาลัย

การอยู่ไปวันๆ แบบไร้จุดหมายยิ่งทำให้ความโสดเจ็บปวดทรมาน ดังนั้นผมจึงใช้เวลากับสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้ทำ จากการประเมินของผม การที่คนโสดส่วนใหญ่เอาแต่คร่ำครวญถึงการแต่งงานก็ไม่ต่างกับคนท้องผูกที่บ่นว่าอาหารไม่ย่อยเพราะกินแต่อาหารที่ทำให้ไม่ขับถ่าย แต่พระเยซูมีอาหารสำหรับจิตวิญญาณอันหิวโหยที่คุณอาจยังไม่เคยลองชิม นั่นคือการทำตามน้ำพระทัยพระบิดาโดยการเก็บเกี่ยวในทุ่งนาของพระองค์ (ยอห์น 4:31-38)

.

2. ตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น

เมื่อเวลาเราอยู่ในการรับใช้ คนที่จะดูดีขึ้นมาในสายตาคุณก็คือคนที่รับใช้ด้วยกันกับคุณ ความงาม ความเสน่หา การเงิน รูปร่างดีดูแข็งแรง ทั้งหมดจะเริ่มไม่มีผลต่อการเลือกคู่ของคุณเมื่อเริ่มต้นทำภารกิจของพระเจ้า การคบหากันจะเปลี่ยนไปจากเรื่องภายนอก เป็นการมองหาคนที่จริงจังกับเรื่องขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกัน

 

3. ใช้ชีวิตได้อย่างชื่นชมยินดีมากขึ้น

เปาโลเตือนเราว่าการมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์และการตายก็ได้กำไร (ฟิลิปปี 1:21) เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อการแต่งงาน การเลี้ยงดูลูก หรือการเฝ้าค้นหา “คนนั้น” แต่เรามีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์ ในฟิลิปปี 1:23 เปาโลลังเลระหว่างความคิดที่ว่าจะอยู่ทำภารกิจต่อ (คือยังมีชีวิตอยู่) หรือที่จะจากไปอยู่กับพระคริสต์ (คือตาย) ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ถือเป็นการได้เป็นส่วนหนึ่งของมหากาพย์การผจญภัยครั้งหนึ่ง และการออกไปจากเส้นทางนี้ก็ได้กำไรแล้วเพราะจะทำให้เราได้พบพระเยซูหน้าต่อหน้า

ดังนั้น ลุกขึ้นเถอะครับ เหล่าคนโสดของพระเจ้า!

คนโสดทั้งหลายครับ พระเจ้าทรงเห็นความเจ็บปวดของคุณนะ พระองค์เข้าใจความเดียวดายของคุณ (ฮีบรู 4:15) พระองค์รู้สึกถึงการถูกทอดทิ้งที่คุณคงนึกไม่ถึง (มัทธิว 27:46, สดุดี 22:1) พระองค์รู้ถึงความต้องการของคุณก่อนที่คุณจะขอเสียอีก (มัทธิว 6:8) พระองค์ทรงนับเส้นผมบนศีรษะของคุณไว้แล้วและ ทรงบอกอย่างอ่อนโยนให้คุณเข้ามาใกล้ และวางภาระของคุณไว้บนไหล่ของพระบิดา (มัทธิว 10:30, 1 เปโตร 5:6-7) พระเจ้าทรงห่วงใยจิตวิญญาณที่เดียวดายของคุณ

 

___________________________________

.

แม้ว่าพระเจ้าทรงห่วงใยจิตวิญญาณอันเดียวดายของเรา แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องพยายามมองให้เห็นถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น นั่นคือการได้ลงลึกในความสัมพันธ์ระหว่างเรากับองค์พระผู้เป็นเจ้า และรักษาบรรดาผู้คนที่หัวใจแตกสลายและยังไม่พบความรักของพระองค์ นั่นเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในภารกิจคริสเตียนที่เหนือไปกว่าการแต่งงาน

.

สุดท้ายนี้ ขอฝากบทเพลงของ วิลเลียม เมอร์ริล ที่ว่า

“ลุกขึ้นเถิดเหล่าคนโสดของพระเจ้า
อย่าหมายเอาสิ่งที่โลกนี้หยิบยื่นให้
มอบกำลังสุดความคิดและสุดใจ
เพื่อรับใช้องค์ราชาจอมราชัน”


<3 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคารสีชมพูววว์ หรือ ใครที่มีเรื่องความรักแน่นอก อยากให้พี่ชูใจช่วยยกออก ก็ Inbox เข้ามาได้จ้า <3


 


Previous Next

  • Translator:
  • W. Wanee
  • นักแปลสาวสวยเสียงทอง ผู้ซึ่งอยากรับใช้พระเจ้าด้วยความสามารถด้านภาษาของเธอ งานใดที่ให้เธอรับผิดชอบ ไม่มีพลาดแน่นอน!
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Gade Rammasoon
  • จากแฟนคลับชูใจ พลิกผันมาเป็น Editor เรียบเรียงคำแปลในทีมชูใจ เธอผู้นี้ถวายตัวรับใช้พระเจ้ากับ YWAM มีทั้งงานแปล งานสอน และเต้นรำเพื่อการนมัสการ! ภารกิจรัดตัวแต่ก็ยังอาสามาช่วยชูใจน้องๆ กัน