EP. 4/6

ชีวิตนักดนตรีกับเหล้าแยกกันไม่ออกจริง? [เรื่องเหล้าของผม ตอน 4/6]


ซีรีย์ : เรื่องเหล้าของผม
ตอนที่ :  4/6
อ่านเรื่องเหล้าของผมทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/my-alcohol-story/


ปี 3 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเล่นดนตรีกลางคืน

ผมได้งานเล่นดนตรีที่ลานเบียร์ หรือบางครั้งก็ไปเล่นแทนเพื่อนในผับบ้าง

เงินเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เข้าไปในนั้น เพราะผมเริ่มอยากจะยืนด้วยลำแข้งตัวเองบ้างแล้ว

แต่ก็ยังรู้สึกต่อสู้อยู่ข้างใน เพราะภาพลักษณ์ของงานที่ดู “ไม่ขาว” นี่แหละที่ทำให้ผมหนักใจ

_________________________________

 

พี่คิดไง ถ้าผมจะไปเล่นดนตรีกลางคืน? ผมอยากเก็บเงิน

ก็ดี เป็นเรื่องดีที่จะเก็บเงิน…” พี่เลี้ยงคนเดิมของผมพูดตอบกลับมาจากปลายสาย ก่อนจะนิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อว่า
แต่นายต้องสร้างจุดยืนให้ตัวเองดีๆ ว่าไปทำงานเพราะอะไร ถ้าสร้างจุดยืนให้ตัวเองได้นะ มันไม่มีปัญหาหรอก ส่วนเรื่องมุมมองของคนอื่น มันเป็นเรื่องของคนอื่น

.

นี่แหละประเด็น เรื่องที่ผมหนักใจคือคริสเตียนคนอื่นจะมองเรายังไง เพราะอย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ามีกลุ่มคนที่ซีเรียสเรื่องการทำงานกลางคืน แต่ทางเลือกในการหาเงินของนักดนตรีก็ไม่ได้มีมาก และอุดมคติของการได้เล่นดนตรีรับใช้แล้วมีรายได้จุนเจือตัวเองและครอบครัวก็ยังคงเป็นอุดมคติอยู่ดี

 

จริงๆ นะ นายห้ามไม่ให้เขามองนายไม่ดีไม่ได้หรอก บางคนเค้าก็ไม่ได้เข้าใจที่มาที่ไปของเราขนาดนั้น แต่สิ่งที่นายเป็นหลังจากนั้นต่างหากที่จะค่อยๆ พิสูจน์ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด มันอยู่ที่ตัวเรา

.

ผมจึงปักหมุด สร้างจุดยืนของตัวเองให้หนาแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเดินหน้าเล่นดนตรี ทำงานเก็บเงินต่อไป

 

_________________________________

 

 

ชีวิตนักดนตรีกลางคืนของผม เรียกได้ว่านอกจากจะได้เล่นดนตรีสนุกๆ กับเพื่อนแล้ว ก็ยังทำให้ผมได้ ‘อัพเกรด’ ทักษะการหลบหลีกแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น

 

เวลาลูกค้ายื่นเบียร์มาให้กิน…
ผมก็จะยื่นให้เพื่อนกินแทนบ้าง แกล้งถือแล้วแอบเททิ้งตามพงหญ้าบ้าง หรือวางทิ้งไว้ให้ดูเหมือนลืมบ้าง

 

เวลาที่เพื่อนชวนไปต่อ…
ผมจะไปยืนคุยกับพ่อค้าแม่ค้าร้านไส้ย่างแถวนั้นบ้าง หรือเก็บของกลับอย่างรวดเร็วและแนบเนียน

 

เวลาที่ถูกชวนให้ดริ๊งก์ในวงเหล้า…

ผมก็จะบอก ไม่กิน ไม่ชอบ ไม่ลอง วนไป คนปกติที่ยังมีสติอยู่ก็จะไม่ตื๊อถามต่อเมื่อได้แต่คำตอบเดิมๆ

_________________________________

 

เมื่อคนในวงเหล้ารู้ว่าผมไม่ดื่มก็ยิ่งเหมือนกับการไปกระตุ้นต่อมอยากประกาศของเขา มันคงดูน่าท้าทายในการ “ทำให้เป็นพวกเดียวกัน” ดังนั้นผมคิดว่า คนที่จะไปอยู่ในสังคมแบบนั้นได้ คือคนที่ สู้ และ ไม่ถอย จากจุดยืนของตัวเอง และไม่จำเป็นต้องเกรงใจในเรื่องพวกนี้เพราะยังมีคนที่เราควรเกรงใจและแคร์มากกว่า

 

แต่หากเป็นในสถานการณ์ที่กลับกัน ถ้าผมกินเหล้าตามวาระโอกาสโดยไม่ซีเรียสกับจุดยืนที่มี แล้วเราเกิดไปคุยเรื่องพระเจ้ากับเพื่อน ผมเห็นว่านั่นทำให้ชีวิตเราไม่มีอะไรแตกต่างกับเขาเลย อีกทั้งเสียโอกาสที่จะคุยกับเขาเรื่องนี้ไปด้วย ผมจึงถือว่าการใช้ชีวิตให้ต่างเป็นกระบวนท่าไม้ตายของผมที่ใช้แทนโลโก้ความเป็นคริสเตียนและเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้รุ่นน้องคริสเตียนที่เข้ามาเรียนในสาขาดนตรีต่อไป

นี่คือตัวตนที่ผมสร้างขึ้นมาให้คนอื่นได้รับรู้ ถึงแม้จะมีแรงเสียดทานที่มาในรูปแบบคำพูดกระแนะกระแหนอยู่บ้าง เช่นว่า โอ้ย อย่าไปชวนมันเลย วันเกิดเพื่อนยังไม่ไป หรือ พี่เค้าไปไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่เค้าต้องไปสารภาพบาป

ก็มีหงุดหงิดบ้าง รำคาญบ้าง แต่หลังๆ มาเริ่มเฉยๆ เพราะถ้ามองอีกมุมคำพูดเหล่านั้นก็เป็นภาพสะท้อนตัวตนของเราที่สร้างขึ้นมาให้เขาได้เห็น และผมเข้าใจนะว่าเรื่องนี้มันอาจจะยากสำหรับบางคนที่ไม่ได้มีความเข้มแข็งในใจมากพอ หรือมีทัศนคติบวกๆ

 

ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่จะมาพร้อมกับชีวิตกลางคืนคือ การฉลอง ผู้หญิง และพฤติกรรมคำพูดที่มีความสองแง่สองง่ามอยู่เกือบตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอึดอัดมากที่สุด ในส่วนนี้ต้องอดทน เลี่ยงได้ก็เลี่ยง เลือกได้ก็เลือก

.

แม้ในช่วงแรกของชีวิตนักดนตรีกลางคืนเต็มไปด้วยความสนุก ได้ทำสิ่งที่ชอบแล้วยังได้เงินอีก แต่พอนานไปก็เริ่มเบื่อที่ต้องเล่นเพลงซ้ำๆ ผมเล่นดนตรีกลางคืนเกือบประมาณหนึ่งปี หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ถอยออกจากงานเล่นดนตรีเพราะทัศนคติกับเพื่อนในวงไม่ค่อยไปด้วยกันเท่าไหร่แล้ว และต้องเร่งเรียนเพื่อทำตัวจบด้วย

 

_________________________________

 

โดยรวมแล้วชีวิตส่วนตัวกับพระเจ้าก็โตขึ้นเรื่อยๆ สนิทกับพระเจ้ามากขึ้น อ่านพระคัมภีร์ ฟังเทศนา หาหนังสือมาอ่าน คุยกับคนที่เขาไปเรียนพระคัมภีร์ เริ่มหาอาหารฝ่ายวิญญาณด้วยตัวเอง ได้เติบโตกับพระเจ้าในเรื่องการเลี้ยงดูและเชื่อว่าพระเจ้าจะให้เรามีใช้อย่างเพียงพอ

คิดไปคิดมา การมีเคอร์ฟิวระหว่างช่วงที่ผมเล่นดนตรีนั้น อาจเป็นเพราะพระเจ้าช่วยปกป้องไม่ให้ใช้ชีวิตในการทดลองที่ยากเกินไปอย่างการเล่นดนตรีในผับที่วัยรุ่นกว่านี้ ซึ่งก็ดีที่ผมไม่ได้มีโอกาสอย่างนั้น

เพราะแม้แต่ตัวผมเองก็ไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะยืนหยัดต่อสู้อย่างนี้ในระยะยาวได้หรือเปล่า


คอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของเด็กต้นเรื่อง และการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเหล่าคริสเตียนรุ่นใหม่ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 1 ทุ่มตรงนะจ๊ะ


Previous Next

  • Author:
  • เป็นคนคูลๆ เป็นคริสเตียน เรียนดนตรี บุหรี่ไม่สูบ รูปโปรไฟล์ไม่ค่อยเปลี่ยน แม้ตัวจริงไม่ได้แก่แต่เพื่อนๆ ให้ฉายาว่า "ผู้ใหญ่บ้าน" เรื่องเขียนเพลงพี่ชูใจไม่ห่วง แต่เรื่องเขียนบทความนี่พี่ชูใจอยากให้ลองอ่าน
  • Illustrator:
  • tumtim
  • เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง