ซีรีย์ : เรื่องเหล้าของผม
ตอนที่ : 1/6
อ่านเรื่องเหล้าของผมทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/my-alcohol-story/
.
“ทำไมพ่อไม่เป็นเหมือนพ่อคนอื่นเขาบ้างที่ไม่โวยวายเสียงดัง?”
ตัวผมในวัย 10 ขวบ เอ่ยปากพูดกับพ่อด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งนี่นับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
อาจเป็นเพราะความเมา คำตอบของพ่อหลังจบประโยคคือการถีบประตู ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปหยิบปืนออกมา
ผมรีบวิ่งเข้าไปกอดขาเขาทันที กลัวเขาจะน้อยใจที่โดนเปรียบเทียบกับคนอื่นจนคิดทำร้ายตัวเอง แม่ก็วิ่งเข้าไปห้ามด้วย
ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ ผมบอกรักพ่อทั้งน้ำตา ชั่วขณะนั้นเองที่เขาได้สติ ค่อยๆ ลดปืนลง …เราร้องไห้ไปด้วยกัน
เหตุการณ์นั้นกลายเป็นความทรงจำติดตาจนถึงทุกวันนี้
_________________________________
“ผม” เกิดในครอบครัวคริสเตียน
ใช่ครับ คริสเตียนนี่แหละ.. ครอบครัวของเราอาศัยร่วมกับครอบครัวฝ่ายแม่ที่ทุกคนมีอิสระเลือกว่าจะเชื่อพระเจ้าหรือไม่
แม้พ่อผมจะเรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชื่อพระเจ้า แต่ภาพชินตาประจำบ้านคือ ตา ลุง และพ่อ ที่มักจะเมาเข้าบ้าน โวยวายเสียงดัง กระทั่งจบที่การมีปากเสียงกันเสมอ อยู่กันมาแบบนี้ถึง 15-16 ปี
อีกด้านหนึ่งคือ ‘แม่กับยาย’ ที่ดูเหนื่อยล้าและมักจะร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง
นี่คือความทรงจำในช่วงวัยเด็กของผม ซึ่งไม่เพียงเกิดกับครอบครัวของผมเท่านั้น แต่รวมไปถึงครอบครัวญาติๆ ด้วย…
ด้วยภาพจำเหล่านี้ ภาพของต้นแบบในบ้านที่สำมะเลเทเมาโดยไม่รู้สาเหตุ ภาพของแม่และยาย ที่ต้องอยู่อย่างอดทนเพื่อลูกและหลาน ความฝันวัยเด็กของผมจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าที่ตั้งใจว่า ตัวผมในอนาคต จะไม่เป็นแบบพ่อและตา เพื่อครอบครัวในอนาคตของผมจะไม่ต้องอยู่ในสภาพที่ผมต้องเติบโตมาแบบนี้
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็คือ พระเจ้าสอนผมเรื่องความอดทนผ่านเรื่องราวของยายกับแม่
ยายต้องอยู่กับตาที่กินเหล้ามานานถึง 30 ปี ส่วนแม่ในตอนนั้นก็อยู่กับพ่อมากว่า 10 ปีแล้ว ความอดทนของยายกับแม่จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ผมจำขึ้นใจ และส่งผลต่อความเชื่อของผมจนทุกวันนี้
ผมคิดว่าพระเจ้ากำลังสอนให้ผมเห็นหัวใจของความรัก อย่างที่พระองค์สอนว่า
.
ความรักนั้นก็อดทนนาน
– 1 โครินธ์ 13 –
.
ก่อนหน้านี้ ผมเป็นคริสเตียนที่ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ไม่ถึงกับนอกลู่นอกทาง มีเกเรบ้าง ดื้อบ้าง ตามประสาวัยรุ่น จน ม.3 ผมอยู่ในช่วงที่มีปัญหาสับสนทั้งเรื่องความรักและการเรียน แต่ก็ไม่ได้ปรึกษาพ่อแม่ เพราะคิดว่าเขาคงเหนื่อยและยุ่งกันมากพออยู่แล้ว ทำให้กลายเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ผมเริ่มแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจัง ผมเข้ากลุ่มนักเรียนคริสเตียนในโรงเรียน หลังจากนั้นจึงกลับใจมาหาพระเจ้าและตั้งใจที่จะดำเนินชีวิตในทางของพระองค์
ผมปรึกษาพี่เลี้ยงเรื่องอาการติดเหล้าของพ่อ โดยที่ไม่ได้บอกว่าคนๆ นั้น คือพ่อของผมเอง พี่เลี้ยงท้าทายให้ผมใช้ชีวิตเป็นแบบอย่างให้พ่อ โดยให้เหตุผลว่า พ่ออาจไม่เปลี่ยน แต่การใช้ชีวิตเป็นคำพูดที่ดีที่สุดที่จะบอกเขาได้
ผมอยากให้พ่อเห็นว่า ถึงลูกจะมีเพื่อนที่ดื่มเหล้า แต่ลูกก็สามารถปฏิเสธการกระทำนั้นได้ เรายังสามารถมีจุดยืนของเราได้อยู่
“ผมจะไม่ดื่ม”
“ผมตั้งใจที่จะทำ และผมก็หวังอย่างยิ่งว่าจะทำได้อย่างที่ตั้งใจ”
ตอนนั้นผมคิดแค่นั้น… ว่าเราจะทำยังไงให้พ่อเห็นชีวิตของเรา อยากให้พ่อเห็นว่าถึงแม้ลูกจะอยู่ท่ามกลางคนดริ้งก์แต่เราก็สามารถจะอยู่กับเขาได้โดยที่เรามีจุดยืน
ผมอยากให้พ่อเห็นว่า ผมจะไม่ใช่ชีวิตด้วย ‘ข้ออ้าง’
ถึงแม้ว่าตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้างเพื่อเป็นการทดสอบคำมั่นของตัวเองในครั้งนั้น..
คอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของเด็กต้นเรื่อง และการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเหล่าคริสเตียนรุ่นใหม่ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 1 ทุ่มตรงนะจ๊ะ




