คนต้นเรื่อง : อ่านล่องไปกับเรือทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/


.

______________________________

ที่โบราณท่านว่า “คู่แล้วไม่แคล้วกัน” อาจจะไม่จริงเสมอไป โดยเฉพาะบนเรือโลโกสโฮปลำนี้…

____________________________

ความเดิมจากตอนที่แล้ว เมื่อชายหญิงได้รับอนุญาตให้ออกเดทอย่างถูกกฏหมายในเรือ จากนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาทั้งสองคนต้องศึกษาและเรียนรู้ชีวิตซึ่งกันและกันเอง สิ่งที่จะแตกต่างจากคู่รักบนพื้นดินก็คือ เขาทั้งสองจะต้องเจอกันทุกวัน ไม่มีวันหยุด เราจะเห็นพวกเขาตัวติดหนึบเป็นตังเม ในสายตาคนนอกอย่างฉันที่มองเข้าไปก็จะมีความรู้สึกว่า… ‘ลำไย!’ จะตัวติดกันอะไรมากมาย เจอกันทุกวันอยู่นั่น ไม่คิดจะคุยกับคนอื่นแล้วใช่ไหม อะไรประมาณนั้น แต่สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน อาจจะไม่อยากจากกันเลยก็เป็นได้ ด้วยความที่สังคมบนเรือไม่กว้างมากพวกเขาจึงตกเป็นเป้าสายตา มีคนคอยดูพฤติกรรม หรือ แม้ในยามงอน โกรธ หรือทะเลาะกันก็อาจจะหลบหลีกหนีหน้าได้ยาก ครั้นจะกระโดดหนีลงน้ำก็ทำไม่ได้


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อระยะเวลาผ่านไป คู่รักก็อาจจะกลายเปลี่ยนเป็นคู่ร้างได้ บ่อยครั้งที่ได้ยินเรื่องเข้าหูมาบ้างว่า นี่ คู่นั้นไปกันไม่รอดแล้วนะ เฮ้ ยูว รู้ไหม คู่นั้นเขาเลิกกันแล้ว ฉันก็ได้แต่พยักหน้ารับทราบ ไม่ได้ถึงขั้นเดินไปถามเจ้าตัวต่อหน้าหรอกนะคะว่า เรื่องราวความเข้ากันไม่ได้นั้นมันเป็นยังไง เริ่มต้นมาจากไหน ทำได้แค่นั่งเดาและคาดการณ์กันไปเองเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีคู่ที่รักๆ เลิกๆ ติดๆ ดับๆ เลือดจะไปลมจะมาด้วยเหมือนกัน ซึ่งแบบนั้นฉันก็ได้แต่มองแล้วถอนหายใจ ไม่เข้าใจในรักอันร้อนแรงของวัยรุ่น

ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็เห็นอีกว่า มีคู่รักที่เลิกรากันไปแล้ว และจบไม่สวยถึงขนาดเกลียดกันไปเลยก็มี ไม่สามารถกลับมาคุย หรือแม้กระทั่งเดินผ่านกันได้อีก ต้องคอยสอดส่องว่าเธออยู่ไหน ฉันจะไม่เฉียดผ่านเลย คู่ร้างแบบนี้ทำให้เพื่อนๆ ในเรือลำบากใจมากอยู่เหมือนกัน เพราะก็ทำตัวไม่ถูก จะเข้าข้างฝ่ายไหนก็ไม่ได้ แต่ก็ยังมีคู่ร้างที่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันต่อได้ ซึ่งนั่นยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันรู้ว่ามันต้องรวบรวมความกล้าและต้องใช้พลังเยอะมากที่จะคืนดีและมองผ่านความไม่เข้ากันฉันคนรักแล้วสานต่อความสัมพันธ์ฉันเพื่อนให้ได้

.
เมื่อมีคู่ร้าง มันก็ย่อมจะมีคู่รักที่สามารถฝ่าฟันสิ่งต่างๆ ไปด้วยกันจนถึงวันออกเรือได้เช่นกันค่ะ แม้อาจจะต้องพลัดพรากไปอยู่บ้านเมืองของตนก่อน แต่แล้วในที่สุดก็สามารถกลับมาแต่งงานกันได้ ซึ่งฉันได้รับเกียรติจากเพื่อนอันเป็นที่รักของฉัน 2 คู่ ที่ยินยอมแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของเขาฉบับย่อกับพวกเราค่ะ

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ อิทเซล (Ithzell) เป็นชาวเม็กซิกัน สามีฉันชื่อ มอร์ริส (Maurice) เป็นหนุ่มจาไมก้า เราแต่งงานกันมา 1 ปี กับ 3 เดือนแล้ว และสำหรับเราเรื่องความต่างทางวัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องที่จะรับมือได้ง่ายๆ ด้วยความที่เราต่างเติบโตมาในบริบทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน รวมถึงทัศนคติในการมองโลกของเราด้วย ทำให้บางครั้งเราก็มีข้อโต้เถียงกันพอสมควรเลยทีเดียว ถึงจะพยายามมองข้ามบางอย่างไปแล้วก็ตาม

.

แต่เราเองก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ทรงนำเราให้มาเจอกันและให้เราสามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอด นี่เป็นเหตุผลเดียวและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต่างมีเหมือนกัน แม้ความแตกต่างจะคงอยู่ แต่ความรักและความเชื่อของเราก็ยังคงมีอยู่เช่นเดียวกัน ตอนนี้เราอาศัยอยู่ด้วยกันในประเทศเม็กซิโก ซึ่งการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่นี่ก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับสามีของฉันอยู่พอสมควร เช่นว่า คนเม็กซิกันชอบปาร์ตี้มาก และฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมากจนเริ่มเป็นประเด็นในความสัมพันธ์ของเรา ปกติแล้วชาวจาไมก้าจะไม่ค่อยชอบกินข้าวนอกบ้าน ไม่ว่าจะไปตามบ้านเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือคนแปลกหน้าใดๆ ก็ตาม แต่นี่กลับเป็นเรื่องปกติของคนเม็กซิกัน ในขณะที่ฉันมองว่ามันเป็นการใช้ชีวิตแบบปกติ แต่สำหรับสามีของฉัน เรื่องนี้กลับบั่นทอนความรู้สึกของเขาทีละน้อย

.

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของหลายๆ ความแตกต่างที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเราเองก็กำลังเรียนรู้ที่จะทำให้วิถีชีวิตของเราทั้งสองสมดุลย์มากขึ้น ฉันคิดว่าชีวิตแต่งงานต่างวัฒนธรรม ทำให้คนใดคนหนึ่งต้องปรับตัวเมื่ออาศัยในประเทศของอีกคน แต่อีกคนซึ่งอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองก็ต้องระลึกเอาไว้เสมอว่า คู่ของเราก็มีมุมมองและทัศนคติของเขาที่ต่างออกไปด้วยเหมือนกันค่ะ


“เปลี่ยนความสนใจของเราจากวัฒนธรรม มาเป็นที่ตัวบุคคลแทน”

เวโรนิกา และ ฮุยมิน คิม คู่รักสาวชาวนอร์เวย์และหนุ่มเกาหลีใต้บอกกับฉันแบบนี้ค่ะ เธอบอกว่า คู่ของเธอขอนิยาม “ความสัมพันธ์ข้ามวัฒนธรรม” ว่าคือ กระบวนการปรับตัวของคนสองคนที่มีวัฒนธรรมต่างกัน ซึ่งต่อให้ไม่ได้มาจากคนละประเทศ ชีวิตคู่ก็ต้องปรับตัวกันอยู่แล้ว

.

 

เธอเล่าว่า ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน คนอื่นมักจะถามเธอเสมอว่า “เธอรับมือหรือก้าวข้ามความแตกต่างทางวัฒนธรรมยังไง เพราะเธอสองคนมาจากวัฒนธรรมที่ต่างกันมากๆ” อืม… คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะคิดว่า ความแตกต่างทางวัฒนธรรมนั้นเกิดขึ้นเฉพาะกับความสัมพันธ์ข้ามวัฒนธรรมเท่านั้น ซึ่งเราสองคนไม่เห็นด้วย เพราะเราคิดว่า ผู้คนส่วนมากมองเห็นแค่ความแตกต่างทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่กลับ “ลืม” ไปว่า ความจริงแล้วเราแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ไม่ว่าจะครอบครัว หรือวิถีชีวิตที่เติบโตมา การศึกษา ศาสนา หรืออื่นๆ ดังนั้นแม้ว่าทั้งสองคนจะมาจากประเทศเดียวกัน แต่ก็ยังต้องปรับตัวกับคู่ของตัวเองด้วยความอดทนและด้วยความรักอยู่ดี!

‘สร้างวัฒนธรรมของเราทั้งคู่ขึ้นมาใหม่ แล้วทิ้งความเย่อหยิ่งไปซะ’

สิ่งแรกๆ ที่ทั้งคู่ตระหนักได้ก็คือ “เราต้องทิ้งทิฐิของเราไปแล้วร่วมกันสร้างวัฒนธรรมใหม่ด้วยกัน ใช่ค่ะ มันยากและต้องใช้พลังในการสื่อสารมากจริงๆ หรือจะเรียกว่าต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ก็ต้องต้องเสียสละหลายอย่าง แต่ในที่สุดเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่จะได้มาแล้ว ฉันรู้สึกมันก็คุ้มค่ามาก”

.

ในตอนท้ายคู่รักนอร์เวย์-เกาหลีใต้ หนุนใจว่า ให้เราถือว่าคู่ของเราสำคัญกว่าตัวเรา และขอสติปัญญาจากพระเจ้าเสมอๆ เหมือนใน ฟิลิปปี 2:3

“อย่าทำสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจ‍ถ่อม ถือ‍ว่าคนอื่นดีกว่าตัว อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประ‌โยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประ‌โยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย”

ฉันเห็นด้วยกับเวโรนิกาในเรื่องนี้มาก บ่อยครั้งที่เรา “ลืมตัว” ให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งและคิดว่าโลกต้องหมุนตามเราเท่านั้น โดยยึดว่าความคิดหรือความต้องการของเรานั้นถูก แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่สำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก หรือกับคนอื่นๆ รอบตัว คือการยอมรับ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เคารพการตัดสินใจ และเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากันตลอดชีวิต และสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อที่เราจะสามารถทำทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ได้ก็คือ การติดสนิทและเชื่อวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยหล่อหลอมความแตกต่างเหล่านี้ให้เป็นหนึ่งและทรงใช้ให้เกิดผลต่อคนเป็นอันมากได้ต่อไปค่ะ

เอาล่ะค่ะ จะไม่ว่าความรักบนน้ำ บนบก บนเรือที่มีกฏ หรือบนพื้นดินที่อิสระเสรี ขึ้นชื่อว่าความรัก มันก็ไม่ง่ายสักที่ละหน่า และนี่ก็เป็นสองตอนแห่งความรักบนเรือที่ทีน่านำมาเล่าให้ฟัง ก่อนที่ทีน่าจะกลับขึ้นฝั่งเดินทางสู่ประเทศไทยค่ะ

.

ทีน่า


Previous Next

  • Author:
  • ทีน่า : สาวผู้ใฝ่ฝันจะเดินทางรอบโลก แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อพระเจ้านำเธอให้พบเจอกับเรือ 'โลโกสโฮป' เรือแห่งความหวังที่จะนำพาเธอไปผจญโลกกว้างโดยไม่ต้องเป็นเมียทูตแต่อย่างใด
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Namita
  • สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง