ผู้เขียน John Piper
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ จาก http://www.desiringgod.org/
นี่ฉันจะเป็นโสดไปชั่วชีวิตเหรอเนี่ย!!!
ข้อความของแอชลีย์ ผู้ฟังนางหนึ่งของรายการ podcast “ถามตอบจากจอห์น ไพพเพอร์” ส่งคำถามคับหัวใจตรงมาใน inbox ถึงศิษยาภิบาลท่านนี้ ว่าด้วยเรื่อง “หนูไม่ได้ตั้งใจโสดจนจะเข้าปี 2017 อยู่แล้ว” เธอเขียนมาถามว่า…
อ.จอห์นคะ การเป็นโสดคือปัญหาของหนูค่ะ
“หนูอายุ 28 แล้ว เป็นครูประถมซึ่งก็เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยจะได้เจอหนุ่มโสดสักไหร่อยู่แล้วค่ะ หนูรู้ว่าในยุคของการใช้แอพ Tinder หรือ Hookups ในการหาคู่มันไม่ใช่สไตล์ของหนู แล้วหนูก็รู้ว่าการมีความสัมพันธ์แก้เหงาก็มีแต่จะทำให้ตัวเองรู้สึกว่างเปล่า แต่ในขณะเดียวกัน หนูก็รู้สึกว้าเหว่ในฐานะคริสเตียนที่ยังโสดอยู่ หนูรู้สึกว่าที่โบสถ์เห็นหนูเป็นแค่เครื่องมือในการรับใช้เพราะหนูมีเวลาค่ะ ละคือที่โบสถ์หนูก็มีผู้ชายปริมาณจำกัด อันที่จริงหนูก็เป็นคนชอบเข้าสังคมและหนูก็พยายามใช้ชีวิตในแบบที่ไม่ให้ความโสดมาจำกัดชีวิตหนู
ทุกคนก็บอกว่าหนูดูรวม ๆ แล้วก็มีเสน่ห์ เป็นผู้หญิงลั้ลลา ดูน่าสนใจ
เอิ่ม… ทุกคนก็พูดถึงหนูแบบเนี๊ย ยกเว้นก็แต่ผู้ชายคริสเตียนนั่นแหละค่ะ ซึ่งมันยากนะคะที่จะไม่คิดมาก…
แบบนี้หนูจะหวังใจในสิ่งที่ไม่แน่ไม่นอนได้ยังไงคะ? พระเจ้าไม่ได้สัญญาว่าหนูจะได้แต่งงาน แล้วหนูจะยังยึดความจริงอยู่ได้ยังไงในขณะที่ในโลกนี้พยายามกรอกหูว่า มีคู่สิถึงจะมีความสุข แล้วหนูจะต้องทำยังไงถึงจะไม่ตามค่านิยมของโลก ในเมื่อทั้งที่โบสถ์ ทั้งหนุ่มๆ คริสเตียน และแม้กระทั่งพระเจ้า ดูเหมือนจะไม่มีที่ สำหรับหนูเลย?”
ข้อความนี้มีหลายประเด็นที่เราจะพูดถึงและผมจะขอตอบในแบบที่ผมเข้าใจนะครับ ผมคิดว่าจริง ๆ เธอรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร ที่เธอถามว่าจะมีความหวังในสิ่งที่ไม่แน่ไม่นอนได้ยังไง เธอกำลังพูดถึงสามีในอนาคต และเธอก็ตอบเองว่าพระเจ้าไม่ได้สัญญาว่าเธอจะได้แต่งงาน
ในอีกนัยหนึ่ง คือ เธอเข้าใจดีว่าเราไม่ได้หวังกับสิ่งที่ไม่แน่นอน เราไม่หวังในสิ่งที่พระเจ้าไม่ได้สัญญากับเรา เพราะถ้าเราคิดอย่างนั้นเราจะผิดหวังอย่างแน่นอน เราหวังใจในสิ่งที่เที่ยงแท้ คือ พระสัญญาของพระเจ้า ไม่ใช่หวังในสิ่งที่เราอยากได้ ซึ่งพระเจ้าไม่ได้สัญญาไว้ และต้องเข้าใจว่าเราอาจจะได้หรือไม่ได้ก็ได้ สิ่งที่แน่นอนที่เราหวังใจคือพระสัญญาของพระองค์และพระองค์ก็ทรงรักษาสัญญา ดังในเยเรมีย์ 1:12
“แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นถูกต้องแล้ว
เพราะเราเฝ้าดูถ้อยคำของเรา เพื่อจะทำให้สำเร็จ” -(เยเรมีย์ 1:12)
แอชลีย์รู้ข้อนี้ดี ดังนั้นเธอเลยถามว่า เธอจะต้องทำยังไงถึงจะไม่ตามค่านิยมของโลก ในเมื่อทั้งที่โบสถ์ ทั้งหนุ่ม ๆ คริสเตียน และแม้กระทั่งพระเจ้าดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเธอเลย และเธอก็มีคำตอบแล้วว่า ค่านิยมของโลกนี้โกหกเธอเรื่องความพึงพอใจที่ได้เป็นที่ต้องการ เธอรู้ว่านี่เป็นคำโกหก มันหลอกลวงสุดๆ
สิ่งที่ผมเป็นห่วงแอชลีย์ และหนุ่มโสดสาวโสดอีกมากมาย ก็คือ เธอเริ่มจะเชื่อคำโกหกนี้แล้ว โดยดูจากคำถามที่เธอถามมา และนี่เป็นวิธีคลาสสิกที่มารซาตานใช้ล่อลวงเอวามาตั้งแต่ครั้งปฐมกาลบทที่ 3 ผมเลยไม่อยากให้น้องแอชลีย์พลาดเหมือนเอวา ดังนั้น ให้เรามาทบทวนเหตุการณ์ที่เป็นอุทาหรณ์นี้กันอีกที
“พระเจ้าตรัสว่า ในบรรดาสัตว์ป่าทั้งหมด ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า “จริงหรือ? ที่พระเจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้ากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนนี้’ ตอนนี้ก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเจ้างูร้ายทำอะไร ต้นไม้ที่ต้องห้ามมีต้นเดียว แต่ซาตานกลับล่อหลอกให้คิดว่าพระเจ้าใจแคบและห้ามยุ่งกับต้นไม้ทุกต้น ซึ่งเราเห็นได้จากคำตอบของเอวาว่าเธอหลงกลแล้ว หญิงนั้นจึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ในสวนนี้เรากินได้ เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้ากินและเธอก็เพิ่มเติมเองว่า “…ห้ามถูกต้องเลย มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตาย’ ” พระเจ้าไม่ได้ตรัสอย่างนี้ซะหน่อย แต่เอวาเริ่มรู้สึกน้อยใจพระเจ้าแล้ว เธอคิดว่าพระเจ้าหวงบางอย่างไว้ และเธอไม่พอใจที่พระเจ้าทำอย่างนั้น พระเจ้างก ใจแคบ และไม่สนใจความต้องการของเธอ ก็เหมือนกับที่แอชลีย์ตัดพ้อว่า
“ทั้งที่โบสถ์ ทั้งหนุ่มๆ คริสเตียน และแม้กระทั่งพระเจ้าดูเหมือนจะไม่ใส่ใจหนูเลย”
เพื่อเป็นการตอบคำถามของแอชลีย์ ที่ว่า ทำอย่างไรเธอจึงจะไม่หันเหไปตามค่านิยมของโลก แม้ว่าเธอจะรู้ว่าค่านิยมเหล่านั้นเป็นคำโกหกก็ตาม
คำตอบของผมก็คือ ผมอยากให้น้องจุ่มแช่ อยู่ในความจริงของพระเจ้า ทั้งพระวจนะและพระสัญญาที่พระองค์มีต่อเธอ แล้วเธอจะ ‘รู้ความจริง’ และ ‘ความจริงจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ’ จากคำหลอกลวงของโลกและของมารร้าย และนั่นคือ ความหมายในสิ่งที่พระเยซูพูดถึงในหนังสือยอห์น
“และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท” -(ยอห์น 8:32)
ผมจะขอเสนอความจริงอะไรบางอย่างให้นะแอชลีย์ มีความจริงเป็นโหลเลยที่ผมบอกให้คุณฟังได้ แต่มีข้อหนึ่งที่สำคัญมาก นั่น คือ ตอนที่พระเยซูสอนเรื่องการแต่งงาน เพราะเหล่าสาวกก็เข้ามาถามพระองค์เรื่องนี้ พระองค์ก็ตอบว่าไม่มีทางออกนะ มีแต่ทางเข้าเท่านั้น เพราะทั้งคู่สามีภรรยาจะต้องอุทิศตัวแก่กันและกันไปไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ จนกว่าความตายจะแยกจากกัน ซึ่งทำให้สาวกอึ้งไปเลยทีเดียวที่พระเยซูปิดตายทางออกหลังการแต่งงาน จนพวกเขาพูดออกมาว่า “ถ้าลักษณะสามีภรรยาเป็นอย่างนั้น ไม่แต่งงานยังจะดีกว่า” (มัทธิว19:10) แล้วพระเยซูก็พูดต่อในสิ่งที่ทำให้พวกเขาอึ้งมากกว่าเดิม นั่นคือว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับความสัมพันธ์ที่มีการเรียกร้องสูงแบบนี้ได้ แล้วพระองค์ก็ใช้ “ขันที” เป็นตัวอย่างเพื่ออธิบายคนลักษณะต่าง ๆ ที่ไม่ได้แต่งงาน พระองค์ทรงตอบสาวกว่า
“ไม่ใช่ทุกคนจะรับคำสอนนี้ได้ ยกเว้นคนที่พระเจ้าประทานให้เท่านั้น
เพราะคนที่เป็นขันทีตั้งแต่เกิดก็มี คนที่มนุษย์ทำให้เป็นขันทีก็มี
คนที่ทำตัวเองให้เป็นขันทีเพราะเห็นแก่แผ่นดินสวรรค์ก็มี ใครรับได้ก็ให้รับเอาเถิด” – (มัทธิว19:11-12)
การที่พระเยซูยกตัวอย่าง ‘ขันที’ เพื่อจะชี้ให้เราเห็นว่า มีคนหลายประเภทที่ไม่ได้รับการทรงเรียกให้แต่งงาน บางคนก็เต็มใจ บางคนก็ไม่เต็มใจ
แล้วพระคัมภีร์พูดถึงพระคุณพระเจ้าสำหรับพวกเขาว่าอย่างไร? แล้วความสุขและพระพรในชีวิตของเขาล่ะเป็นอย่างไร?
คำตอบที่ดีงามที่พระเจ้าให้ก็อยู่ใน อิสยาห์ บทที่ 56 นั่นเอง พระองค์ให้ภาพของคน 2 ประเภทที่รู้สึกถูกละเลยในอิสราเอล นั่นคือ คนต่างชาติที่ไม่เคยถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของคนอิสราเอล และขันทีซึ่งเป็นคนที่ไร้ผลผลิต เป็นคนที่ไม่มีอนาคตเพราะไม่สามารถแต่งงานมีครอบครัว พระองค์ตรัสว่า
“อย่าให้คนต่างชาติผู้เข้าจารีตถือพระยาห์เวห์กล่าวว่า
‘พระยาห์เวห์จะทรงแยกข้าจากชนชาติของพระองค์แน่’
และอย่าให้ขันทีพูดว่า ‘ดูสิ ข้าเป็นต้นไม้เหี่ยวแห้ง’ ”
เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “เกี่ยวกับบรรดาขันทีผู้รักษาวันสะบาโตของเรา
ผู้เลือกในสิ่งที่เราพอใจและยึดมั่นในพันธสัญญาของเรา
เราจะให้อนุสรณ์แก่เขาทั้งหลาย ภายในนิเวศและภายในกำแพงของเรา
ที่ดีกว่าบุตรชายและบุตรหญิงเราจะให้ชื่อนิรันดร์แก่เขาทั้งหลาย
ซึ่งจะไม่ถูกตัดออกเลย” – (อิสยาห์ 56:3-5)
… เมื่ออ่านข้อนี้แล้วขอให้คุณหยุดและใคร่ครวญ ปล่อยตัวเองให้จุ่มแช่ในความจริงนี้สักครู่ …
ผมขอถามหน่อยว่า คุณเชื่อแบบนี้มั้ยแอชลีย์? พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้อนุสรณ์และชื่อนิรันดร์ ซึ่งสิ่งนี้จะประเสริฐยิ่งกว่าชื่อสามี และชื่อลูก ๆ ของคุณ หรือแม้กระทั่งคนรอบตัวคุณที่มีครอบครัวซะอีก แล้วพระองค์ก็เพิ่มเติมว่า “ชื่อนิรันดร์นี้จะไม่ถูกตัดออกเลย” คุณคิดว่าชื่อของคุณจะเลือนหายไปเพียงเพราะคุณไม่มีลูกสืบสกุลอย่างนั้นหรือ หรือเพราะไม่มีใครสานต่อ DNA ของคุณ แต่พระเจ้าบอกว่ามีสิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่ดีเลิศที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้คุณ นั่นคือ ชื่อที่จะคงอยู่นิรันดร์
แล้วที่คุณถามว่าจะไม่หันไปตามค่านิยมของโลกได้ยังไง วิธีป้องกันก็คือ หยุดโฟกัสไปที่ค่านิยมของโลกและความพึงพอใจจอมปลอมที่ล่อลวงคุณอยู่ แต่ให้โฟกัสไปที่สิ่งที่ล้ำเลิศยิ่งกว่านั้น คือ พระสัญญาของพระเจ้า และนี่เป็นเพียงหนึ่งในพระสัญญาร้อยแปดพันประการที่พระเจ้ามีให้คุณ ผมก็ไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมคู่ครองในอนาคตให้คุณหรือไม่ พระองค์อาจจะเตรียมก็ได้ คุณไม่มีทางรู้หรอก แต่ที่ผมแน่ใจก็คือ พระองค์จะให้คุณอยู่ในพระนิเวศน์ของพระองค์ และพระองค์จะจารึกชื่อของคุณบนกำแพงของพระองค์ ซึ่งดีกว่าลูกชายและลูกสาว และชื่อนี้จะไม่ถูกตัดออกเลย
อย่ากังวลว่าพระเจ้าจะไม่มีที่สำหรับคุณ เพราะพระองค์บอกว่าพระองค์ได้เตรียมที่ให้คุณแล้ว พระองค์อยากให้คุณอยู่ที่นั่น และต้องการให้คุณรับรู้ว่าการเป็นที่ต้องการของพระเจ้านั้น ดีซะยิ่งกว่าการเป็นที่ต้องการของผู้ชายนับพันอีกนะครับ
ด้วยรักและชูใจ
ส่วนน้อง ๆ ที่มีคำถามอยากปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ ปัญหาความโสด หรือ การดำเนินชีวิต สามารถ Inbox มาหาพี่ชูใจได้ด้วยทาง Facebook Page “ชูใจ Project” แล้วอย่าลืมพบกับ Love Coach คอลัมน์ตอบปัญหาหัวใจสไตล์คริสเตียนได้ทุกวันอังคารสีชมพู จร้าาาาาา
Related Posts
- Translator:
- Por Paula
- พอลล่า รักเด็กและหน้าก็เด็ก บุคลิกร่าเริงสดใสวัยรุ่นชอบ จึงคร่ำหวอดในงานพันธกิจวัยรุ่น ชอบเดินทางเน้นกินและถ่ายรูป มีความสามารถทั้งการเขียน การแปล เห็นงานชูใจเลยคันไม้คันมืออยากมาร่วมแจมกัน!
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- วอร์ วรรัก
- Editor สาวเรียบเรียงหลายบทความในชูใจ เธอผู้มีภาษาละมุนละไม กระดุ้มกระดิ้ม และยังมุ่งมั่นรับใช้พระเจ้าและมีภาระใจในการทำงานด้านให้คำปรึกษากับวัยรุ่น เลยต้องดั้นด้นไปอยู่เมืองสิงโตพ่นน้ำเพื่อเรียนต่อด้านนี้!