EP. 14

เมื่อความ “อิจฉา” ขโมยสันติสุขของฉันไป


 

สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เราตกอยู่ในความรู้สึกหดหู่ และอิจฉามาก ๆ สาเหตุเกิดจากเรื่องทั่วไปเลยค่ะ เกิดอยากได้ อยากไปในสิ่งที่เพื่อนเค้ามีโอกาส ในที่นี้คือ “ได้ไปต่างประเทศค่ะ”

 

เรื่องรายละเอียดของความอิจฉา ขออนุญาตไม่กล่าวถึง วันนี้เราขอเล่าในส่วนของ ‘ความรู้สึก’ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับรู้ว่า เพื่อนจะได้ไปต่างประเทศ (ไปในประเทศที่เราอยากไปมากที่สุด ณ ตอนนี้) แต่เราไปไม่ได้ เนื่องจากด้วยความไม่พร้อมประการทั้งปวง ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้น คือ “หมดแรง” ค่ะ

อย่าขำนะ! เรื่องนี้ สำหรับคนที่ชอบเดินทางอย่างเราแล้ว ซีเรียสมาก และเป็นขั้นรุนแรงมาก!!!

เราตกอยู่ในความหดหู่ (Depressed) ไม่มีแรง รู้สึกท้อแท้ เหนื่อย สิ้นหวัง นอนร้องไห้ รู้สึกถูกทอดทิ้ง รวมถึงตัดพ้อในความไม่พร้อมของตัวเอง ไปจนถึงกระทั่งรู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า… เป็นแบบนี้อยู่  2 อาทิตย์ โดยที่เราไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเราคิดว่ามันเป็นความรู้สึกของเรา ที่เราจะต้องจัดการมันให้ได้

2 อาทิตย์ที่ผ่านไป จากแค่ความรู้สึก มันเริ่มส่งผลออกมาทางร่างกาย เรานอนไม่หลับ เราอ่อนเพลีย และเราไม่มีแรง ไม่มีไอเดียในการทำงานเลย

ภาวะซึมเศร้า

เราเริ่มสังเกตตัวเอง และเราเริ่มรู้สึกว่า นี่มันเกินไปแล้ว! เราเริ่มเช็คกับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น

ก็แอบยอมรับเบา ๆ ว่ามันคือ “อาการอิจฉา” และความเป็นชะนีในตัว แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความนอยในตัวด้วย คือ เราจะเกลียดเพื่อนได้ยังไง? อันนี้เราพูดตรงๆ เราไม่เกลียดเพื่อน เราไม่โกรธเพื่อน เรารู้สึกว่า ถ้าเค้าพร้อม โอกาสดีๆอย่างนี้ เค้าก็ควรได้ไป และเราเป็นคนเริ่มจุดประกายความคิดนี้ให้เพื่อนเราเองด้วยซ้ำ

โอเค… กลับมาส่วนของเรา… เรารู้สึกว่า ทุกอย่างมันเริ่มจะเลยเถิดขึ้นเรื่อย ๆ และเราต้องการความช่วยเหลือแล้ว ในเวลานั้น จริง ๆ เราแชร์เพื่อนเราไปแล้วส่วนนึง แต่เรารู้สึกว่าเรายังแชร์ได้ไม่ทั้งหมด เราเลยเลือกที่จะโทรหาที่ปรึกษาที่เรารักสองคนเพื่อขอความช่วยเหลือในการจัดการกับตัวเราตอนนี้ ในที่สุดทั้งสองคนก็เลยต้องใช้เวลาคุยกับเราพักนึง แล้วก็อธิษฐาน จากนั้นเราจึงเริ่มเข้าสู่กระบวนการจัดการความรู้สึกตัวเอง

 

พี่คนนึงพูดกับเราว่า…

“ตอนนี้มันเริ่มไปกันใหญ่แล้ว พี่เข้าใจนะ สำหรับความรู้สึกอิจฉา พี่ก็อยากได้ พี่ก็อยากมีเหมือนกัน แต่ตอนนี้ จากแค่ความอิจฉา เราได้เปิดประตู อนุญาตให้ศัตรูเข้ามาขโมย สันติสุข และความชื่นชมยินดีจากเราไปแล้ว!”

.

“ไม่ได้นะ เราต้องทวงคืนกลับมา มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เรามา และไม่มีใครจะเข้ามาขโมย หรือชิงไปได้ นอกจากเราจะอนุญาตให้มันทำ สำหรับความรู้สึกครั้งนี้ เราไม่จำเป็นต้องกดมันลงไป บอกพระเจ้าไปเลยว่าเราอิจฉา แล้วให้พระเจ้าจัดการ ไม่ใช่ว่าการที่เราไม่ได้ไปต่างประเทศครั้งนี้ แล้วพระเจ้าจะไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้สำหรับเราที่นี่ซะหน่อย พระเจ้าคือพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้ลิมิตด้วยนักเทศน์ใหญ่ ๆ หรือ สถานที่ต่าง ๆ ต่อให้เป็นเด็กบ้าน ๆ ถ้าพระเจ้าจะทำงาน เธอก็จะเห็นได้…”

.

ตลอดการอธิษฐานกับพี่คนนี้ เราร้องไห้ตลอด เราพยายามกดความรู้สึกต่าง ๆ ลงไปด้วยตัวเอง เพราะคิดว่าเราทำได้ เราจัดการความรู้สึกตัวเองได้ แต่เราไม่ได้รู้เลยว่า เรากำลังเปิดประตูให้ศัตรูเข้ามาขโมยสันติสุข ความหวัง และความชื่นชมยินดีไป! เมื่อเราถูกขโมยสิ่งเหล่านี้ไป ผลกระทบมันเริ่มตั้งแต่ภายในตัวเรา หัวใจของเรา ความรู้สึกของเรา และสมองของเรา สิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาทางร่างกาย แต่เมื่อเรายอมรับว่าเราอ่อนแอและเริ่มที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่น่ารักและทันเวลาเสมอ หลังจากที่พี่เค้าอธิษฐานเผื่อเราเสร็จ เรากลับมาอ่านพระคัมภีร์แล้วเราก็พบกับการชูใจจากพระเจ้า

 

“เพราะดู‍เถิด เราอยู่ฝ่ายเจ้า เราจะหันมา‍หาเจ้า และ
เจ้าจะถูกไถและถูกหว่าน” – (เอเสเคียล 36:9)

 

สำหรับเราแล้ว เหมือนพระเจ้าบอกกับเราว่า ไม่ว่าจะเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนในชีวิต แต่พระเจ้าให้สัญญากับเราไว้แล้ว และพระองค์สัตย์ซื่อมากพอในทุกคำสัญญาที่พระองค์ให้กับเรา

เมื่อความอิจฉาขโมยสันติสุขของเราไปแบบนั้น ในวันนั้นเราตัดสินใจ อธิษฐานทวงคืนทั้งสันติสุขและความชื่นชมยินดีของเรากลับมา เรานอนร้องไห้เมื่อนึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระเจ้าของเราไม่ใช่ Pocket-size God (พระเจ้าแบบพกพา) แต่พระองค์เป็นพระเยโฮวาห์ กษัตริย์เหนือกษัตริย์ พระองค์เป็นผู้พิชิต และชนะทุกอย่าง และพระองค์อยู่ข้างเรา  แต่ที่ผ่านมาเราเองกลับไม่เห็นสิ่งนี้ เรารู้สึกว่า  เราทำบาปต่อความรัก ความสัตย์ซื่อ และฤทธานุภาพ ของพระองค์

หลังจากคืนนั้น พอเรายอมพระเจ้า บอกพระเจ้า พระองค์ก็ทรงเยียวยาเรา สันติสุข และความชื่นชมยินดีของเราเริ่มกลับมา เราเริ่มมีความสุข และมีความหวัง และมีกำลังใหม่อีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์

 

Line-Yellow

เราตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ เพราะเราต้องการจะบอกกับเพื่อน ๆ ทุกคนว่า

.

  1. อย่าเปิดประตูให้กับมาร
    อย่าปล่อยให้มันใช้ช่องโหว่ ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน ในการทำลายสันติสุข ความรัก ความหวัง และความชื่นชมยินดีที่พระเจ้าให้เราไว้แล้วได้ มันไม่สามารถชิงไปได้ ถ้าเราไม่อนุญาต จำไว้เสมอว่า “นี่คือสิ่งที่พระเจ้าให้เรามา และเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา และไม่มีใครชิงไปได้ ถ้าใครได้สูญเสียสิ่งดีเหล่านี้ไป อธิษฐานและทวงคืนกลับมาค่ะ! (Claim back all your love, hope, joy and peace from the foe!)”

 

  1. อย่าคิดว่าเราเข้มแข็ง และจัดการทุกความรู้สึกได้
    บางครั้งบอกคนอื่นก็ได้ ไม่ต้องเก็บเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอายกับความอ่อนแอของเรา เพื่อนคริสเตียนดี ๆ จะช่วยพยุงเราให้ลุกขึ้น และเตือนสติให้เรากลับมาหาพระเจ้าได้เสมอ และที่สำคัญ ให้เราบอกพระเจ้าทุกอย่าง ทุกความอ่อนแอ บอกเพื่อให้พระเจ้าช่วยจัดการ พระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราคิด อย่าจำกัดพระองค์ด้วยสติปัญญาและความสามารถของคุณ

 

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ขอความรักของพระเจ้าเทลงมายังทุกคน ขออย่าให้เราได้หันหนีไปจากความสัตย์ซื่อของพระองค์นะคะ

 

พระเจ้าอวยพรค่ะ


พบกับ #Featured คอลัมน์ทันกระแสสังคม หยิบจับเรื่องทั่วไปมาพูดใหม่ในมุมมองคริสเตียน ทุกวันพฤหัสสีส้มส้มน้าาาาา!!!


Previous Next

  • Author:
  • ล.ย. : Blogger สาวน้อยในกทม. หัวใจเหนือ ที่พี่ชูใจพบเจอโดยบังเอิญ มีผลงานโดดเด่นเตะตาจนต้องจีบมาชูใจกันนนนนนน
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)