กว่าจะมาเป็นโบ้ Now I Become Christian

EP. 57

กว่าจะมาเป็นโบ้ (now I become Christian)


แชร์เรื่องโดย : Jumbo (Street Dance)
วันที่เผยแพร่ : 20 กันยายน  2021

 


 

ผมและคนไทยอีกหลายคนคงเกิดมาพร้อมกับ ‘ความไม่เข้าใจ’ ในศาสนาดั้งเดิมที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งก็คือ ‘ศาสนาพุทธ’

 

ความเชื่อหลักของชาติที่ทำให้เราได้รับอิทธิพลผ่านสิ่งแวดล้อมรอบตัวในการใช้ชีวิตมาอย่างเสียมิได้ การเรียนวิชาพระพุทธศาสนาที่เป็นวิชาภาคบังคับในหลักสูตรการศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ จนกระทั่งความคุ้นเคยที่ซึมซับมานานนี้ได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาจนทำให้เราปฏิบัติตามๆ กันไปโดยไม่ใส่ใจถึงความหมาย แต่หากกล่าวถึงเรื่องของความเชื่อแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกเชื่อหรือรู้สึกมีส่วนร่วมกับศาสนาที่ระบุในเอกสารทางราชการเลย

 

___________________________

 

ลองมาพูดถึง “ศาสนาคริสต์” ในมุมมองของผมดูบ้าง

 

ตั้งแต่เด็ก ผมรู้เพียงแค่ว่าศาสนาคริสต์เป็นอีกศาสนาหนึ่งที่ไม่ได้แตกต่างกับศาสนาอื่นๆ เสียเท่าไหร่ จะมีเรื่องดีๆ บ้างก็ตรงที่โรงเรียนจัดกิจกรรมรื่นเริงในวันสำคัญอย่างคริสต์มาส แต่เราก็ไม่รู้ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันมีความหมายอะไรและมันสำคัญอย่างไรกับชาวคริสต์

ผมได้เข้ามหาวิทยาลัยในช่วงเดียวกันกับที่ผมเริ่มต้นสอนเต้นอย่างจริงจัง นับเป็นช่วงเวลาที่ Street Dance Studio ได้ถือกำเนิดขึ้นที่เชียงใหม่ ช่วงเวลาที่เรากำลังสร้างและตกแต่งสตูดิโอค่อนข้างวุ่นวายมากทีเดียว เพราะทีมงานของผมมีเพียง 3-4 คนเท่านั้น

 

(logo ปัจจุบันของ street dance studio เชียงใหม่)

 

แต่แล้วการทำงานของพระเจ้าได้ก็เริ่มขึ้นในตอนนั้นเอง

 

อยู่มาวันหนึ่ง มีกลุ่มคนแปลกหน้ามาที่สตูดิโอของผม แถมมีทั้งคนไทยและต่างชาติเสียด้วย!  ผมงงและนึกสงสัยอยู่ในใจว่าคนพวกนี้มาทำอะไร จนกระทั่งพวกเขาเริ่มหยิบเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้สำหรับทาสีออกมาช่วยละเลงบนผนังสตูดิโอของเรา

 

ผมเข้าใจว่ามีคนในทีมจ้างคนพวกนี้มาทาสีในเวลากระชั้นชิดแน่ๆ เพราะสตูดิโอของเราต้องเปิดสอนในภายใน 3-4 วันที่จะถึงนี้แล้ว แต่เรื่องแปลกคือ ผมได้มารู้ทีหลังว่า ‘กลุ่มคนพวกนี้เป็นคริสเตียน’ จากคริสตจักรเชิงดอยที่อยู่ถนนศิริมังคลาจารย์นี้เอง (จังหวัดเชียงใหม่)  และพวกเขามาช่วยทาสีโดยไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว!!!

 

 

นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสงสัยที่ผมมีต่อศาสนาคริสต์

สงสัยในความเชื่อของคริสเตียนที่แสดงออกผ่านการกระทำเหล่านี้

 

 

หลังจากวันนั้น ผมก็มีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะผ่านการเรียนพระคัมภีร์, การร้องเพลงสรรเสริญ, การอธิษฐาน รวมถึงการมาฟังคำเทศนาทุกวันอาทิตย์ ซึ่งมันทำให้ความคิดของผมที่มีต่อคริสเตียนนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

 

ผมสัมผัสว่า “ศาสนาคริสต์ ไม่ใช่ ศาสนา แต่มันคือ “การรวมกลุ่มของความรัก”

ที่พยายามพาให้คนอื่นที่ยังไม่รู้จักความรักของพระเยซู ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับพระองค์”

.

“ความรักนั้นมาจากพระเจ้า ทุกคนที่มีความรักก็ได้เกิดเป็นลูกของพระเจ้าและรู้จักพระองค์

ส่วนคนที่ไม่มีความรักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นความรัก”

(1 ยอห์น 4:7-8 THA-ERV)

 

___________________________

 

ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนศาสนาเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนไทย และเป็นเรื่องที่ใหญ่มากสำหรับคนไทยเพศชาย เพราะในความเชื่อของพ่อแม่ชาวพุทธทั้งหลาย ลูกชายต้องบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เสมือนเป็นการนำบุญยิ่งใหญ่ส่งมาให้พ่อแม่ได้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ ผมจึงคิดว่าพ่อแม่ของผมต้องไม่ยอมรับการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาของผมแน่นอน ทั้งที่เรียนรู้เรื่องราวของพระเยซูมาตลอด 3-4 ปี และอยากจะเปลี่ยน แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะทำ

 

จนกระทั่งพระเจ้ามอบของขวัญให้กับผม นั่นก็คือ “ลูกสาว”

 

ผมมั่นใจว่านี่คือแผนงานที่พระเจ้ามีให้ชีวิตผม เพราะการมีลูกสาวทำให้ผมกล้าที่บอกจะเรื่องสำคัญของชีวิตสองเรื่องกับครอบครัวไปพร้อมๆ กัน ทั้งเรื่องที่ผมกำลังจะมีลูก และ การที่ผมจะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นคริสเตียน ในใจผมเครียดมากที่จะต้องบอกเรื่องนี้ พอถึงเวลาผมก็บอกเรื่องลูกก่อน และในขณะที่ครอบครัวกำลังอึ้งอยู่ ผมก็รีบบอกเรื่องที่จะเปลี่ยนศาสนาต่อเลย ด้วยจังหวะเวลาและเรื่องที่เล่าทำให้พ่อกับแม่ไม่มีท่าทีว่าจะตกใจในเรื่องหลังเลย (อาจจะเพราะตกใจเรื่องแรกอยู่) … และนี่เองที่ทำให้ผมคิดว่าพระเจ้าได้วางแผนไว้หมดแล้ว

 

___________________________

 

 

ต่อมาหลังจากเป็นคริสเตียนไม่นาน ผมก็ได้ผ่านประสบการณ์ที่มีกับพระเจ้า นั่นคือการที่น้อง “มารี” ลูกสาวของผมคลอดก่อนกำหนดไปหลายเดือน ตอนคลอดออกมาเขามีน้ำหนักเพียง 700 กรัมเท่านั้น ขนาดตัววัดได้ว่าเล็กเพียงหนึ่งฝ่ามือของผม ซึ่งระหว่างที่ต้องดูอาการในโรงพยาบาลต่ออีก 2 เดือนเพราะคลอดก่อนกำหนดก็เกิดโรคแทรกซ้อน ปอดของมารีมีปัญหาจึงต้องรักษาด้วยการเจาะปอดและเสียบท่อเข้าไป ระหว่างนั้นก็มีพี่น้องที่โบสถ์แวะเวียนมาเยี่ยมและคอยอธิษฐานให้ตลอด เรียกได้ว่าถ้ามองจากมุมมองของมนุษย์ทั่วไปคงยากที่จะมีความหวังให้มารีมีชีวิตรอด แต่พระเจ้าก็ได้แสดงสิ่งอัศจรรย์ให้เกิดขึ้น

 

ผ่านมากว่า 2 ปี… ผมเชื่อเหลือเกินว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มารีเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์จนถึงตอนนี้

เป็นเพราะเขาที่ทำให้ผมเชื่อมั่นในพระเจ้า และบอกอย่างมั่นใจได้เลยว่านี่คือหนึ่งในแผนงานของพระองค์

.

พระเจ้าสร้างมารีขึ้นมา ทรงปั้นเขาไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ และดูแลเขาตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเสียอีก

(อิสยาห์  44:2)

 

จนถึงตอนนี้ ผมมองว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งในแผนงานของพระเจ้าทั้งสิ้น แน่นอนว่ารวมถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จักพระเจ้า ความไว้วางใจในพระเจ้า ไปจนถึงการฝากทั้งชีวิตไว้กับพระองค์

 

ความรักของพระองค์ได้เปลี่ยนแปลงให้ผมกลายเป็น “โบ้” อย่างในทุกวันนี้ แม้จะไม่อาจรู้ได้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็จะเชื่อและขอทำตามพระประสงค์ของพระองค์ต่อไป

 

 

ด้วยรักและชูใจ

JUMBO

 

สำหรับชาวชูใจที่สนใจการเต้นหรืออยากติดตามเพจของ street dance studio เชียงใหม่ ก็สามารถติดตามได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค >>> https://th-th.facebook.com/sdscm/


 

เรื่องราวที่เป็นพระพรเหล่านี้สามารถหนุนใจผู้คนได้มากมาย ร่วมส่งต่อพระพรของพระเจ้าด้วยการแบ่งปันเรื่องราวของคุณกับชูใจได้ ด้วยการส่งเรื่องราวมาทางเพจเฟสบุ๊คของชูใจ หรือทาง Email
อ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward  ด้วยรักและชูใจนะคะ : )


Previous Next

  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน