EP.1

ความเชื่อที่พ่อสอน [Faith Hope Love Diary EP.1]


 

พ่อแม่ผมเป็นคริสเตียน แน่นอนว่าผมเลยถูกคาดหวังให้ดำเนินตามความเชื่ออย่างเดียวกัน ดังนั้นตั้งแต่จำความได้ ทุกเช้าวันอาทิตย์พ่อจะลากผมไปโบสถ์ แม้ตัวผมเองพยายามอิดออดตามประสาเด็กประถมที่อยากดูการ์ตูนช่อง 9 อยู่บ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่เคยได้ทำอย่างใจอยากสักครั้ง

 

และในความรู้สึก วันอาทิตย์เป็นวันที่น่าเบื่อเพราะต้องไปโบสถ์ครึ่งวัน แถมเลิกโบสถ์พ่อแม่ก็จับกลุ่มคุยกับเพื่อนอีก ขณะที่ผมต้องรอ เพื่อนวัยเดียวกันก็ไม่ค่อยมี ทางออกคือการพกสมุดดินสอมาวาดรูปเพื่อฆ่าเวลา

 

ทว่า นานวันเข้ากลับไม่ได้น่าเบื่อเท่าที่เคยรู้สึก ยิ่งพอมีงานคริสต์มาสให้ตั้งตารอ และมีเพื่อนวัยเดียวกันมากขึ้น ความอิดออดก็ค่อยลดลงไป ชีวิตในอีกหลายปีข้างหน้าของผมจึงเติบโตขึ้นในโบสถ์ที่พ่อพามา

 

_______________

 

เหมือนละครคริสต์มาสในโบสถ์ที่เคยดูกับพ่อ เพียงแต่ตอนนี้เราไม่ได้นั่งอยู่ข้างกัน โทรทัศน์จอใหญ่หน้าห้องผ่าตัดยังคงฉายภาพยนตร์เรื่องการเกิดของพระเยซูแม้จะผ่านคริสต์มาสมาหลายวันแล้วก็ตาม

 

และพ่อผมอยู่ในห้องด้านหลัง

 

 

เป็นเวลาเกือบสี่ชั่วโมงแล้วหลังจากพ่อถูกส่งเข้าไป เสียงมือถือแม่ดังเกือบตลอดเวลาด้วยสายจากญาติที่เริ่มทยอยโทรเข้ามาเมื่อรู้ข่าว แม่เดินออกไปคุยโทรศัพท์พยายามพูดแม้จะยังร้องไห้อยู่

 

เพื่อนสนิทผมส่วนหนึ่งรีบมาหา แต่ตอนนี้ทุกคนทำได้เพียงรอให้ประตูแห่งความหวังนั้นเปิดออก แล้วในที่สุดคุณหมอชุดสีเขียวก็เดินออกมา กวักมือเรียกผมและแม่เข้าไปหา

 

“การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี

เราผ่าตัดเอาเลือดในกะโหลกออกไปแล้ว คนไข้ปลอดภัยครับ”

 

แม่น้ำตาซึมกอดผมเหมือนกับถูกปลดปล่อยจากความกดดันในหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

 

“ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อ อาการยัง 50/50 นะครับ ต้องรอคนไข้ฟื้น”

หมอให้ข้อมูลเพิ่มเติม

 

พ่อปลอดภัยแล้ว เรื่องน่าจะผ่านไปเหมือนที่เคยผ่านมาได้ แม้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็โล่งใจที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี

 

เหตุการณ์เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เกิดขึ้นเปลี่ยนวันธรรมดาให้ยาวนานกว่าปกติ ความกดดันที่ทำให้เครียดเกร็งผ่อนคลายลงจนความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นแทนที่ หมอแนะนำให้ทุกคนกลับบ้านไปพัก เพราะในห้อง icu ไม่สามารถนอนเฝ้าได้

 

ขณะวันที่ยาวนานกำลังจะหมดลง

บทเรียนชีวิตที่หนักหน่วงก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

 

อีกไม่นานจะหมดวัน แต่ยังไม่ทันได้หลับตาพักก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนข้อความเข้าจากในมือถือ ผมกดเข้าไปเลื่อนดูข้อความที่บรรดาคนสนิททยอยส่งเข้ามา

 

“ Happy Birthday ”

 

_______________

________________

 

เชียงใหม่, วันศุกร์

5 ม.ค. 2018

 

“พ่อไปอยู่บนสวรรค์แล้ว”

 

ประโยคในมานาประจำวันเตะตาผมตั้งแต่เช้า พอผสมความรู้สึกที่ยังหน่วงๆ อยู่ตั้งแต่เมื่อวานก็ทำให้คิดไปเรื่อยว่าเนื้อเรื่องจากหนังสือวันนี้กำลังบอกกับผม

เพียงแต่พ่อผมยังไม่ได้ไปสวรรค์ พ่อยังอยู่ใน ICU

 

 

ตามความเชื่อคริสเตียน ผมรู้ พระเจ้าสัญญากับเราว่าวันหนึ่งทุกคนจะไปอยู่ที่สวรรค์ และเราจะได้พบกับคนที่จากเราไปก่อนที่นั่น ไม่มีความบาปที่ต้องชดใช้ ไม่มีความโศกเศร้าอีกต่อไป เช่นนั้น โลกนี้จึงเป็นสิ่งชั่วคราว ซึ่งการที่คริสเตียนเชื่อว่าพระเยซูมาตายบนไม้กางเขนก็เพื่อยืนยันในสัญญานี้ สัญญาที่ว่าเราจะได้พบกันอีก

 

ความเชื่อบอกกับผม ส่วนความรู้สึกก็ยังเรียกร้องและหนักอึ้ง ผมหวังอยากให้ความรู้สึกตอนนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวที่ผ่านไปโดยเร็ว

 

อยากพบกับพ่อด้วยความรู้สึกที่อยากเจออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ผมคิดว่าพ่อคงแปลกใจถ้าฟื้นข้ึนมาแล้วพบว่าตัวเองผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในชีวิตมาได้ ผมอดคิดถึงรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพ่อไม่ไหว อยากให้เขาฟื้นขึ้นมาหัวเราะด้วยกันอีก

 

_______________

 

เชียงใหม่

ปี 2016

 

พ่อหัวเราะ ตอนที่ผมบอกว่าถ้าหายแล้วให้ดูแลตัวเองดีๆ

ปกติพ่อเป็นคนแข็งแรง แต่ไม่รู้คราวนี้ไปกินอะไรเข้าจนเกิดอาหารเป็นพิษขั้นรุนแรงแล้วยังแพ้ยาซ้ำซ้อน ถึงอย่างนั้นก็ยังทนนอนซมที่บ้านอีกเสียหนึ่งวันเต็มก่อนจะยอมมาโรงพยาบาล เพราะคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก

 

แต่สุดท้ายก็ต้องนอนค้างอยู่หลายวัน

โรงพยาบาลที่กำลังปรับปรุงสภาพไม่ค่อยดีนัก วอร์ดคนไข้เต็มจนพยาบาลต้องเพิ่มเตียงเสริม และพ่อก็นั่งอยู่บนเตียงนั้น มีเพียงสายน้ำเกลือติดอยู่ที่แขน

 

หลังจากนอนในโรงพยาบาลมาสักพัก พ่อก็พยายามลุกออกจากเตียง เพราะรู้สึกอึดอัดที่ต้องนอนเฉยๆ แม้รอยจ้ำแดงของอาการแพ้ยังปรากฏอยู่บนผิวสีคล้ำที่ฟ้องถึงพิษตกค้าง และความจำเป็นในการเฝ้าระวังอาการ แต่ทั้งหมดนั้นยังรุนแรงไม่พอสำหรับความรู้สึกของพ่อที่อยากจะกลับบ้าน ดังนั้นเวลาหมอหรือพยาบาลมาตรวจทีไรก็มักต้องเจอกับคำถามซ้ำๆ

“ผมจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ”

 

/

 

ผมนึกถึง 2 ปีที่แล้วตอนพ่อเข้าโรงพยาบาล เพราะอาหารเป็นพิษและแพ้ยา

เขาไม่ชอบอยู่โรงพยาบาล ไม่ชอบได้รับการช่วยเหลือด้วยเหตุผลว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่ชอบให้ใครสงสาร…

 

 

พ่อคงไม่ชอบใจนักถ้ารู้ว่าตอนนี้เขากำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง

เหมือนกับที่ผมไม่ชอบใจนักเมื่อเห็นว่าพ่อยังไม่ฟื้น

 

 


Previous Next

  • Author:
  • เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
  • Illustrator:
  • Rhoda Phu
  • กอง บก. น้องเล็กคนใหม่คนชูใจ แม้เรียนมาด้านออกแบบจิลเวอรี่แต่ก็ยังมีใจรักการออกแบบสิ่งทอ บางวันสอนเสริมศิลปะ บางวันก็ตามหาความฝัน
  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน