EP.44

สิ่งที่ฉันเลือก


จำได้ว่า…

ฉันเริ่มอยากรู้จักพระเจ้าครั้งแรกในตอนที่มีเพื่อนสนิทเป็นคริสเตียน

 

_______________

 

แก๊งเด็กผู้หญิงวัยมัธยมจะมีอะไรสำคัญมากไปกว่าการซุบซิบนินทา มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะพูดคุยถึงความไม่พอใจที่มีต่อคนคนหนึ่งกับอีกคน (หรืออีกหลายคน) ที่สนิท ก่อนจะลงท้ายด้วยการหาเรื่องทะเลาะกัน

 

และฉันผู้เป็นหนึ่งในแก๊งเด็กผู้หญิงทั่วไปก็สังเกตเห็นว่ามีเพื่อนเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมที่บอกไว้ข้างต้น สิ่งนี้เกิดเป็นต้นเหตุของความสงสัยในความแตกต่างที่มองเห็น

 

“ชีวิตเขามีอะไร? อะไรที่ทำให้แตกต่างจากคนอื่น?”

 

ฉันถาม และคำตอบก็มาในรูปแบบของตัวอักษร…

เพื่อนคนนั้นเอาหนังสือ “มานาประจำวัน” มาให้ฉันอ่าน

 

อ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ฉันก็ตัดสินใจบอกกับเขาว่าฉันอยากรู้จักพระเจ้า

 

การตัดสินใจนี้ทำให้ฉันได้ไปโบสถ์ครั้งแรกในอาทิตย์ถัดมา พอมาย้อนคิดดูอีกทีก็พบว่าเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะในวันเดียวกันนั้นเองที่ฉันไปโบสถ์และลองอธิษฐาน ฉันก็ตกลงรับเชื่อในทันที

 

เรื่องราวเหมือนจะง่ายดายและจบลงด้วยดี ซึ่งตัวเองก็เข้าใจอย่างนั้นจนกระทั่งกลับถึงบ้าน บอกพ่อกับแม่อย่างตรงไปตรงมาว่าอยากเป็นคริสเตียน…

 

“รอฉันตายก่อนนะ แล้วค่อยเป็น”

 

คำพูดที่ไม่ได้เตรียมใจฟังมาก่อนทำให้ฉันนิ่งอึ้ง ได้แต่เงียบและนั่งเฉยขณะระเบิดลูกใหญ่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า–แน่นอนว่าผลคืออาทิตย์ต่อๆ มา ฉันก็ไม่ได้ไปโบสถ์อีกเลย

 

_______________

 

เวลาผ่านไปปีกว่าขณะที่หลายอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงไป จากนักเรียนในจังหวัดเล็กๆ กลายเป็นนักศึกษาในเมืองใหญ่ และการอยู่บ้านเป็นครอบครัวกลายเป็นการอยู่หอพักกับรูมเมท หลายอย่างกลายเป็นสิ่งใหม่ ทั้งสถานที่ใหม่ วิถีชีวิตแบบใหม่ และเพื่อนใหม่

 

ไม่นานนัก ความสัมพันธ์กับหนึ่งในเพื่อนใหม่ก็พัฒนากลายเป็นสถานะคบหาดูใจ เรื่อง “บังเอิญ” ที่ฉันมาเข้าใจภายหลังว่ามันเป็น “การตามกลับมา” ของพระเจ้า ก็คือ แฟนคนนี้เป็นคริสเตียน

 

 

ช่วงนั้นเราไปโบสถ์ด้วยกันทุกวันอาทิตย์ ซึ่งการกลับมาโบสถ์อีกครั้งหลังจากที่เคยรับเชื่อและห่างหายนานเป็นปีๆ ทำให้ฉันรู้สึกว่านี่คือการเรียกหาของพระเจ้า–ฉันนึกขอบคุณที่พระองค์ไม่ปล่อยมือลูกคนนี้และตามกลับมาอีกครั้ง

 

เป็นเวลากว่าสองปีที่ฉันได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้นผ่านคำอธิษฐานและประสบการณ์

จนกระทั่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

นั่นคือ… การเลิกรา

 

เมื่อความสัมพันธ์ในสถานะคบหาดูใจจบลงก็ดูจะไม่มีเหตุผลในการติดสอยห้อยตามมาโบสถ์ในวันอาทิตย์อีกต่อไป จุดเปลี่ยนที่ว่านั่นเลยเกิดขึ้นแถวๆ นี้ เพราะมันเป็นการต้องตัดสินใจเลือก เป็นจุดวัดว่าสุดท้ายแล้ว เราจะเลือกเขา หรือเลือกพระเจ้า

 

คลับคล้ายคลับคลาว่ากำลังเจอเหตุการณ์ซ้ำเดิม ครั้งหนึ่งเมื่อถึงจุดที่ต้องเลือก การตัดสินใจของฉันหลังรับเชื่อมาหมาดๆ ในวันเดียวกันคือการเลือกครอบครัวก่อน และวันนี้ฉันก็มาถึงจุดที่ต้องเลือกอีกครั้ง

 

เมื่อความหมายของคำว่า “เลือก” ในที่นี้เกี่ยวโยงกับการให้ความสำคัญ

สิ่งที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ตอนนี้ก็คือ “พระเจ้าสำคัญกับฉันแค่ไหน?”

 

คิดได้อย่างนั้นแล้วคำตอบก็ชัดขึ้นในใจ ฉันเคยเสียใจกับการตัดสินใจครั้งก่อนมาแล้ว และครั้งนี้ฉันก็เลือกที่จะไม่เสียใจอีกครั้ง

 

_______________

 

“จุดที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนคือวันที่ต้องตัดสินใจเลือก

และเราก็ขอบคุณพระเจ้ามากๆ ที่วันนั้นตัดสินใจจะเลือกพระเจ้าก่อน”

 

สุดท้าย การตัดสินใจเลือกที่จะเดินต่อไปกับพระเจ้าก็ไม่เคยทำให้รู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ ฉันยังไปโบสถ์ที่เดิม แม้ว่าจะยังเจอกับแฟนคนนั้นในสถานะที่เปลี่ยนไป แต่ในใจก็ยังมีสันติสุขได้ ทั้งนี้ก็เพราะฉันรู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

และถ้าหากต้องเลือกอีกครั้งก็จะตอบอย่างมั่นใจเลยว่า

“ฉันเลือกพระเจ้า”


#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward


Previous Next

  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน