EP.3

เมื่อรับใช้จนเหนื่อยล้า


ผู้เขียน: Andrea Lucado

ต้นฉบับ: https://relevantmagazine.com/god/practical-faith/when-doing-church-becomes-burden


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฉันรู้สึกหงุดหงิดแถมยังยุ่งสุดๆ เพราะฉันรู้สึกว่ามีแต่เรื่องที่ต้องทำเยอะแยะไปหมดและฉันไม่ได้ชอบแบบนี้ ฉันรู้สึกต้องการพักผ่อนฝ่ายวิญญาณบ้าง

 

คุณเคยเป็นมั้ย ที่พอเห็นว่าตารางนัดหมายของคุณเต็มเอี๊ยดไปทั้งอาทิตย์ แล้วจู่ๆ คุณก็กำลังรู้สึกดำดิ่งทันที มันคือความรู้สึกที่ยื้อไปมาระหว่างภาระหน้าที่รับผิดชอบมากมายกับความรู้สึกอีกด้านที่ไม่อยากจะทำมันเลยสักอย่าง!

 

ฉันก็ไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนเรื่องนี้หรอกนะคะ แต่สมมติฐานของฉันก็คือ คนในโบสถ์มักจะมีแรงฉุดเหล่านี้มากกว่าคนอื่น เพราะปฏิทินชีวิตของคนในโบสถ์มักเต็มแน่นเอี๊ยดอย่างไม่มีเหตุผล


ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งในนั้นที่ช่วยงานที่โบสถ์และก็ทำได้ดีเชียวล่ะ ฉันเริ่มจากการเป็นครูในชั้นเด็กรวี และฉันก็ชอบโบสถ์ ชอบการมีส่วนร่วม ชอบกิจกรรมต่างๆ ชอบคนที่โบสถ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าเพราะฉันรู้ว่ามีไม่กี่คนหรอกที่เติบโตมากับโบสถ์และยังขลุกอยู่กับโบสถ์ได้อย่างฉัน

 

แต่ไม่นานมานี้ฉันเริ่มรู้สึกว่างานรับใช้ที่ฉันร่วมนั้นชักจะมีมากจนกลายเป็นภาระไปซะแล้ว

 

ไม่กี่สัปดาห์มานี้ เวลาของฉันส่วนใหญ่ในปฏิทินหมดไปกับกิจกรรมหรืองานที่โบสถ์ ฉันช่วยกลุ่มอนุชน ฉันเป็นกรรมการวางแผนขยายคริสตจักรแห่งใหม่ และกำลังวางแผนประชุมสำหรับมิชชั่นทริปที่เปรูสำหรับพันธกิจนักเรียนนักศึกษาที่ฉันรับผิดชอบอยู่ งานรับใช้เหล่านี้เป็นงานที่ดีทั้งนั้น แต่พักหลังงานในโบสถ์กลับทำให้ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคริสเตียนที่ดีเลย

 

อันที่จริงฉันรู้สึกยุ่ง เหน็ดเหนื่อย และรู้สึกงานท่วมอยู่ตลอดเวลา

 

จากจุดนั้นเองที่ทำให้ฉันเริ่มสงสัยว่างานรับใช้เหล่านี้เป็นข้อห้ามสำหรับวันสะบาโตรึเปล่านะ ฉันจะเป็นเหมือนพระคริสต์ได้ยังไงถ้ามัวใช้เวลาแทบทั้งวันทั้งคืนที่โบสถ์ อยู่แต่กับคนที่โบสถ์ ฉันจะสำแดงพระคริสต์ต่อผู้อื่นในชุมชนของฉันได้ยังไง?

 

โบสถ์ตกเป็นจำเลยที่ทำให้ชีวิตฉันยุ่งหัวปั่นได้ไหม?

และเพราะโบสถ์ที่ทำให้หัวใจฉันอ่อนแรงลงในการประกาศทุกวันนี้รึเปล่า?

 

ฉันเชื่อจริงจังเลยว่าบางครั้งเราก็ต้องลดภาระงานรับใช้ลงบ้างเพื่อสุขภาพฝ่ายวิญญาณของเรา จะได้ไม่ต้องอารมณ์เสียกับตารางงานอยู่ตลอด จะได้มีเวลาพักมากขึ้น และจะได้อยู่ในโลกมากขึ้นเหมือนกับที่พระเจ้าทรงออกไปมีชีวิตที่กระทบชีวิตกับคนในโลก และเมื่อเราได้พักผ่อน เราก็จะได้ยินเสียงของพระองค์ชัดมากกว่าเดิม

 

ฉันคิดว่าเรารับใช้ได้ดีขึ้นถ้าเราไม่รับใช้มากเกินไป

อย่างไรก็ดี กุญแจสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ ความสมดุล นั่นเอง

 

ฉันยังเชื่อว่าการมารวมตัวกันเป็นชุมชนผู้เชื่อนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับการเติบโตทางความเชื่อ พระคัมภีร์บอกว่าเราไม่ควรละเลยโอกาสที่จะได้ประชุมพบปะกัน (ฮีบรู 10:24-25) แต่ถ้าการมีส่วนในคริสตจักรทำให้ใจคุณรู้สึกขุ่นเคือง ร่างกายเหนื่อยล้า ไม่กระตือรือร้นจนทำไปแบบส่งๆ นั่นแสดงว่าคุณรับใช้หนักเกินตัวคุณไปแล้ว ในกรณีนี้คุณควรต้องกลับมานั่งจัดตารางเวลาให้ตัวเองซะใหม่

 

ถ้าคุณอยากจะเห็นชัดๆ นะคะ ลองเอาปฏิทินหรือตารางงานของตัวเองออกมานั่งดูแบบจริงจังเลยว่าระหว่างสัปดาห์ของคุณหมดไปกับกิจกรรมที่โบสถ์หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการเรียนพระคัมภีร์ งานอนุชน ประชุมกลุ่มย่อย หรือการรับใช้กับกลุ่มวัยเริ่มทำงาน มันง่ายนะที่จะหมกตัวอยู่แต่ที่โบสถ์ และง่ายที่จะบอกตัวเองว่านี่เป็นวิธีที่โอเคแล้วในการใช้ชีวิต แต่การขลุกอยู่ที่โบสถ์ทำให้เราพลาดสองประเด็นสำคัญที่พระคัมภีร์พูดถึง คือ การพัก (มาระโก 2:27) และการใช้เวลากับผู้ไม่เชื่อ (มาระโก 16:15)

 

 

ฉันได้รับสัญญาณเตือนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว เพราะพึ่งรู้สึกตัวว่าฉันกำลังโกรธคริสตจักรของตัวเองที่ทำให้ตัวฉันยุ่งมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกละอายใจที่ตัวเองมัวแต่ใช้เวลาทั้งหมดแต่กับคริสเตียนเท่านั้นและคริสเตียนเหล่านั้นก็เป็นพี่น้องที่โบสถ์ฉันเอง

 

ความจริงก็คือ โบสถ์ไม่ได้บังคับให้ฉันต้องยุ่ง ฉันเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้นด้วยตัวเองและสามารถถอนตัวออกได้ทุกเมื่อ ถ้าความเหนื่อยหน่ายขุ่นเคืองใจเป็นสิ่งที่คุณประสบอยู่ที่โบสถ์ตอนนี้ อาจถึงเวลาที่คุณควรจะเริ่มปฏิเสธหรือวางมือจากความรับผิดชอบบางอย่างที่คุณกำลังมีส่วนอยู่บ้างแล้วล่ะค่ะ

 

ฉันรู้ดีว่าการปฏิเสธหรือวางมืออาจทำให้คุณดูเป็นคนมีปัญหาในวัฒนธรรมเรา แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวคุณเองนั่นแหละที่รู้ดีว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคุณ คุณรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่หัวใจคุณต้องการ ให้พื้นที่ตัวเองได้หายใจบ้างด้วยการลดกิจกรรมที่โบสถ์ลงซึ่งอาจจะดีกว่าสำหรับสุขภาพฝ่ายวิญญาณในระยะยาว ดีกว่ามานั่งเรียนพระคัมภีร์ในคืนวันจันทร์เพียงเพราะทุกคนทำเท่านั้น

 

สำหรับปีที่จะมาถึงนี้ ฉันตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะโฟกัสในการรับใช้ ดังนั้นฉันจะมีส่วนรับใช้ในคริสตจักรจะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ งานขยายคริสตจักรแห่งใหม่ ซึ่งหมายถึงการมีส่วนในกลุ่มย่อยหนี่งกลุ่มและการเป็นอาสาต้อนรับแขกเดือนละครั้ง

 

ฉันจะถอนตัวจากงานอนุชน รวมทั้งกลุ่มชั้นเรียนพระคัมภีร์สำหรับผู้หญิงด้วย และจนกว่าพระเจ้าจะตรัสเป็นแบบอื่น ฉันจะยังไม่เข้าร่วมมิชชั่นทริปในปีหน้า นี่คือสิ่งที่ฉันตัดสินใจที่จะไม่ทำและต้องคอยเตือนตัวเองเวลาที่มีงานอาสาสมัครมาอีกหรือเวลาที่มีอีเมล์เสนอให้เข้าร่วมชั้นเรียนพระคัมภีร์ต่างๆ

 

ฉันรู้ว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณของฉันต้องการอะไร นั่นก็คือ พื้นที่และขอบเขต ยังไงล่ะ
และฉันก็เดาว่าพวกคุณส่วนใหญ่ก็ต้องการเหมือนกัน

 

ฉันมีความฝันหนึ่งซึ่งอาจจะฟังดูไกลความจริงไปหน่อย แต่มันเป็นฝันที่สวยงามมาก ในฝันนั้นฉันปรากฏตัวขึ้นในวันอาทิตย์ที่คริสตจักรและกำลังเปิดอ่านคำประกาศ ในประกาศนั้นแทนที่จะเป็นเรื่องต้องการอาสาสมัครหรือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้แต่กลับเป็นข้อความเรียบง่ายบนกระดาษโล่งๆ เขียนว่าเรียนสมาชิกคริสตจักร สัปดาห์นี้เราไม่มีกิจกรรมอะไร ไปพักผ่อน ใช้เวลากับผู้คน และใช้เวลากับพระเจ้าเถอะ


(ติดตามอ่านซีรี่ส์ Life in Crisis ตอนต่อไปได้
ในวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org หรือ
กดติดตามทางเพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/choojaiproject/)


Previous Next

  • Translator:
  • W. Wanee
  • นักแปลสาวสวยเสียงทอง ผู้ซึ่งอยากรับใช้พระเจ้าด้วยความสามารถด้านภาษาของเธอ งานใดที่ให้เธอรับผิดชอบ ไม่มีพลาดแน่นอน!
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง