“ผมตั้งใจอย่างมากที่จะเลิกช่วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ จนผมท้อและคิดว่าคงไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้ผมเลิกช่วยตัวเองได้! แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมเองก็ทำได้!!”
_______________
การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง (Masturbation) หรือในที่นี้พี่ขอเรียกสั้นๆ ว่า MT น้องๆ หลายคนคงเคยตั้งใจพยายามกันมาแล้วทั้งหญิงชาย ที่จะลดละเลิกการ MT แต่นั่นแหละ เราก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า แล้วเป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยต่อสู้ในเรื่องนี้มาอย่างหนัก แต่วันนี้ใกล้ครบ 1 ปีแล้วที่ไม่ได้ MT เลย แต่ถึงกระนั้นแม้ไม่ได้ทำก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องต่อสู้ ยังต่อสู้อยู่ แต่สู้น้อยลงกว่าแต่ก่อนชนิดที่เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ดังนั้นพี่จึงร่วมมือกับพี่ชูใจ ออกมาเปิดประสบการณ์ กับ 4 เคล็ดไม่ลับในการเลิกช่วยตัวเองยังไงให้สำเร็จ?
1. ตัดตัวกระตุ้น
โดยทั่วไปเราต่างก็รู้กันดีว่าเมื่อเรานำน้ำไปต้มด้วยไฟแรงๆ จนอุณหภูมิถึง 100 องศาเซลเซียส น้ำก็จะเดือด ถ้าพี่ถามว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้น้ำเดิือด? …น้องๆ คงตอบกันอย่างง่ายดายนั่นคือ อุณหภูมิ เมื่อน้ำเจอตัวกระตุ้นน้ำจึงเดือด เช่นเดียวกันเมื่อเราเจอตัวกระตุ้นเราจึง MT
อันดับแรกเราต้อง “รู้จักตัวกระตุ้นของตัวเองก่อน”
สิ่งสำคัญถ้าเราจะเลิก MT เราต้องสังเกตตัวเองว่าตัวกระตุ้นของเรานั้นมีอะไรบ้าง ?
ซึ่งมีวิธีสังเกตง่าย 4 อย่าง คือ
- ก่อนเรา MT เรามักจะอยูในสถานที่ใด?
- ก่อนเรา MT เรามักจะอยู่ในช่วงเวลาไหน?
- ก่อนเรา MT เรามักจะอยู่ในภาวะอารมณ์แบบใด?
- ก่อนเรา MT เรามักจะทำอะไร?
ตัวอย่างเช่น
“วันที่ MT มักจะเป็นวันที่อยู่คนเดียวเงียบๆเล่นคอมในห้องนอนจนดึกซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเกินเที่ยงคืน และถ้าวันนั้นเครียดๆมาด้วยไม่ว่าจะเพราะงาน หรือความสัมพันธ์ก็มักจะจบด้วยการ MT เสมอ ซึ่งก่อนที่จะ MT ก็มักจะเปิดดูหนังโป๊บิ้วก่อน”
เมื่อสังเกตจากตัวอย่างข้างบนเราจะเห็นว่า
-
- ก่อนที่จะ MT มักจะอยู่คนเดียวในห้องนอน
- ก่อนที่จะ MT มักจะเล่นคอมจนดึกซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเกินเที่ยงคืน
- ก่อนที่จะ MT ถ้าวันนั้นมีความเครียดก็มักจะจบด้วยการ MTเสมอ
- ก่อนที่จะ MT มักจะเปิดดูหนังโป๊บิ้วก่อน
ซึ่งตัวกระตุ้นของน้องๆ เองอาจจะคล้ายหรือต่างจากตัวอย่างก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องต้องสังเกตตัวเอง
ต่อมาคือ “ตัดตัวกระตุ้น”
พอรู้ว่าตัวกระตุ้นของเราคืออะไรแล้วก็จัดการตัดมันซะ!!
ต้องบอกก่อนว่าพี่เองมีตัวกระตุ้นคล้ายตัวอย่าง สำหรับพี่ส่วนนี้เป็นส่วนที่ท้าทายมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจัยหลายๆอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้อย่าง 100% เช่น
- พี่ไม่สามารถให้ เพื่อน ,น้อง ,พี่ หรือรูมเมท อยู่ที่ห้องกับเราได้ตลอดเวลา
- ไม่ง่ายที่จะรีบปิดคอมนอนก่อนเที่ยงคืนในทุกๆวัน ด้วยนิสัยนอนดึก และมักทำงานตอนกลางคืน
- บางทีความเครียดไม่ได้เกิดจากตัวเราโดยตรง จึงไม่ง่ายที่จะควบคุมได้ตลอดเวลา และบางครั้งพี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเครียดอยู่
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่เองพอที่จะควบคุมได้นั่นคือ เรื่องสื่อลามก
เพราะไม่ใช่เข้าห้องจู่ๆ พี่ก็เปิดดูหนังโป๊เลย มันเริ่มจากกลับถึงห้องพี่ก็เล่น Facebook เล่น IG ไปตามปกติ แล้วก็ดันมี เพื่อนในเฟสแชร์ เพจ แชร์ภาพ วาบหวิว ขึ้นบน feed หรือแม้แต่ในกรุ๊ป line ที่บางกลุ่มก็ส่งกันมาโต้งๆ แล้วพี่ไปเห็นเข้าจึงนำไปสู่การค้นหา แล้วไปต่อที่เว็บโป๊ และสุดท้ายก็จบที่การ MT เป็นอยู่แบบนี้บ่อยครั้ง
วิธีที่พี่ทำคือ
- ซ่อนโพสที่เพื่อนที่แชร์ วาบหวิบบน feed
- เลิกติดตามเพื่อนที่แชร์ วาบหวิว เพื่อไม่ให้เห็นสิ่งที่เขาโพสหน้า feed
- ไปที่รายงานปัญหา แล้ว บล็อคเพจวาบหวิวนั้นๆซะ เผื่อเพื่อนคนอื่นๆ แชร์เพจนั้นอีกเราก็จะได้ไม่เห็น
- บล็อค หรือ ออกจากกลุ่ม line นั้นๆ ที่ส่งสิ่งกระตุ้น
และที่สำคัญ พี่ตั้งกฏเหล็กไว้ให้กับตัวเองว่า “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามดูหนังโป๊!!”
แม้ว่าช่วงเริ่มต้นพี่ก็ยังมีการ MT อยู่บ้างแต่ยังไง “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามดูหนังโป๊!!”
พอเราเริ่มตัดกระตุ้นหนึ่งได้แล้ว เราก็จะตัดตัวกระตุ้นอื่นๆได้อีก ซึ่งเราจะเริ่มค่อยๆลดการ MT ลงไปเรื่อยๆโดยอัตโนมัติ เพียงเราต้องค่อยๆตัดตัวกระตุ้นไปทีละอย่าง สำคัญอย่างเพิ่งเริ่มตัดทีเดียว 3-4 อย่าง แต่ให้เริ่มต้นตัดทีละอย่าง!
ส่วนตัวมองว่าการตั้งเป้า ลด ละ เลิก การ MT เป็นสิ่งที่ดี
แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเริ่มต้น ไม่ใช่การโฟกัสที่ตัว MT
แต่คือการเอาจริงเอาจังที่จะตัดตัวกระตุ้นต่างหาก
ฉะนั้นเมื่อน้องๆรู้ตัวกระตุ้นของตัวเองแล้วก็จงเริ่มจัดการตัดมันออกซะ เพราะสิ่งสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถเลิกช่วยตัวเองได้สักที ไม่ได้อยู่ที่การรู้ตัวกระตุ้นของตัวเองหรือไม่ แต่อยู่ที่เราไม่ลงมือจัดการกับมันอย่างจริงจังรึเปล่าต่างหาก
*ซึ่งน้องๆสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวกระตุ้นได้ที่ ทำไมเราถึงเลิกช่วยตัวเองไม่ได้สักที? (MT series ep.2)
…
2. เติมภูมิคุ้มกัน
น้องๆเคยได้ยินเรื่องผีร้ายกลับเข้าไปใหม่ไหม? เรื่องมีอยู่ว่า “มีผีร้ายตนหนึ่ง เมื่อมันถูกขับออกจากร่างของคนหนึ่งไป มันได้ร่อนเร่ไปตามที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเพื่อหาที่หยุดพัก แต่ก็หาไม่พบ มันจึงพูดขึ้นว่า ‘กลับไปบ้านเก่า ที่ออกมาดีกว่า’ เมื่อกลับมาถึง มันก็พบว่าบ้านเก่านั้นว่างเปล่าอยู่ เก็บกวาดสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย มันจึงไปชวนผีที่ชั่วร้ายกว่ามันมาอีกเจ็ดตัว เข้ามารวมกันอยู่ที่บ้านหลังนั้น สุดท้ายสภาพของคนๆนั้น ก็เลวร้ายยิ่งกว่าในตอนแรกเสียอีก…”
เมื่อผีร้ายถูกขับออกไป แต่
เมื่อมันกลับมาพบว่าบ้านสะอาดและไม่มีใครดูแลคุ้มกัน มันจึงกลับมาพร้อมพวก และทำให้คนๆนั้นมีสภาพย่ำแย่ลงยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก… เรื่องนี้เป็นตอนหนึ่งในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยสะท้อนให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ทำไมการเติมภูมิคุ้มกันจึงสำคัญอย่างยิ่งในการที่เราจะเลิก MT เช่นเดียวกัน
เมื่อเราตัดตัวกระตุ้นไปแล้ว แต่ไม่เติมภูมิคุ้มกันเข้าไป
เดี๋ยวอีกไม่นานเราก็จะกลับไปทำเหมือนเดิมอีก เผลอๆ ครั้งนี้จะชินชากว่าเดิมด้วยซ้ำไป
ดังนั้นหลังจากเราเริ่มตัดตัวกระตุ้นแล้วเราควรหาภูมิคุ้มกันมาช่วยดูแลบ้านด้วย ภูมิคุ้มกัน ในที่นี้คือ กิจกรรมใดๆที่เป็นการดึงพลังงานที่มีไปในทางที่เป็นประโยชน์
โดยอาจเริ่มจากการหางานอดิเรกทำให้เกิดความเพลิดเพลิน เช่น ทำงานศิลปะ ฝึกเล่นเครื่องดนตรี ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ ไปนวดหน้านวดตัว แต่งห้องใหม่ งานอดิเรกเหล่านี้สามารถสร้างความสุขให้แก่เราได้ แล้วค่อยๆพัฒนาจากงานอดิเรกที่เพลิดเพลินไปเป็น กิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากขึ้น
เช่น อ่านหนังสือ, ศึกษาพระคัมภีร์, สามัคคีธรรมกับกลุ่มระหว่างสัปดาห์ หรือแม้แต่การออกกำลังกาย
ส่วนตัวพี่เองใช้วิธีการออกกำลังกาย โดยการวิ่ง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยใช้วิธีการจับเวลาเพราะจะได้ไม่ต้องเครียดว่าจะต้องวิ่งให้ได้กี่รอบ เพียงวิ่งไปถ้าเหนื่อยก็เดินถึงเวลาก็หยุด โดยส่วนตัวเริ่มจาก 30 นาที แล้วค่อยปรับขึ้นตามความฟิต (แต่ไม่ซีเรียสมาก ถ้าวันไหนวิ่งไม่ได้ตามเป้า)
การออกกำลังกายให้ประโยชน์มากมาย ทั้งให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งช่วยลดความเครียดได้ด้วย เพราะการออกกำลังทำให้เราหยุดนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้เครียดและกังวลไปได้ชั่วขณะหนึ่ง และเมื่อใช้เวลากับการออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ความเครียดของเราค่อยๆ บรรเทาไปในที่สุด เพราะร่างกายจะหลั่งสารที่ชื่อว่า Endorphins (เอ็นดอร์ฟิน) ออกมา ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกฟินสบาย เมื่ิอความเครียดลดลง ก็เท่ากับว่า ปัจจัยในการกลับมา MT ก็ลดลงตามไปด้วย
…
3. เปิดรับกำลังใจ
หากน้องๆเคยมีประสบการณ์ครั้งแรกในการวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร น้องๆคงเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างการวิ่งคนเดียว กับออกไปวิ่งกับผู้คน โดยเฉพาะวิ่งด้วยกันกับคนสนิท มันช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ส่วนตัวพี่เองแม้ว่าตอนนั้นพี่จะปวดขาไปหมดจนแทบก้าวไม่ออกตั้งแต่ 5 กิโลเมตรแรก แต่ก็ยังสามารถวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด …แต่หลังจากนั้นไม่นานพอมาวิ่งคนเดียวในสนามพี่ก็หยุดวิ่งตั้งแต่กิโลเมตรที่ 4
“สองคนก็ดีกว่าคนเดียว …ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น
…แต่น่าสงสารคนที่อยู่คนเดียว เพราะเมื่อเขาล้มลงก็ไม่มีใครพยุงเขาขึ้น!”
(ปัญญาจารย์ 4:9-10 KJV ,TNCV)
นอกจากวิธีการที่ใช้ได้จริง และความตั้งใจที่จริงจังแล้ว อีกส่วนสำคัญที่จะขาดไม่ได้ที่จะช่วยให้เราสามารถหยุด MT ได้ยาวนานขึ้น คือกำลังใจ ที่พี่ใช้คำว่า “ยาวนาน” เพราะว่ามันไม่ง่ายนักที่เราจะ เลิก MT ได้เลยทันทีและไม่กลับมาทำอีกในครั้งแรกๆ แต่เราเริ่มด้วยการพยายามรักษาไม่ให้กลับมา MT อีกให้ได้ยาวนานที่สุดไปเรืือยๆ จนกว่าเราจะสามารถเลิกได้ในที่สุด
กำลังใจสามารถช่วยให้เราวิ่งไกลมาขึ้นได้ฉันใด
กำลังใจก็สามารถช่วยให้เราไม่ MT นานขึ้นได้ฉันนั้น
ดังนั้นแล้วเราควรจะมีใครสักคนหนึ่งที่สามารถแชร์เรื่อง MT ให้ฟังได้ เพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้กันและกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องแชร์จนละเอียดยิบ แค่แชร์ความตั้งใจ และแชร์ให้กันฟังสั้นๆได้ ทั้งเมื่อเราสู้ไหว และเมื่อเราสู้ไม่ไหว เพื่อให้กำลังใจกันและกัน พยุงกันลุกขึ้นสู้ใหม่
ซึ่งไม่ใช่เราจะไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังก็ได้ ดังนั้นเราควรมองหาคนที่จะสามารถรับฟังและให้กำลังใจเราได้ในเรื่องนี้ ซึ่งพี่มีข้อแนะนำอยู่ 4 ข้อ
- คนนั้นต้องเก็บความลับได้ ไม่เป็นคนช่างเมาส์เรื่องชาวบ้าน
- คนนั้นควรเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ด่วนตัดสิน
- คนนั้นควรเป็นคนที่ให้กำลังใจ ไม่ใช่บั่นทอน
- คนนั้นควรเป็นคนที่เรารู้สึกไว้วางใจ
ส่วนตัวพี่มองว่าโดยทั่วไปไม่มีใครสบายใจที่จะเล่าเรื่อง MT ให้อีกคนฟังในครั้งแรก แม้เราจะไว้ใจเขาก็เถอะ พี่เองก็เป็นเหมือนกันมันไม่ง่ายเลยที่จะเล่าเรื่องนี้ให้อีกคนฟัง “พี่เนี่ยกุกๆกักๆ อยู่ตั้งนานกว่าจะเข้าเรื่องได้ แต่หลังจากนั้นมันก็จะง่ายขึ้นและมันคุ้มค่ามากกับกำลังใจที่เราได้รับ”
น้องๆอาจจะลองมองหาคนใกล้ๆตัวก่อน เพื่อนที่สนิท พี่น้องที่โบสถ์ ศิษยาภิบาล พี่เลี้ยงหรือน้องเลี้ยงของเรา หรือแม้แต่คนที่เรากำลังคบหาดูใจอยู่ ที่เราสามารถเปิดใจคุยกับเขา พร้อมรับกำลังใจและผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน
…
4. พึ่งพากำลังจากพระเจ้า
ตลอดระยะเวลาที่พี่เป็นคริสเตียนพี่ต่อสู้เรื่อง MT มาโดยตลอด พี่พยามต่อสู้ด้วยสารพัดวิธี ตั้งใจแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกซะครั้ง จนได้มานั่งคิดไคร่ครวญดีๆ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปแทนที่จะคิดว่าทำยังไง? พี่กลับลองคิดว่าแล้วที่ผ่านมามีปัจจัยใดอีกบ้างที่ทำให้พี่ไม่สามารถผ่านได้สักที?
และน่าแปลกพอมาทบทวนดีๆคำตอบที่พี่ได้คือ
“เราตั้งใจทำเพื่อพระองค์ แต่เรากลับไม่พึ่งกำลังจากพระองค์อย่างจริงจัง”
นั่นหมายความว่าที่ผ่านมา ที่พี่เลิก MT ไม่สำเร็จสักที เพราะที่ผ่านมาพี่พึ่งพาแต่กำลังของตนเอง พี่ไม่ได้บอกว่า เราไม่ควรตั้งใจพยายามควบคุมตนเอง หรือจัดการด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่พี่กำลังจะบอกคือ การที่เราพึ่งพาแต่ตัวเองมากกว่าพึ่งพาพระเจ้าต่างหากล่ะที่ทำให้ล้มเหลว
ดังนั้นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เรามีกำลังสามารถต่อสู้ยืนหยัดในเรื่องนี้ได้คือ การพึ่งพากำลังจากพระเจ้า และพูดคุยกับพระองค์ โดยส่วนตัวแล้วพี่ทำมีวิธีการดังนี้
- เริ่มจากการอธิษฐานเปิดใจกับพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องนี้
- อธิษฐานขอกำลังจากพระองค์ เมื่อมีการต่อสู้ หรือก่อนมีการต่อสู้ (ถ้ารู้ตัวก่อน)
- สารภาพ ,รับการอภัย แล้วเริ่มต้นใหม่เมื่อพลาดพลั้ง *(MT series ep.1)
_______________
เมื่อเราทำทั้ง 4วิธี ต่อเนื่องเรื่อยๆ มันก็จะง่ายในการที่เราจะเลิก MT จนสำเร็จได้
ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวพี่บอกเลยว่าช่วง 21 วันแรกยากที่สุด เราอาจจะวนกลับไปทำอีกหลายครั้ง แต่อย่ายอมแพ้! ให้เราพยายามทำทั้ง 4 วิธีอย่างเต็มที่ แต่ไม่ต้องกดดันตัวเองจนเกินไป เริ่มต้นเพียงพยายามรักษาไม่ให้กลับมา MT ให้ได้นานที่สุด แล้วค่อยๆเพิ่ม เช่นครั้งก่อนไม่ MT ติดต่อกันได้ 3 วัน ครั้งนี้ก็พยายามให้ได้มากขึ้นเป็น 4 หรือ 5 วัน ค่อยๆทำไป จนเราสามารถรักษาได้จนถึง 21 วัน ซึ่ง ‘การกระทำ’ ของเราก็จะเริ่มตกผลึก กลายเป็น ‘นิสัย’
ซึ่งหลังจาก 21 วันสิ่งที่ควรระวังที่สุดคือปัจจัยที่มาจากความเครียด ดังนั้นการออกกำลังกายเพื่อช่วยลดความเครียดจึงจำเป็น และเมื่อเราไม่ได้ MT ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ มันก็ยิ่งง่ายขึ้นเรื่อยๆ ที่เราจะเลิก MT ได้สำเร็จ
พี่เองก็ผ่านการต่อสู้เรื่อง MT มาไม่ได้ต่างจากน้องๆ เราไม่ได้เผชิญเรื่องนี้คนเดียว มีอีกหลายคนที่ผ่านเรื่องนี้มาแล้ว พี่เองเป็นอีกหนึ่งกำลังใจตัวเป็นๆ ไม่ว่าน้องจะเป็นใคร ต่อสู้ และพลาดพลั้งกับเรื่องนี้มามากแค่ไหน พี่อยากชูใจน้องๆ ว่า เราจะสามารถผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันได้ 🙂
“ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์
พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้
และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย
เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้”
(1 โครินธ์ 10:13 THSV11)
สรุป
- 4 วิธี ในการเลิกช่วยตัวเองยังไงให้สำเร็จ
- ตัดตัวกระตุ้น
- เติมภูมิคุ้มกัน
- เปิดรับกำลังใจ
- พึ่งพากำลังจากพระเจ้า
- โดยทำตาม 4 วิธีนี้ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงแรกๆเราอาจจะวนกลับไปทำอีก แต่อย่ายอมแพ้!
- เริ่มต้นโดยพยายามรักษาไม่ให้กลับมา MT ให้ได้นานที่สุด
- เมื่อสามารถรักษาการไม่ MT จนถึง 21 วัน ‘การกระทำ’ ของเราก็จะเริ่มตกผลึก กลายเป็น ‘นิสัย’
- เมื่อเราไม่ได้ MT ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ มันก็ยิ่งง่ายขึ้นเรื่อยๆ ที่เราจะเลิก MT ได้สำเร็จ
(ติดตาม MT Series ตอนอื่นๆ ที่ผ่านมา
ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org
หรือ กดติดตามทางเพจเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/choojaiproject/ )
Related Posts
- Author:
- ชายหนุ่มวัยปลายยี่สิบ ผู้ผันตัวจากการเป็นกราฟิกมือทอง มาทำงานรับใช้สายผู้ให้คำปรึกษา ต้องการจะชูใจผู้อื่นด้วยการทำให้น้องๆ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม!!!
- Illustrator:
- บริพัตร เชียงฝาง
- อ้นอ้น ชายหนุ่มพูดน้อยผู้มีพลังจินตนาการเกินตัว จึงส่งพลังงานออกมาเป็นเหล่าตัวคาแรกเตอร์จากต่างดาว มาร่วมเป็นกำลังใจ และติดตามผลงานเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว เก็บตังค์แต่งงานได้ในเพจชื่อ Water Rocket and The Adventures With Bible Time (จรวดขวดน้ำกับการผจญภัยในห้วงเวลาพระคัมภีร์)
- Editor:
- Perapat T.
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)