EP.12

Homestay : เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม [ชูโรง]


ชื่อเรื่อง : Homestay (2018)

ประเภท : Drama / Triller / Fantasy


 

 

“วรรณกรรมอารมณ์สดใส เพื่อการมองโลกอย่างรื่นรมย์”

 

นี่เป็นข้อความที่ปรากฏบนปกหนังสือสีฟ้าสว่างสะดุดตาในชั้นหนังสือเต็มแน่น ตัวหนังสือไทยลักษณะมาตรฐานพิมพ์อยู่ด้านบนของชื่อเรื่อง “เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม” หนังสือเก่าจากความทรงจำวัยเด็กที่ตอนนี้กลายเป็นเค้าโครงของภาพยนตร์ดังทำให้ผู้เขียนบทความหยิบย้อนมาเปิดอ่านอีกครั้งหลังจากดูจนจบ และฉวยโอกาสยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวถึง “ในมุมมองตามพระคัมภีร์” ในประเด็นที่ผู้เขียนสนใจ

 

หวังว่าผู้อ่านจะเพลินเพลินกับบทความขนาด 5 นาทีนี้นะคะ

 

*บทความนี้เป็นการวิเคราะห์หลังชมภาพยนตร์ จึงมีการเปิดเผยเนื้อหาของเรื่องเกือบทั้งหมด
ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทราบรายละเอียดของเรื่อง

 

_______________

 

เรื่องย่อ:

ชายลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม บอกกับวิญญาณเร่ร่อนตนหนึ่งว่า เขาจะได้รางวัลในการกลับมาใช้ชีวิตบนโลกอีกครั้งในร่างของเด็ก ม.ปลายที่ชื่อ มิน โดยมีข้อแม้คือเขาจะต้องหาคำตอบในได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบถูกจะได้ใช้ชีวิตต่อ แต่ถ้าตอบไม่ได้จะต้องออกจากร่างนี้ และเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ได้ผุดได้เกิดไปตลอดกาล

 

 

_______________

 

ชีวิตคือรางวัล

 

“เมื่อสวรรค์ให้ร่างใหม่เป็นรางวัล ความมหัศจรรย์จึงเกิดขึ้น”

 

ประโยคข้างต้นคือคำโปรยบนโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่สื่อถึงคอนเซปต์หลักของเรื่องอย่างตรงไปตรงมาด้วยการบอกว่า “ร่าง” เป็น “รางวัล”

 

รางวัลของ มิน ตัวละครหลักในเรื่องคือ โอกาสในการกลับมาใช้ชีวิตบนโลกอีกครั้ง โดยประกอบรวมทั้งวิญญาณและร่างกายเข้าด้วยกัน ซึ่งในโอกาสนั้นเขาก็ได้รับอีกโอกาสหนึ่ง นั่นคือการกลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพื่อเปลี่ยนแปลงมุมมองที่จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเขาเอง

 

นับว่าภาคภาพยนตร์ตอบโจทย์ได้ค่อนข้างตรงตามตามจุดประสงค์ของแก่นเรื่องที่มุ่งหวังให้เห็นถึงคุณค่าและปรับเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตบนโลกที่โหดร้ายด้วยทัศนคติเชิงบวก เช่นเดียวกันกับปกหนังสือต้นฉบับที่เขียนว่า “เพื่อการมองโลกอย่างรื่นรมย์”

 

ในส่วนของพระคัมภีร์:

 

  1. ชีวิตของมนุษย์ก็เป็นรางวัลเช่นเดียวกัน เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์ วิญญาณที่ประกอบเข้ากับร่างกาย ซึ่งเรียกกันว่า “ชีวิต” จึงเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้

 

“พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีจากพื้นดิน

ระบายลมปราณเข้าทางจมูกของเขา มนุษย์จึงกลายเป็นผู้มีชีวิตอยู่”

(ปฐมกาล 2:7)

 

  1. หากเปรียบว่าชีวิตคือรางวัล เช่นนั้นรางวัลบนโลกก็ย่อมมีวันร่วงโรย แต่รางวัลในแผ่นดินสวรรค์นั้นจะไม่ร่วงโรยและถาวรนิรันดร์ เพราะผู้มอบคือพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์

 

“ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน

แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้

ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน

พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย”

(1โครินธ์ 9:24-25)

 

_______________

 

ว่าด้วยความเชื่อกับชีวิตหลังความตาย

 

ประเด็นของการได้รางวัลทั้งในภาพยนตร์และหนังสือคือการที่วิญญาณเร่ร่อนได้กลับมาใช้ชีวิตในร่างใหม่อีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าตอบคำถามไม่ได้จะไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย

 

 

ด้วยความที่ต้นฉบับดั้งเดิมเป็นหนังสือญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่จะสะท้อนถึงรูปแบบความเชื่อของชนชาติญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลหลักมาจากลัทธิชินโตที่เน้นให้ความสำคัญเรื่องเทพเจ้าและดวงวิญญาณ ผสมผสานเข้ากับศาสนาพุทธนิกายสุขาวดีและเซนที่ให้ความสำคัญเรื่องจิตวิญญาณและชีวิตหลังความตาย ซึ่งเชื่อกันว่าวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่มีวันดับสูญ และสามารถแปรสภาพไปอยู่ในรูปแบบต่างๆ ของวัตถุสสาร จึงทำให้วิญญาณมนุษย์สามารถกลับไปเกิดในร่างใหม่ ทั้งนี้การจะเกิดใหม่ช้าเร็ว หรือเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทใดก็ขึ้นอยู่กับผลของกรรมดีและชั่ว

 

ทฤษฎีนี้ค่อนข้างคล้ายกับความเชื่อของชาวไทยที่มีชาตินี้ชาติหน้า เมื่อปรับเป็นภาพยนตร์ไทยจึงทำให้เกิดความรู้สึกและอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก แต่แนวคิดความเชื่อแบบคริสเตียนนั้นต่างออกไป

 

ในส่วนของพระคัมภีร์:

 

  1. เราจะตายแค่ครั้งเดียวไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดซ้ำอีก

 

“มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว

และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา”

(ฮีบรู 9:27)

 

  1. พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตายจึงอาจเชื่อได้ว่าเราก็จะฟื้นขึ้นด้วยเช่นกัน

 

“ถ้าเราประกาศว่าพระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว

ทำไมบางคนในพวกท่านจึงพูดว่าการเป็นขึ้นจากความตายไม่มี?

ถ้าการเป็นขึ้นมาจากความตายไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา”

(1โครินธ์15:12-13)

 

  1. เราสามารถฟื้นขึ้นและมีชีวิตนิรันดร์เป็นรางวัลได้โดยผ่านทางพระเยซูคริสต์

 

“คนที่วางใจในพระบุตรก็มีชีวิตนิรันดร์

คนที่ไม่เชื่อฟังพระบุตรก็จะไม่ได้เห็นชีวิต แต่พระพิโรธของพระเจ้าตกอยู่กับเขา”

(ยอห์น3:36)

 

“และบัดนี้ทรงสำแดงให้ประจักษ์

โดยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา

ผู้ทรงทำลายความตายให้สูญสิ้น

และทรงทำให้ชีวิตและสภาพอมตะปรากฏชัดโดยทางข่าวประเสริฐ”

(2ทิโมธี1:10)

 

_______________

 

ร่างชั่วคราว?

 

ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นและชาวไทยที่กล่าวไว้ในประเด็นเรื่องชีวิตหลังความตายว่า วิญญาณไม่มีวันดับสูญ และสามารถแปรสภาพไปอยู่ในร่างใหม่ได้ ดังนั้นร่างกายมนุษย์จึงเป็นสิ่งชั่วคราวที่มีวิญญาณมาอาศัยอยู่เท่านั้น

 

ร่างกายของมินเป็นร่างชั่วคราวที่วิญญาณเร่ร่อนจะมาอาศัยอยู่จนกว่าจะครบ 100 วัน ซึ่งจะเป็นวันตัดสินว่าจะได้อยู่ในร่างนี้ต่อหรือต้องออกจากร่างชั่วคราวกลับเป็นวิญญาณที่ไม่มีโอกาสได้เกิดในร่างไหนอีก ขณะเดียวกันตัวภาพยนตร์ก็บอกผ่านผู้คุมว่า ไม่ว่าจะได้อยู่หรือต้องไปร่างกายนี้ก็เป็นโฮมสเตย์ที่ไม่สามารถอาศัยได้อย่างถาวรอยู่ดี

 

 

ในส่วนของพระคัมภีร์:

 

  1. ร่างกายเปรียบได้กับเต๊นท์ที่จะถูกทำลายไปสักวันหนึ่ง แต่เราจะมีที่พักอาศัยถาวรในแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้

 

“เพราะเรารู้ว่าถ้าเรือนกายบนโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ถูกทำลายไป

เราก็ยังมีที่อาศัยซึ่งมาจากพระเจ้า

ที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์ และอยู่อย่างถาวรนิรันดร์ในสวรรค์”

(2โครินธ์ 5:1)

 

  1. แม้จะอยู่ในโลกก็อย่าเป็นส่วนหนึ่งของโลก จำไว้ว่าเราเป็นเพียงคนต่างถิ่นที่มาอาศัยเพียงชั่วคราว และโลกนี้ไม่ใช่บ้านเมืองของเรา

 

“ข้าพระองค์มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่พวกเขาแล้ว และโลกนี้เกลียดชังเขา

เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก”

(ยอห์น17:14)

 

“พวกเขายอมรับว่าเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก

เพราะคนที่พูดอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า

พวกเขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของตนเอง”

(ฮีบรู11:13-14)

 

  1. “ตัวกูไม่ใช่ของกู” เพราะพระเจ้าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของร่างกายเรา ซึ่งเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่ผู้หยิบยืมจะต้องรักษาร่างที่พระเจ้าให้ด้วยการดูแลและใช้งานอย่างถวายเกียรติ

 

“ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่าน

เป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน

ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง?

เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง

ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด”

(1โครินธ์ 6:19-20)

 

_______________

 

การฆ่าตัวตายเป็นบาป

 

“บาปร้ายแรงที่ทำในชาติที่แล้วคืออะไร?” เป็นคำถามที่ มาโคโตะ ตัวละครหลักในหนังสือต้องตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ขณะที่คำถามของ มิน ตัวละครหลักในภาพยนตร์คือ “มินตายเพราะใคร?”

 

จากคำถามในหนังสือ ตามความเชื่อของหลายศาสนา การฆ่าตัวตายเป็นบาปร้ายแรงด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป และด้วยความที่อัตราการฆ่าตัวตายในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างสูง ผู้เขียนจึงอาจหยิบยกเรื่องศีลธรรมความเชื่อมากล่าวถึงในสังคมปัจจุบันที่ดูเหมือนจะลืมไปว่าสิ่งนี้คือเรื่องผิดบาป

 

ส่วนคำถามจากภาพยนตร์ค่อนข้างคลุมเครือและไม่ชัดเจน เพราะหากถามด้วยสาเหตุจริงๆ คือตัวละครเกือบทุกตัวในเรื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ มิน ฆ่าตัวตาย แม้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจลงมือคือตัวเขาก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคนรอบข้างล้วนมีผลต่อการตัดสินใจนั้น ซึ่งตัวคำถามนี้อาจทำให้ประเด็นที่ภาพยนตร์ต้องการจะสื่อถึงข้อคิดเรื่องคุณค่าชีวิตและการปรับเปลี่ยนมุมมองด้วยทัศนคติเชิงบวกผิดเพี้ยนไปเป็นการโทษตัวเองได้

 

อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นภาคหนังสือหรือภาพยนตร์ หาก มาโคโตะ และ มิน ไม่ได้สูญเสียความทรงจำ ก็คงเป็นการยากที่จะทำให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมได้ เนื่องด้วยการเลี้ยงดูจากครอบครัว บุคลิกลักษณะอันก่อร่างเป็นตัวตน และบาดแผลจากความเจ็บปวดที่ได้รับนั้น ล้วนมีผลต่อมุมมองในการใช้ชีวิตทั้งสิ้น

 

 

ในส่วนของพระคัมภีร์:

 

  1. พระคัมภีร์บอกไว้ชัดเจนในพระบัญญัติว่าการฆาตรกรรมเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะทุกชีวิตมาจากพระเจ้า จึงเป็นที่แน่นอนว่าการฆ่าตัวตายก็นับเป็นการฆาตกรรมเช่นกัน

 

“อย่าทำการฆาตกรรม”

(อพยพ 20:13)

 

  1. เรายินยอมในการตายได้แต่ต้องเป็นการตายต่อความบาปเท่านั้น เพื่อมีชีวิตติดสนิทกับพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ซึ่งก็คือการประหารความต้องการฝ่ายเนื้อหนังหรือไม่ใช่ประหารเลือดเนื้อหรือชีวิตของเรา

 

“เรารู้แล้วว่า คนเก่าของเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว

เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป

เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป

แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย”

(โรม6:6-8)

 

 

สุดท้ายนี้พึงระลึกเสมอว่าชีวิตของเรามีคุณค่าในสายตาพระเจ้า เพราะเราเป็นฝีพระหัตถ์ที่พระองค์รักและเอาใจใส่ อีกทั้งยังยอมสละพระบุตรองค์เดียวเพื่อไถ่ชีวิตเรา

 

“ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น

เพราะฉะนั้นอย่ากลัวเลย พวกท่านก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว”

(มัทธิว10:30-31)


ติดตาม ชูโรง จากคอลัมน์ Featured กับการถอดหนังสไตล์คริสเตียน ได้ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org


Previous Next

  • Author:
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)