ชื่อเรื่อง : Homestay (2018)
ประเภท : Drama / Triller / Fantasy
“วรรณกรรมอารมณ์สดใส เพื่อการมองโลกอย่างรื่นรมย์”
นี่เป็นข้อความที่ปรากฏบนปกหนังสือสีฟ้าสว่างสะดุดตาในชั้นหนังสือเต็มแน่น ตัวหนังสือไทยลักษณะมาตรฐานพิมพ์อยู่ด้านบนของชื่อเรื่อง “เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม” หนังสือเก่าจากความทรงจำวัยเด็กที่ตอนนี้กลายเป็นเค้าโครงของภาพยนตร์ดังทำให้ผู้เขียนบทความหยิบย้อนมาเปิดอ่านอีกครั้งหลังจากดูจนจบ และฉวยโอกาสยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวถึง “ในมุมมองตามพระคัมภีร์” ในประเด็นที่ผู้เขียนสนใจ
หวังว่าผู้อ่านจะเพลินเพลินกับบทความขนาด 5 นาทีนี้นะคะ
*บทความนี้เป็นการวิเคราะห์หลังชมภาพยนตร์ จึงมีการเปิดเผยเนื้อหาของเรื่องเกือบทั้งหมด
ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทราบรายละเอียดของเรื่อง
_______________
เรื่องย่อ:
ชายลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม บอกกับวิญญาณเร่ร่อนตนหนึ่งว่า เขาจะได้รางวัลในการกลับมาใช้ชีวิตบนโลกอีกครั้งในร่างของเด็ก ม.ปลายที่ชื่อ มิน โดยมีข้อแม้คือเขาจะต้องหาคำตอบในได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบถูกจะได้ใช้ชีวิตต่อ แต่ถ้าตอบไม่ได้จะต้องออกจากร่างนี้ และเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ได้ผุดได้เกิดไปตลอดกาล
_______________
ชีวิตคือรางวัล
“เมื่อสวรรค์ให้ร่างใหม่เป็นรางวัล ความมหัศจรรย์จึงเกิดขึ้น”
ประโยคข้างต้นคือคำโปรยบนโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่สื่อถึงคอนเซปต์หลักของเรื่องอย่างตรงไปตรงมาด้วยการบอกว่า “ร่าง” เป็น “รางวัล”
รางวัลของ มิน ตัวละครหลักในเรื่องคือ โอกาสในการกลับมาใช้ชีวิตบนโลกอีกครั้ง โดยประกอบรวมทั้งวิญญาณและร่างกายเข้าด้วยกัน ซึ่งในโอกาสนั้นเขาก็ได้รับอีกโอกาสหนึ่ง นั่นคือการกลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพื่อเปลี่ยนแปลงมุมมองที่จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเขาเอง
นับว่าภาคภาพยนตร์ตอบโจทย์ได้ค่อนข้างตรงตามตามจุดประสงค์ของแก่นเรื่องที่มุ่งหวังให้เห็นถึงคุณค่าและปรับเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตบนโลกที่โหดร้ายด้วยทัศนคติเชิงบวก เช่นเดียวกันกับปกหนังสือต้นฉบับที่เขียนว่า “เพื่อการมองโลกอย่างรื่นรมย์”
ในส่วนของพระคัมภีร์:
- ชีวิตของมนุษย์ก็เป็นรางวัลเช่นเดียวกัน เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์ วิญญาณที่ประกอบเข้ากับร่างกาย ซึ่งเรียกกันว่า “ชีวิต” จึงเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้
“พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีจากพื้นดิน
ระบายลมปราณเข้าทางจมูกของเขา มนุษย์จึงกลายเป็นผู้มีชีวิตอยู่”
(ปฐมกาล 2:7)
- หากเปรียบว่าชีวิตคือรางวัล เช่นนั้นรางวัลบนโลกก็ย่อมมีวันร่วงโรย แต่รางวัลในแผ่นดินสวรรค์นั้นจะไม่ร่วงโรยและถาวรนิรันดร์ เพราะผู้มอบคือพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์
“ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน
แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้
ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน
พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย”
(1โครินธ์ 9:24-25)
_______________
ว่าด้วยความเชื่อกับชีวิตหลังความตาย
ประเด็นของการได้รางวัลทั้งในภาพยนตร์และหนังสือคือการที่วิญญาณเร่ร่อนได้กลับมาใช้ชีวิตในร่างใหม่อีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าตอบคำถามไม่ได้จะไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย
ด้วยความที่ต้นฉบับดั้งเดิมเป็นหนังสือญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่จะสะท้อนถึงรูปแบบความเชื่อของชนชาติญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลหลักมาจากลัทธิชินโตที่เน้นให้ความสำคัญเรื่องเทพเจ้าและดวงวิญญาณ ผสมผสานเข้ากับศาสนาพุทธนิกายสุขาวดีและเซนที่ให้ความสำคัญเรื่องจิตวิญญาณและชีวิตหลังความตาย ซึ่งเชื่อกันว่าวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่มีวันดับสูญ และสามารถแปรสภาพไปอยู่ในรูปแบบต่างๆ ของวัตถุสสาร จึงทำให้วิญญาณมนุษย์สามารถกลับไปเกิดในร่างใหม่ ทั้งนี้การจะเกิดใหม่ช้าเร็ว หรือเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทใดก็ขึ้นอยู่กับผลของกรรมดีและชั่ว
ทฤษฎีนี้ค่อนข้างคล้ายกับความเชื่อของชาวไทยที่มีชาตินี้ชาติหน้า เมื่อปรับเป็นภาพยนตร์ไทยจึงทำให้เกิดความรู้สึกและอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก แต่แนวคิดความเชื่อแบบคริสเตียนนั้นต่างออกไป
ในส่วนของพระคัมภีร์:
- เราจะตายแค่ครั้งเดียวไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดซ้ำอีก
“มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว
และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา”
(ฮีบรู 9:27)
- พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตายจึงอาจเชื่อได้ว่าเราก็จะฟื้นขึ้นด้วยเช่นกัน
“ถ้าเราประกาศว่าพระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
ทำไมบางคนในพวกท่านจึงพูดว่าการเป็นขึ้นจากความตายไม่มี?
ถ้าการเป็นขึ้นมาจากความตายไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา”
(1โครินธ์15:12-13)
- เราสามารถฟื้นขึ้นและมีชีวิตนิรันดร์เป็นรางวัลได้โดยผ่านทางพระเยซูคริสต์
“คนที่วางใจในพระบุตรก็มีชีวิตนิรันดร์
คนที่ไม่เชื่อฟังพระบุตรก็จะไม่ได้เห็นชีวิต แต่พระพิโรธของพระเจ้าตกอยู่กับเขา”
(ยอห์น3:36)
“และบัดนี้ทรงสำแดงให้ประจักษ์
โดยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา
ผู้ทรงทำลายความตายให้สูญสิ้น
และทรงทำให้ชีวิตและสภาพอมตะปรากฏชัดโดยทางข่าวประเสริฐ”
(2ทิโมธี1:10)
_______________
ร่างชั่วคราว?
ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นและชาวไทยที่กล่าวไว้ในประเด็นเรื่องชีวิตหลังความตายว่า วิญญาณไม่มีวันดับสูญ และสามารถแปรสภาพไปอยู่ในร่างใหม่ได้ ดังนั้นร่างกายมนุษย์จึงเป็นสิ่งชั่วคราวที่มีวิญญาณมาอาศัยอยู่เท่านั้น
ร่างกายของมินเป็นร่างชั่วคราวที่วิญญาณเร่ร่อนจะมาอาศัยอยู่จนกว่าจะครบ 100 วัน ซึ่งจะเป็นวันตัดสินว่าจะได้อยู่ในร่างนี้ต่อหรือต้องออกจากร่างชั่วคราวกลับเป็นวิญญาณที่ไม่มีโอกาสได้เกิดในร่างไหนอีก ขณะเดียวกันตัวภาพยนตร์ก็บอกผ่านผู้คุมว่า ไม่ว่าจะได้อยู่หรือต้องไปร่างกายนี้ก็เป็นโฮมสเตย์ที่ไม่สามารถอาศัยได้อย่างถาวรอยู่ดี
ในส่วนของพระคัมภีร์:
- ร่างกายเปรียบได้กับเต๊นท์ที่จะถูกทำลายไปสักวันหนึ่ง แต่เราจะมีที่พักอาศัยถาวรในแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้
“เพราะเรารู้ว่าถ้าเรือนกายบนโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ถูกทำลายไป
เราก็ยังมีที่อาศัยซึ่งมาจากพระเจ้า
ที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์ และอยู่อย่างถาวรนิรันดร์ในสวรรค์”
(2โครินธ์ 5:1)
- แม้จะอยู่ในโลกก็อย่าเป็นส่วนหนึ่งของโลก จำไว้ว่าเราเป็นเพียงคนต่างถิ่นที่มาอาศัยเพียงชั่วคราว และโลกนี้ไม่ใช่บ้านเมืองของเรา
“ข้าพระองค์มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่พวกเขาแล้ว และโลกนี้เกลียดชังเขา
เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก”
(ยอห์น17:14)
“พวกเขายอมรับว่าเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก
เพราะคนที่พูดอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า
พวกเขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของตนเอง”
(ฮีบรู11:13-14)
- “ตัวกูไม่ใช่ของกู” เพราะพระเจ้าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของร่างกายเรา ซึ่งเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่ผู้หยิบยืมจะต้องรักษาร่างที่พระเจ้าให้ด้วยการดูแลและใช้งานอย่างถวายเกียรติ
“ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่าน
เป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน
ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง?
เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง
ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด”
(1โครินธ์ 6:19-20)
_______________
การฆ่าตัวตายเป็นบาป
“บาปร้ายแรงที่ทำในชาติที่แล้วคืออะไร?” เป็นคำถามที่ มาโคโตะ ตัวละครหลักในหนังสือต้องตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ขณะที่คำถามของ มิน ตัวละครหลักในภาพยนตร์คือ “มินตายเพราะใคร?”
จากคำถามในหนังสือ ตามความเชื่อของหลายศาสนา การฆ่าตัวตายเป็นบาปร้ายแรงด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป และด้วยความที่อัตราการฆ่าตัวตายในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างสูง ผู้เขียนจึงอาจหยิบยกเรื่องศีลธรรมความเชื่อมากล่าวถึงในสังคมปัจจุบันที่ดูเหมือนจะลืมไปว่าสิ่งนี้คือเรื่องผิดบาป
ส่วนคำถามจากภาพยนตร์ค่อนข้างคลุมเครือและไม่ชัดเจน เพราะหากถามด้วยสาเหตุจริงๆ คือตัวละครเกือบทุกตัวในเรื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ มิน ฆ่าตัวตาย แม้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจลงมือคือตัวเขาก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคนรอบข้างล้วนมีผลต่อการตัดสินใจนั้น ซึ่งตัวคำถามนี้อาจทำให้ประเด็นที่ภาพยนตร์ต้องการจะสื่อถึงข้อคิดเรื่องคุณค่าชีวิตและการปรับเปลี่ยนมุมมองด้วยทัศนคติเชิงบวกผิดเพี้ยนไปเป็นการโทษตัวเองได้
อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นภาคหนังสือหรือภาพยนตร์ หาก มาโคโตะ และ มิน ไม่ได้สูญเสียความทรงจำ ก็คงเป็นการยากที่จะทำให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมได้ เนื่องด้วยการเลี้ยงดูจากครอบครัว บุคลิกลักษณะอันก่อร่างเป็นตัวตน และบาดแผลจากความเจ็บปวดที่ได้รับนั้น ล้วนมีผลต่อมุมมองในการใช้ชีวิตทั้งสิ้น
ในส่วนของพระคัมภีร์:
- พระคัมภีร์บอกไว้ชัดเจนในพระบัญญัติว่าการฆาตรกรรมเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะทุกชีวิตมาจากพระเจ้า จึงเป็นที่แน่นอนว่าการฆ่าตัวตายก็นับเป็นการฆาตกรรมเช่นกัน
“อย่าทำการฆาตกรรม”
(อพยพ 20:13)
- เรายินยอมในการตายได้แต่ต้องเป็นการตายต่อความบาปเท่านั้น เพื่อมีชีวิตติดสนิทกับพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ซึ่งก็คือการประหารความต้องการฝ่ายเนื้อหนังหรือไม่ใช่ประหารเลือดเนื้อหรือชีวิตของเรา
“เรารู้แล้วว่า คนเก่าของเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว
เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป
เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป
แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย”
(โรม6:6-8)
สุดท้ายนี้พึงระลึกเสมอว่าชีวิตของเรามีคุณค่าในสายตาพระเจ้า เพราะเราเป็นฝีพระหัตถ์ที่พระองค์รักและเอาใจใส่ อีกทั้งยังยอมสละพระบุตรองค์เดียวเพื่อไถ่ชีวิตเรา
“ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น
เพราะฉะนั้นอย่ากลัวเลย พวกท่านก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว”
(มัทธิว10:30-31)
ติดตาม ชูโรง จากคอลัมน์ Featured กับการถอดหนังสไตล์คริสเตียน ได้ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org
Related Posts
- Author:
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Perapat T.
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)