“We don’t choose who we fall for.”
“เราเลือกคนที่เราจะตกหลุมรักไม่ได้”
– (ซีรีส์ 13 reasons why)
หลายคนอ้างเหตุผลนี้ในการเลือกหลงรักคนที่ไม่ได้อยู่ในทางของพระเจ้า แหม่… พี่ขา… เรื่องหัวใจใครจะไปห้ามได้! #จะไปทางไหนดี พระคัมภีร์มีคำตอบเช่นเคยจ้า!
ม่ะ! พลิกดูกันซะหน่อยก่อนที่ฝุ่นจะจับพระคัมภีร์ไปมากกว่านี้ เปิดไปที่…ผู้วินิจฉัย บทที่ 14 ก็จะพบเรื่องราวที่หลายคนคงจะคุ้นๆ ของแซมสันกับเดลิลาห์ ที่แสนจะโด่งดังจนทำเป็นหนังฮอลลีวู้ดมาแล้ว เรื่องของหนุ่มกล้ามโตแต่โอ้โหใจอ่อนแอ แพ้ทางให้กับสาวงามตัลหลอด เรามาดูกันดีกว่าว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง
ก่อนอื่นแซมสันเป็นคนที่เรียกว่า พระเจ้าเลือกไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิดจากท้องแม่เลยทีเดียว เขาเป็น “นาศีร์” แปลว่า คนที่ถูกแยกไว้เพื่อพระเจ้า (อ่านดีๆ ไม่ใช่ “นาคี” นะจ๊ะ) ที่มีการเจิมด้านพละกำลังเป็นพิเศษ แต่แทนที่จะเห็นค่าของการเจิม แซมสันกลับทะนงตนไปกับพละกำลังมหาศาลของตัว แถมยังเป็นคนเอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์ ขี้โมโห และเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เบา ครั้งแรกฮีไปหลงรักสาวชาวทิมนาห์ซึ่งพ่อกะแม่ก็ทักท้วงแต่แรกแล้วว่า จะดีเร้อ? แต่แซมสันตอบพ่อว่า “ไปขอนางให้ลูกที เพราะนางต้องตาต้องใจลูกมาก” คือบั่บ #she’stheone มาก อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่พระเจ้าใช้ให้อิสราเอลมีโอกาสทำลายพวกฟิลิสเตีย และถ้าแซมสันไม่โลภอยากถอนทุนคืนที่ตัวเองลงทุนจัดงานเลี้ยงไปเจ็ดวันเจ็ดคืน เรื่องก็คงจบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแล้ว แต่ก็มีเหตุวิวาห์ล่มเพราะแซมสันดันแอบไปเฉลยปริศนาให้เจ้าสาว ซึ่งเจ้าสาวก็เอาเฉลยไปแอบบอกชาวเมือง ทำให้แซมสันแพ้คำท้า โมโหปึงปังกลับบ้านไป ว่าที่พ่อตาเลยแก้สถานการณ์ด้วยการยกเจ้าสาวให้แต่งกับคนอื่นให้รู้แล้วรู้รอดไป #ให้มันได้อย่างงี้สิ แซมสันเลยอาละวาดใหญ่โตตามประสาคนขี้โมโห สรุปจบตรงที่ทำให้เจ้าสาวและพ่อตาถึงกับต้องถูกเผาตาย แซมสันก็ต้องหนีไปหลังจากกลับมาฆ่าล้างแค้นอีกรอบ อ่านถึงตรงนี้แล้ว #ถอนใจแรงเลยทีเดียว (ผู้วินิจฉัย 14-15:8)
หลังจากที่เจ้าสาวตายไป แซมสันก็หันไปพักใจด้วยการไปมีความสัมพันธ์ #onenightstand กับโสเภณี เคยมั้ยคะที่อกหักแล้วประชดรักด้วยการทำอะไรไม่ฉลาดแบบนี้ คือเข้าใจนะว่าผิดหวัง คือแทนที่ฮีจะเข็ดแล้วกลับไปปรึกษาพ่อแม่ (เค้าก็ทักแล้วแต่ดั๊นไม่ฟัง) กลับไปจับเข่าคุยกับพระเจ้า แต่ฮีก็ยังงงงง ยังไม่หยุดที่จะรักผิดคนอีก แทนที่จะ “ทิ้งเรื่องเดิม มาเริ่มกันใหม่” แต่ดันเลือกที่จะซ้ำรอยเดิม คือหันไปมองหาคนที่ไม่ควรเข้าไปผูกสัมพันธ์แต่แรก ในที่นี้คือคนที่เป็นตัวแทนของโลกที่ไม่มีพระเจ้า จะเห็นได้ว่า การเลือกภรรยาแต่ละครั้งของแซมสันนั้น ยังคงใช้มุมมองแบบเดิมคือ เน้นที่ต้องตาถูกใจเและให้ความปรารถนาของตัวเองสำคัญกว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้!
“อย่าเกี่ยวดองกับเขาโดยการแต่งงาน อย่ายกบุตรสาวของท่านให้แก่บุตรชายของเขา
หรือรับบุตรสาวของเขามาให้บุตรชายของท่าน” – (เฉลยธรรมบัญญัติ 7:3)
จุดพีคของเรื่องคือ หลังจากที่อยู่ร่วมกันเรียบร้อยแล้ว แม่สาวเดลิลาห์ถึงได้เผยความเป็นฟิลิสเตียของเธอที่ให้คุณค่ากับวัตถุเหนือความสัมพันธ์ออกมา เธอรักแซมสันน้อยกว่าเงินทอง หลังจากทำดีลลับๆ กับเหล่าเจ้านายฟิลิสเตีย เธอก็เริ่มล้วงความลับแห่งพละกำลังของแซมสันว่าจะต้องทำยังไงความแข็งแกร่งเหนือชายชาตรีของเขาจึงจะหายไป แต่แซมสันก็เอาการเจิมของพระเจ้ามาล้อเล่นถึงสามครั้ง ในที่สุดเดลิล่าห์ก็งัดไพ่ตายออกมา
“นางจึงกล่าวกับแซมสันว่า “เธอพูดได้อย่างไรว่า ‘ฉันรักเธอ’ เมื่อใจของเธอไม่ได้อยู่กับฉันเลย เธอหลอกฉันสามครั้งแล้ว และเธอไม่ได้บอกฉันว่า กำลังมหาศาลของเธออยู่ที่ไหน” (ผู้วินิจฉัย 16:15)
แต่สิ่งที่ทำให้แซมสันพ่ายแพ้อย่างแท้จริงนั้นไม่ใช่ความรักแต่เป็นความเบื่อหน่ายที่ถูกรบเร้าซ้ำๆ “อยู่มาเมื่อนางพูดคาดคั้นท่านวันแล้ววันเล่าและรบเร้าท่านอยู่ทุกวัน จิตใจของแซมสันก็เบื่อแทบจะตาย จึงบอกความจริงในใจของท่านแก่นางจนสิ้นว่า “มีดโกนยังไม่เคยถูกศีรษะของฉัน เพราะฉันเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่คลอดจากท้องแม่ ถ้าโกนผมฉันแล้วกำลังก็จะหมดไปจากฉัน ฉันก็จะหมดแรงเหมือนชายอื่น” (ผู้วินิจฉัย 16:16-17) รู้ทั้งรู้ในคราวก่อนว่าเดลิลาห์ก็ขายความลับไปจนมีคนมุ่งร้ายหมายชีวิต แต่แซมสันก็ยังคงบอกความลับออกไปเพื่อซื้อรำคาญ ความไม่อดทนครั้งนี้นำมาซึ่งความหายนะถึงแก่ชีวิตของแซมสันเลยทีเดียว พี่สาวอยากให้น้องๆ ทั้งหญิงชายคิดดูนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราถูกทดลองซ้ำๆ ถูกรบเร้าซ้ำๆ ด้วยบาปเดิมๆ และยังไม่ยอมเดินออกมาเพราะคิดว่า “ฉันแน่ ฉันเอาอยู่ ฉันควบคุมมันได้” คือยัง #ใจเริง อยู่
ภาพวาดแซมสัันและเดลิลาห์ โดย José Echenagusía
ศิลปินชาวสเปน (1 February 1844 – 31 January 1912)
“เมื่อเดลิลาห์เห็นว่าแซมสันบอกความจริงในใจแก่นางจนสิ้นแล้ว นางจึงใช้คนไปเรียกพวกเจ้านายฟีลิสเตียว่า “ขอจงขึ้นมาอีกครั้งเดียว เพราะเขาบอกความจริงในใจแก่ฉันจนสิ้นแล้ว” แล้วเจ้านายฟีลิสเตียก็ขึ้นมาหานางถือเงินมาด้วย นางก็ให้แซมสันนอนอยู่บนตักของนาง แล้วนางก็เรียกชายคนหนึ่งให้มาโกนผมเจ็ดปอยออกจากศีรษะของท่าน นางก็เริ่มกำจัดท่าน กำลังของท่านก็หายไป นางจึงบอกว่า “แซมสัน คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว” ท่านก็ตื่นขึ้นจากหลับบอกว่า “ฉันจะออกไปอย่างครั้งก่อนๆ และสลัดตัวให้หลุดไป” ท่านไม่ทราบว่าพระยาห์เวห์ได้ทรงละท่านไปเสียแล้ว คนฟีลิสเตียก็มาจับท่านและควักลูกตาทั้งสองข้างของท่านเสีย แล้วนำท่านลงมายังเมืองกาซา เอาตรวนทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ และให้ท่านโม่แป้งอยู่ในเรือนจำ” (ผู้วินิจฉัย 16:18-21)
คิดดูว่าแซมสันจะเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อถูกทรยศขณะนอนอยู่บนตักเมียรัก เขา “ไม่ทราบ” ว่าพระเจ้าทรงละไปเสียแล้ว เรียกว่า #ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย แซมสันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าชีวิตที่ค่อยๆ ถอยไปจากพระเจ้า ที่สุดแล้วก็ล้มลง เขาเลือกทิ้งพระเจ้าก่อนที่พระเจ้าจะละจากเขาไปในที่สุด บอกตรงๆ ว่าเมื่อกวาดตาดูเพื่อนพี่น้องในโบสถ์แล้ว เราก็คงเคยพบบางคนที่เลือกแต่งงานกับคนที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้า แล้วค่อยๆ หายหน้าหายตาไป หรือยังคงอยู่แต่ทุ่มเทใจกับพระเจ้าน้อยลง เพราะมันยากกกกกเหลือเกินที่จะนอนกับฟิลิสเตีย (โลก) ในตอนกลางคืน และลุกมารบกับฟิลิสเตีย (โลก) ในตอนกลางวัน สำหรับตัวแซมสันเขากลายเป็นคนที่ “ตาบอดฝ่ายวิญญาณ” ก่อนจะตาบอดจริงๆ ซะอีก
ชีวิตแซมสันยังคงได้รับพระคุณของพระเจ้าในวาระสุดท้าย เมื่อเขาถ่อมใจลงและหันกลับไปหาพระองค์ “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาสองข้างของข้าพระองค์” (ผู้วินิจฉัย 16:28) สุดท้ายแล้วชีวิตบนโลกของแซมสันก็จบลงก่อนเวลาอันควร จะดีเพียงใดหากเขาเชื่อฟังพระเจ้าและได้นำประชากรของพระองค์นานกว่านั้น
“เพราะว่าเราไม่ได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา
แต่ทรงเคยถูกทดลองใจเหมือนเราทุกอย่าง ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป” – (ฮีบรู 4:15)
ค่ะ ไม่ง่ายเลยที่จะดำเนินชีวิตแบบไม่ #ใจเริง ไปกับโลกนี้ พระเยซูทรงผ่านการทดลองทุกอย่างกระนั้นยังทรงไม่ทำบาป (ฮีบรู 4:15) การจับกุมพระองค์นั้นยูดาสชี้ตัวพระองค์ด้วยการ “จุมพิต” (ลูกา 22:47-48) การแสดงออกที่ควรแสดงถึงความรักความเคารพ กลับกลายเป็นการ “ทรยศ” ซึ่งนำไปสู่ความตาย ในตักของเดลิลาห์ผู้เป็นภรรยาเป็นที่ซึ่งแซมสันคิดว่าเต็มไปด้วยความรักความปลอดภัย กลับกลายเป็นที่ซึ่งความทรยศของเดลิลาห์ได้รับการเปิดเผย นำไปสู่กับดัก การจับกุม และความตายในท้ายที่สุด เดลิลาห์ขายแซมสัน ยูดาสขายพระเยซู โลกพร้อมที่จะขายเราไปเมื่อเราหมดประโยชน์เสมอ ถ้าเราให้ความสำคัญกับโลก “ก่อน” พระเจ้า จุดจบแบบแซมสันก็คงอยู่ไม่ไกลจากชีวิตเราเท่าไหร่เนอะ
ดังนั้นแล้ว… พี่สาว #ขอนะ ก่อนจะเริ่มต้นชอบใคร เลือกวางใจในพระเจ้า ถ้าเค้ายังไม่รู้จักพระเจ้าเลย ประกาศก่อน อธิษฐานเผื่อเค้าก่อน อธิษฐานเผื่อตัวเองด้วยให้ใจเย็นๆ ไม่รีบๆ รอให้เค้าเชื่อพระเจ้าจริงๆ ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ แล้ว #พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
#ด้วยรักและชูใจ พบกันใหม่ในซีซั่นหน้าจ้า
Tips: รู้หรือไม่?
- ชื่อแซมสัน แปลว่า พระอาทิตย์
- ชื่อเดลิลาห์ แปลว่า น่าปรารถนา และอีกความหมายหนึ่งคือ ทำให้อ่อนแรงลง!
Related Posts
- Author:
- พี่สาวหัวใจยังใสคนนี้ นอกจากเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาที่พึ่งเรียนจบพระคริสตธรรมมาหมาดๆ แล้วก็ยังเป็นพี่สาวที่เข้าใจว่าเป็นวัยรุ่นคริสเตียนในเวลานี้ มันอยู่ยาก มันเหนื่อย เลยอยากมาแบ่งปันให้น้องๆ เห็นว่า พระเจ้าเข้าใจทุกสถานการณ์ พระเจ้าไม่เชยนะ พระคัมภีร์ contemporary มากกว่าที่น้องคิดนะจร้าาาา
- Illustrator:
- tumtim
- เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง