“In the beginning you make choices, but at the end, the choices make you.”
จิ๊กชอบคำพูดประโยคนี้มาก ทุกวันนี้ยังจำประโยคนี้ได้ขึ้นใจ แปลเป็นไทยหมายความว่า “เมื่อเริ่มต้นเราเป็นคนตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ แต่สุดท้ายสิ่งที่เราตัดสินใจเลือกเหล่านั้นจะก่อร่างความเป็นเราขึ้นมา” หรือพูดให้ง่ายก็คือ เราเป็นคนเลือกเขียนเรื่องราวชีวิตของเราจากสิ่งที่เราตัดสินใจลงไป
ใช่ค่ะ สิ่งที่เราเลือก สิ่งที่เราตัดสินใจในแต่ละช่วงของชีวิต สุดท้ายนั่นคือสิ่งที่ก่อร่างเราขึ้นมา ที่ยากก็คือว่า เราส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่า เราต้องการไปทางไหน เราต้องการสิ่งเหล่านั้นเพราะอะไร นั่นคือความต้องการของเรา หรือเป็นความคาดหวังจากคนอื่น แล้วชีวิตที่เราต้องการจะใช้มันเป็นแบบไหน?
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ การที่เราจะตอบคำถามใหญ่ๆ ในชีวิตอย่างนั้นได้ เริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายแต่สำคัญมาก นั่นก็คือ “การรู้จักตัวเอง” ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเข้าใจแล้วว่า ทำไมกษัตริย์ซาโลมอนถึงอธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้า แทนที่จะเป็นสิ่งอื่น เพราะการมีสติปัญญามันทำให้เรารู้ว่าเราเลือกทำสิ่งต่างๆ เพราะอะไร รวมถึง “แยกแยะ” ออกด้วยว่าควรเลือกอะไร ไม่ควรเลือกอะไร มันคือการใช้ชีวิตอย่างคนมีปัญญา สติปัญญาที่ว่านั่นไม่ได้มาจากความรู้ด้วยนะคะ แต่มาจากพระเจ้า
ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาดุจหาเงิน
และเสาะหาปัญญาอย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้
นั่นแหละ เจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระเจ้า
และพบความรู้ของพระเจ้า
เพราะพระเจ้าประทานปัญญา
ความรู้และความเข้าใจมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม
พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์
ทรงรักษาระวังวิถีของความยุติธรรม
และทรงสงวนทางของธรรมิกชนของพระองค์ไว้
แล้วเจ้าจะเข้าใจความชอบธรรมและความยุติธรรม
และความเที่ยงธรรม คือวิถีที่ดีทุกสาย
เพราะปัญญาจะเข้ามาในใจของเจ้า
และความรู้จะเป็นที่ร่มรื่นแก่วิญญาณจิตของเจ้า
ความเฉลียวฉลาดจะคอยเฝ้าเจ้า
และความเข้าใจจะระแวดระวังเจ้าไว้
ช่วยให้เจ้าพ้นจากทางแห่งคนชั่วร้าย
จากคนที่พูดตลบตะแลงสุภาษิต 2:4-12
…..
เดือนที่ผ่านมา ชูใจมี 2 อีเว้นท์ที่เกี่ยวกับเรื่องที่เขียนไปข้างบนค่ะ อีเว้นท์แรกคือเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา จิ๊กได้มีโอกาสไปร่วมกับพี่จากคอมแพสชั่นในการทดลองใช้ หนังสือคู่มือแนะแนว การรู้จักตัวเอง เพื่อการวางแผนอนาคต ให้กับน้องๆ ที่เราขอมาเป็นอาสาสมัครเพื่อทดลองใช้หนังสือดูค่ะ ส่วนอีเว้นท์ที่สองคือ Self-Discovery Talk by Alex Soh
อีเว้นท์แรกเราทดลองใช้หนังสือที่ชูใจมีส่วนในการจัดทำและเรียบเรียงเนื้อหา จิ๊กได้มีโอกาสเจอน้องๆ ม.ปลาย – มหาลัย 11 คน ขณะที่ถามคำถามว่า “คิดว่าเรียนจบแล้วอยากทำอะไรต่อ?” มีเพียง 3 คนที่ตอบได้ว่าอยากทำอะไร และใน 3 คนนี้มี 2 คนที่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียน ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า ยังไม่รู้เลยเลือกเรียนกว้างๆ ไปก่อน หรือเลือกเรียนตามเพื่อนก็ยังมีอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าเรียนจบแล้วจะทำอะไรต่อ
อันที่จริงมองย้อนดูตัวเองตอนอายุเท่านั้น เราก็เป็นเหมือนเด็กตาดำๆ หน้าใสๆ พวกนี้เหมือนกันที่ไม่รู้อนาคตจะเอาไงต่อดี จิ๊กขอบคุณพระเจ้าอยู่ในใจว่า ขอบคุณที่พระเจ้าใช้เรา ให้มาบอกน้องๆ พวกนี้ว่าเขาจะเตรียมเส้นทางชีวิตเขาได้ยังไงบ้าง การทดลองใช้คู่มือนี้ก็ยังไม่จบค่ะ ยังไงจิ๊กจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ
……
ตัดภาพไปหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านั้น ชูใจได้จัดงานฉุกละหุก Talk อันนึงค่ะ 555 ที่บอกว่าฉุกละหุกเพราะว่า Speaker ที่มาพูดให้เวลาเราเตรียมตัวแค่ 2 อาทิตย์ล่วงหน้า แต่ด้วยความอยากทำหัวข้อนั้นก็เลย อ๊ะ ลองดู! นั่นก็คือ Who am I? A Self-discovery Journey หรือ เส้นทางการค้นพบตัวเองและค้นพบของประทานจากพระเจ้า ตอนแรกว่าจะเป็นอีเว้นท์กลุ่มปิดสัก 20 คน ไม่คาดหวังคนมาแต่คาดหวังวีดีโอคอนเท้นต์ที่จะเอาไปตัดต่อต่อยอดได้ในเพจ ไปๆ มาๆ งานงอกค่ะ คนมาจริงๆ ร่วมร้อยคนเลย
จิ๊กรู้จัก Alex เมื่อสิบกว่าปีก่อนผ่านทางท๊อป (สามี) ที่ทำงานอยู่มานาประจำวันค่ะ เพราะอเล็กซ์เป็นหัวหน้าฝ่ายกราฟิกของ Our Daily Bread International ที่สิงคโปร์ และเป็นช่างภาพฝีมือดีมากด้วย จำได้ว่าตอนรู้จักอเล็กซ์ครั้งแรก ตอนนั้นเขาอายุ 37 เขาก็ได้เป็น Brand Ambassador ของ Nikon แล้ว ที่จิ๊กอัศจรรย์ใจมากๆ ก็คือ เขาทำงาน commercial ให้กับบริษัทใหญ่ๆ ในขณะเดียวกับที่ก็รับใช้พระเจ้าใน ODB ไปด้วย เห็นแล้วเราก็รู้สึกทึ่งมาก (ลองดูผลงานของอเล็กซ์ได้ที่นี่ค่ะ http://www.alexsohphotography.com/storybehind/index-story.html)
ที่น่าสนใจมากกว่าผลงานของอเล็กซ์ก็คือชีวิตของเขา ถ้าพี่น้องเห็นภาพถ่ายของเขาแล้วคงจะไม่เชื่อว่าอเล็กซ์เป็นโรค Dyslexia คือโรคที่มีความบกพร่องในการอ่าน (หนึ่งในโรคบกพร่องทางการเรียนรู้ ทำให้คนๆ นั้นมีปัญหาในการอ่านเขียน สะกดคำติดขัด ผสมคำไม่ได้) แต่ในสมัยก่อนคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักและเข้าใจโรคนี้เท่าไหร่นัก อเล็กซ์จึงโตมาพร้อมกับคำดูถูกของคนรอบข้างเพราะว่าเขาเรียนหนังสือไม่เก่ง และบอกว่าเขาเป็น “Useless child” หรือว่า “เด็กไร้ค่า” เขาต้องดิ้นรนในการเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยเพราะครอบครัวไม่มีเงินส่งให้เขาเรียนมากขนาดนั้น ในทอล์คเขาเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ต้องทำงานส่งอาจารย์ เขาต้องไปคุ้ยหาวัสดุจากในถังขยะดูว่าอะไรพอมารีไซเคิลทำงานส่งอาจารย์ได้บ้าง ต่อมาเขาได้รู้จักกับพระเจ้าผ่าน YFC Singapore ในช่วงวัยรุ่น และทำให้เริ่มรู้จักความรักของพระเจ้าและรู้คุณค่าที่มีในตัวเอง
อเล็กซ์บอกว่า จุดอ่อนและจุดแข็งของคนเรานั้นเป็นสิ่งเดียวกัน จุดอ่อนของเขาคือเป็น Dyslexia เขาไม่สามารถอ่านตัวหนังสือได้คล่องหรือเข้าใจมากนัก แต่พระเจ้าก็ประทานจุดแข็งให้เขาด้วยนั่นคือสายตาที่ว่องไว ทั้งมุมมองในการถ่ายภาพ และทักษะในการเข้าใจและสื่อสารกับผู้คน การเดินทางทำให้เขาได้พบปะผู้คนมากมาย การได้พูดคุยแบ่งปันเรื่องราวยิ่งทำให้เขาเป็นคนที่เข้าใจคนมาก เขาจึงอยากใช้รูปถ่ายของเขาเป็นสื่อกลางระหว่างผู้คน ได้แบ่งปันเรื่องราวระหว่างกัน และที่สำคัญคือ ได้แบ่งปันความย่ิงใหญ่ของพระเจ้าให้คนอื่นได้รู้
อเล็กซ์บอกว่า นอกจากเรื่องถ่ายภาพแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นภาระใจให้เขามากตอนนี้คือการได้แชร์ประสบการณ์เรื่องการค้นพบตัวเองให้เด็กรุ่นต่อไปได้รู้ เพราะเมื่อแต่ละคนได้ค้นพบของประทานของตัวเอง ได้พบคุณค่าและวัตถุประสงค์ของชีวิต เขาจะมีทิศทางในการใช้ชีวิต เขาจะมีชีวิตที่เป็นพรต่อคนอื่นด้วยความสามารถที่เขามี และที่สำคัญคือเพื่อสิ่งที่เราเป็นและได้ทำเพื่อผู้อื่นจะได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้สร้างเรามา
——-
สองอีเว้นท์นี้ย้ำเตือนจิ๊กว่า ภารกิจและภาระใจที่เราสามารถทำในชูใจนี้ยังไม่จบ และนี่ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้สร้างจิ๊กมาเพื่อเป็นพรกับน้องๆ รุ่นต่อไป นั่นคือการบอกต่อ บอกสิ่งที่พระเจ้าทำในชีวิตของคนรุ่นใหม่หลายๆ คน รวบรวมคนเก่งๆ มาช่วยกันเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ให้เข้าใจง่าย พูดถึงแง่มุมของการใช้ชีวิตในบริบทที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ ผ่านตัวหนังสือและภาพ เพราะนั่นมาจากการที่เราชอบอ่านหนังสือที่เข้าใจง่าย และดูรูปสวยๆ ไปด้วยนั่นแหละค่ะ 555
ขอบคุณพี่น้องที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชูใจด้วยนะคะ จิ๊กบอกผู้ถวายทุกคนเสมอว่า ผู้ถวายก็คือคนหนึ่งที่มาร่วมรับใช้ด้วยกันกับเราไม่ต่างกับอาสาสมัคร ขอบคุณที่ทำให้เรายังได้รับใช้พระเจ้าในสิ่งที่เราอยากทำต่อไปนะคะ
ฝากพี่น้องอธิษฐานเผื่องานชูใจต่อไปด้วยนะคะ จิ๊กรู้ว่าเรายังขาดตกบกพร่องอีกหลายอย่าง อธิษฐานเผื่อสติปัญญาจากพระเจ้าให้เรา “เลือก” สิ่งที่ตรงประเด็นและเป็นพรต่อไป จิ๊กและน้องๆ ในทีมก็จะอธิษฐานเผื่อพี่น้องทุกคนเช่นกัน (ส่งหัวข้ออธิษฐานมาให้เราได้นะคะ) ขอให้เราทุกคนเป็นคริสเตียนที่ใช้สติปัญญาจากพระเจ้า ในการ “เลือก” ใช้ชีวิตที่เป็นพรต่อกันและกัน และถวายเกียรติพระเจ้านะคะ
จิ๊ก
ตัวแทนทีมชูใจ