ติดตามอ่าน New Me in New Zealand ทุกตอนก่อนๆ ได้ที่
https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/new-me-in-new-zealand/
.
5 Jan,
.
อยู่ดีๆ ก็มีเรื่องราวลุ้นระทึกทําให้เราต้องรีบตัดสินใจย้ายบ้านอย่างเร่งด่วน
ดีที่บ้านเพื่อนมีห้องว่างพอดี และเป็นที่ๆ เราเคยไปอยู่ไปสัมผัสมาบ้างแล้ว
.
สรุปคือได้ย้ายบ้านแบบงงๆ
ซึ่งไม่ใช่บ้านที่เคยดูๆ ไว้เลย
แต่พอย้ายจากตึกแถวมาอยู่บ้านก็ช่วยพยุงให้สภาพแวดล้อมและอารมณ์เราดีขึ้นนะ
ชีวิตเรามันคงต้องค่อยๆ ขยับขยายแบบนี้
.
มีบางช่วงเวลาที่เราต้องอดทนเป็นพิเศษ รอคอย
และมีช่วงเวลาที่แต่ละสิ่งจะค่อยคลายออก
เราเองก็ควรรู้จักใจเย็นและรอคอยพระเจ้า และชื่นชมกับเวลาตรงหน้า ใช้มันให้ดีที่สุด
.
อยู่ที่นี่มาเกือบปีแล้วก็ยังถือเป็นช่วงเวลาปรับตัวอยู่
เริ่มรู้สึกว่าสําหรับเราชีวิตไม่ใช่การวิ่งเข้าหาเป้าหมาย
แต่คือการเรียนรู้ที่จะพอใจกับเวลา ณ ปัจจุบัน และแก้ปัญหา หาทางไปเรื่อยๆ
ซึ่งการที่ผ่านพายุมาไม่นับกี่ลูกต่อกี่ลูกกับพระเจ้า
ทําให้เรามั่นใจมากขึ้นในทุกวันว่า ไม่ว่าอะไรจะเข้ามา
หรือเราจะไปเจอทางตันอีกครั้ง พระเจ้าจะมีทางออกให้เราเสมอ
นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันให้คุ้มค่าที่สุดได้
ตั้งแต่เริ่มมาก็ได้เรียนรู้อะไรที่ไม่เคยรู้เยอะมากนะ
.
นี่คือวันที่ได้เซตมีดวันแรก
เชฟต้องอธิบายว่าแต่ละอย่างใช้เพื่ออะไร
เกิดมาพึ่งเคยรู้ต้องมีมีดเยอะแยะอะไรนักหนา
เชฟชื่อแมทธิว เป็นคนตลก
แต่พวกเราฟังแกไม่ค่อยออกหรอกด้วยสําเนียงบริทิชชชของแก
วิชาแรกที่เรียนเป็นเรื่องซุป ในรูปคือซุปมะเขือเทศทานคู่กับสโกน
เรียนเรื่องปลาก็มีให้ฝึกแล่ปลา
ในรูปชื่อปลาฟลอนเดอร์ (flounder) หน้าตานางแปลกมาก ไม่เคยเห็น
เป็นปลาแบน ว่ายนํ้าในแนวนอน (คือว่ายแบนๆ เหมือนตอนนี้ที่นางอยู่บนเขียง)
และมีตาสองตาอยู่บน ลําตัวด้านเดียว (เคยเห็นแต่ปลามีตาด้านละดวง)
ทํานกกระทายัดไส้
ต้องเอานางมาทอดซะก่อน แล้วค่อยไปยัดไส้ด้วยไก่บดและสมุนไพร แล้วเอาไปอบอีกที
ขนมปังโรยด้วยมะกอกหั่น เกลือหินและโรสแมรี่
ไปดูเค้าแข่งทําอาหาร ในรูปคือแข่งทําแซลมอน คนที่ยืนดูข้างๆ ลุ้นยิ่งกว่าคนแข่ง ทั้งครูทั้งนักเรียน
ภาพที่เห็นคือวิ่งเอาจานตัวเองมาวางที่โต๊ะกรรมการแทบไม่ทันตอนเวลาหมด
ส่วนเราไปแข่งการใช้มีดที่จะให้เราหั่นผักต่างๆ
ให้ได้รูปร่าง ขนาด และปริมาณตามที่เค้ากําหนดมา
เรารู้สึกว่าท้ายที่สุดแล้วการเข้าร่วมการแข่งขันทําให้ทุกคนได้ฝึกวินัยในชีวิตอย่างที่ปกติเราอาจไม่เคยทํา
เพราะก่อนแข่งทุกคนต้องไปฝึกที่โรงเรียนตอนที่ไม่มีชั้นเรียน
กว่าสองเดือนที่ต้องตื่นแต่เช้าและอยู่โรงเรียนจนดึกเพื่อจะฝึกทําสิ่งเดิมซํ้าๆ
เวลาที่เคยว่างหรือเสาร์ อาทิตย์ที่เคยหยุดก็หายไป
ยิ่งอาทิตย์สุดท้ายทุกคนจะเริ่มประสาทเสีย
.
รวมถึงเชฟที่ช่วยฝึกเราด้วย
เชฟแต่ละคนก็จะมาจับเวลาและคอยเดินดูเรา
สร้างสถานการณ์กดดันที่เราจะต้องไปเจอในวันจริง
สุดท้ายไม่ว่าแต่ละคนจะได้รางวัลหรือไม่
เราว่าพวกเราได้กําไรจากการได้ฝึกฝนใจและกายที่แข็งแร็งไปอีกหนึ่งขั้น
ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องทําอาหาร แต่ได้กับเรื่องอื่นในชีวิตที่เราต้องรับมือด้วย
.
เรื่องที่ว่าการทําอาหารจะเป็นสิ่งที่ใช่แล้วรึยัง
ก็คงตอบไม่ได้
แต่ดูจากก่อนจะมาที่กังวลเพราะไม่รู้มันจะเป็นยังไง
เราจะทําได้มั้ย จะชอบมันรึเปล่า
จนมาถึงวันนี้
มันก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เราหมกมุ่นมากมายนัก
แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเกลียด
เวลาที่ได้ทําก็รู้สึกเพลินดี
ต่อไปข้างหน้า เราคงได้ค่อยๆ เรียนรู้มันและเรียนรู้ตัวเอง
…
ส่วนตอนนี้ ก็ขอแค่ทําให้ดีที่สุดแล้วเรียนรู้ที่จะสนุกกับปัจจุบันก็พอเนอะ
(ติดตามอ่าน New Me in New Zealand ทุกตอนได้ที่
https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/new-me-in-new-zealand/)
Related Posts
- Author:
- หนึ่งในทีมผู้แปลชูใจ ผู้สืบทอดกิจการสายไหมของครอบครัว จบศึกษาอิงค์ แต่ไม่ได้อยากเป็นครูในระบบ มีความมุ่งมั่นที่จะตามหาฝันไปไกลถึงเมืองที่มีแกะมากกว่าประชากรในประเทศ
- Illustrator:
- tumtim
- เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง