อ่านตอนแรกของเรื่อง “โรคร้ายนี้ที่พระเจ้ารักษา” ได้ที่
https://choojaiproject.org/2018/09/something-about-flesh/
“อืมม มันมีเชื้อมะเร็งนะครับ”
.
“ยังไงนะคะหมอ?”
ฉันทวนคำหมออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ขณะกำลังนั่งลงที่เก้าอี้มือก็เริ่มสั่นจนต้องพยายามควบคุมมันไว้
.
“ถ้าดูจากขนาดประมาณ 8 มม. ทางการแพทย์มันน่าจะเป็นระยะแรกนะครับ
และมีจุดเล็กๆ อีกจุดที่ควรตรวจว่าเป็นแค่ไขมันหรือมีการกระจายตัว ยังไงก็ต้องตรวจอีกครั้งครับ”
.
ฉันพยายามตั้งสติและฟังสิ่งที่หมอพูด
.
“ที่บ้านมีใครเป็นบ้างไหมครับ?”
.
“ไม่ค่ะ ไม่มีประวัติเลย… ว่าแต่ตอนนี้ควรทำยังไงต่อดีคะ?”
แม้ว่ายังตกใจกับผลที่ได้ฟังอยู่ แต่ก็นึกถึงพระเจ้าขึ้นมาได้ ทั้งสงสัย ทั้งพยายามให้กำลังใจตัวเองว่าท้ายที่สุดเราจะไม่เป็นอะไรแน่ๆ นึกถึงพระคำสดุดีข้อ 91 ที่ว่า “ไม่มีการร้ายใดๆ ตกมายังท่าน ไม่มีภัยร้ายมาใกล้ท่าน”
.
“วันนี้มากับใครครับ ต้องให้มาฟังด้วยกันไหมครับ”
.
“มากับแม่ค่ะ แต่ยังไม่ต้องบอกแกนะคะ หมอพูดต่อเลยคะ”
ตอนนั้นฉันคิดอย่างเดียวว่ายังบอกแม่ตอนนี้ไม่ได้ แแกจะเป็นกังวลซะเปล่าๆ
.
“ก็มีให้เลือก 2 ทางนะครับ คือ ผ่าแบบเก็บเต้า กับผ่าเอาออกทั้งเต้า
แล้วก็เอาเชื้อไปตรวจอีกทีว่าต้องทำคีโม หรือฉายแสงกี่ครั้ง”
.
“แล้วการเก็บเต้ากับผ่าทั้งเต้ามันต่างกันยังไงคะ?”
.
“ผลเหมือนกันครับ แต่ถ้าอายุไม่มาก ส่วนใหญ่ก็จะเก็บเต้าครับ คนอายุมากๆ แล้วมักจะเอาออกทั้งเต้า”
.
“โห งั้นก็ขอเก็บเต้าค่ะ แล้วต้องคีโมกับฉายแสงด้วยหรอคะ”
.
“ต้องทำครับ เดี๋ยวรอดูผลจากการผ่าตัดอีกที อาจจะฉายแสง 20-30 ครั้ง และคีโม 4-8 ครั้ง”
.
“ขนาดเป็นระยะแรกยังต้องคีโม ฉายแสงอีกหรอคะ เราสามารถแค่ผ่าตัดเฉยๆ ได้ไหมคะ หรือมีทางเลือกอื่นไหม”
.
“ต้องทำครับ เพราะอายุยังน้อยร่างกายยังมีการแบ่งเซลอยู่ แต่ถ้าเกิน 45 แล้วเป็นแค่ระยะนี้ อาจไม่ต้องทำถึง 30 ครั้ง”
.
สำหรับโรคนี้ อายุของฉันถือว่ายังน้อยสินะ
“ค่ะ งั้นก็นัดผ่าเลยค่ะ”
.
“ถ้าอย่างนั้นหมอขออธิบายขั้นตอนนะครับ คือเราจะต้องผ่าก้อน 8 มม. หนึ่งก้อนโดยการคว้านออกทั้งก้อนรวมกับเนื้อรอบๆ ต้องผ่าจุดเล็กอีกจุดนั้นออก และต้องผ่าตัดต่อมน้ำเหลือที่ใต้รักแร้ไปตรวจด้วยเพื่อดูว่ามีการกระจายตัวไปที่น้ำเหลืองหรือเปล่า ผ่าตัดแล้วต้องนอนที่ รพ 2-3 คืนก็ออกได้แล้ว ผลน้ำเหลืองน่าจะรู้ได้ภายในวันสองวัน ส่วนผลชิ้นเนื้อก็ไม่เกินสัปดาห์” คุณหมอแจกแจง
.
โอววว มีต่อมน้ำเหลืองด้วย ขออย่าให้กระจายตัวเลยนะ พระเจ้าช่วยลูกด้วย
ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชน ฉันไม่มีบัตรประกันสังคม และก็ไม่ได้ทำประกันสุขภาพไว้ที่ไหนเลย มีแต่ประกันกลุ่มซึ่งมีวงเงินเล็กน้อยที่ทางบริษัททำไว้ให้ แต่เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ในเวลานั้นฉันจึงตัดสินใจนัดผ่าตัดเลยโดยได้คิวในบ่ายวันถัดไปทันที นางพยาบาลมาแจกแจงค่าใช้จ่ายเกือบสองแสนบาท ที่แค่เห็นตัวเลขก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม แต่ฉันไม่กังวลเท่าไหร่ เชื่อว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมให้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ฉันได้ซื้อทัวร์ไปเที่ยวไว้ เลยรีบโทรไปขอแคนเซิลและขอค่ามัดจำคืน โดยส่งเอกสารประเมินค่าใช้จ่ายจากทางแพทย์ไปให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักฐาน บริษัททัวร์น่ารักมาก แม้ว่าเลยกำหนดขอคืนไปแล้ว แต่เมื่อส่งหลักฐานการเข้ารับผ่าตัดเพราะมะเร็งไปให้ เพียงแค่ 2-3 วันเขาก็คืนเงินทั้งหมดกลับมา ขอบคุณบริษัททัวร์ และพระเจ้ามากๆ ค่ะ
_______________
ก่อนผ่าตัด ฉันได้บอกเรื่องนี้กับพี่สาว และกำชับเธอไม่ให้บอกแม่
เมื่อวันผ่าตัดมาถึง ฉันต้องมาถึงก่อนเวลาหลายชั่วโมง เพื่อทำเมมโมแกรมสำหรับกำหนดจุดผ่าตัดก่อน การทำเมมโมแกรมคือการสแกนเต้านม (ถ้าใช้คำศัพท์ผิดไปบ้างต้องขออภัยนะคะ) ฉันต้องถูกบีบอัดน่าอก (เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ต้องเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชน (นางพยาบาล) มากขนาดนี้) ซึ่งการบีบหน้าอกคือการเอากระจกบีบเข้ามาซ้ายขวา บน ล่าง และสแกนภาพไว้ เจ็บพอสมควรเลยล่ะค่ะ
จากนั้นก็ไปห้องผ่าตัด ห้องที่ตัวเองเคยตัดชิ้นเนื้อเมื่อคราวก่อน เพื่อกำหนดจุดผ่าตัดค่ะ โดนฉีดยาชาอีกเช่นเคย จนเมื่อยาออกฤทธิ์แล้วคุณหมอใช้ปากกามาร์คจุดแล้วใช้เข็มยาวๆ แทงลงไปในเนื้อค่ะ เหมือนเย็บผ้า ชั้นได้ยินเสียงกืดๆ แม้ว่าจะไม่เจ็บ แต่เสียงกะความรู้สึกสัมผัสของเข็มก็ทำให้เสียวไส้มากค่ะ
พอเสร็จแล้วต้องกะเตงน่าอกที่มีเข็มนั่น เดินไปห้องเมมโมแกรมอีกครั้งเพื่อบีบอัดหน้าอกเพื่อหาตำแหน่งที่ชัดเจนอีกที
ที่คุณหมอให้ทำเมมโมแกรมทั้งสองข้างก็เพื่อให้แน่ใจว่ามีก้อนประหลาดนี่เพียงข้างเดียวจริงๆ
_______________
และแล้ว นางพยาบาลก็นำเตียงคนไข้มารับ ฉันนอนลงบนเตียงที่ถูกเข็นไปยังห้องผ่าตัด มองขึ้นไปบนเพดาน ได้แต่อธิษฐานคิดถึงพระเจ้า พระเจ้าคะ อยู่กับลูกนะคะ นี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตของลูก ขอให้ผ่านพ้นไปด้วย ขอให้เป็นแค่ก้อนเดียว ไม่มีการกระจายไปจุดอื่น และในน้ำเหลืองก็ขอให้ปกติดีด้วยนะคะ
รถเข็นผ่านคุณหมอและทีมงานไปตามทางเข้าห้องผ่าตัด ตอนนี้เริ่มหนาวจนตัวสั่น ห้องมันเย็นมากหรือฉันกำลังตื่นเต้นกันแน่ คุณหมอผู้ช่วยเอาสายรัดรัดข้อมือและข้อเท้าของชั้น (คุณผู้อ่านที่เคยผ่าตัดเช่นผ่าตัดใส้ติ่งหรือคลอดลูก น่าจะนึกภาพออกค่ะ ส่วนคนที่ไม่เคยผ่าตัดนะคะ ลองนึกถึงในหนังนะ ประมาณผู้ป่วยที่กำลังคุ้มคลั่งที่ถูกมัดไว้กับเตียงอย่างนั้นน่ะค่ะ) และบนเพดานมีไฟหลายดวงส่องเข้ามา เหมือนในหนังที่เราเคยดู ไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ ชั้นเริ่มตัวสั่น คุณหมอถามว่าหนาวมั้ย ชั้นว่ามันหนาวมากๆ คุณหมอบอกว่าโปะยาสลบแล้วเดี๋ยวก็หายหนาว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เรียบร้อยละ คุณหมอใส่เครื่องหายใจเป็นหลอดๆ ลงไปที่คอด้วยเพื่อช่วยหายใจ
“ตื่นขึ้นมาแล้วอาจจะเจ็บคอหน่อยนะคะ ไม่ต้องตกใจนะ เดี๋ยววันสองวันก็หายเองค่ะ”
“การผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน แต่ยาสลบจะมีฤทธิ์ 3-4 ชม นะคะ”
…
ฉันพูดอะไรไม่ออกแล้ว ในวินาทีที่มองดูแสงไฟก็เกิดคิดขึ้นมาแวบนึงว่า แย่แล้วววว แล้วถ้ามันไม่สลบล่ะจะทำยังไง เพราะตอนนี้พูดไม่ได้แล้ว ทำยังไงดีๆๆ
แล้ว…ฉันก็ลืมตาขึ้นมา แต่ภาพตรงหน้ากลับไม่ใช่ดวงไฟหลายดวงที่เห็นเมื่อนาทีที่แล้ว
ฉันที่ยังคงหนาวอยู่หรี่ตามองแสงไฟ… อ้าววว นี่มันเป็นห้องอื่นแล้วนี่นา
แค่เพียงวินาทีเดียว ก็ผ่าตัดเสร็จแล้วหรือนี่
ทันใดนั้นฉันก็อาเจียนออกมา รู้สึกหนาวมากจนตัวยังสั่นอยู่
“หมอ หมอคะ มีใครอยู่แถวนี้ไหมคะ”
ฉันเจ็บคอจนต้องพยายามเค้นเสียงและพูดให้ดังที่สุด
ในที่สุดก็มีพยาบาลคนนึงวิ่งเข้ามา เธอเช็ดทำความสะอาดกองอาเจียนให้ แล้วหาผ้ามาห่มให้ฉันอีกผืน ก่อนจะหยิบแขนฉันขึ้นมาดู
“แขน เป็นจั้มๆ เลย สงสัยแพ้ยาสลบ เดี๋ยวฉีดยาแก้แพ้ให้นะคะ” เธอตบๆ ที่แขนและฉีดยา อีกซักพักเธอมาดูอีกทีและพบว่ามันยังไม่หายเลยไปเอายาแก้แพ้มาฉีดให้อีก
ถึงว่า ที่ฉันรู้สึกหนาวจนตัวสั่นโยก อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้แพ้ก็เป็นได้
_______________
เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว คุณพยาบาลก็เข็นรถไปยังห้องพัก ครอบครัวของฉันมารอกันอยู่เต็มห้อง ในวินาทีนั้นฉันรู้สึกโล่งใจ แต่พอนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ แย่แล้ว… คงไม่มีใครบอกแม่นะ พอเห็นสายตาของแม่ที่มองมาฉันก็นึกเป็นห่วง
“คุณหมอบอกอะไรมั่งยัง” ฉันถามพี่สาว
“ยังนะ แค่บอกว่าจะนัดฟังผล” เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย
พระเจ้าคะ ขอบคุณที่พระองค์ทรงอยู่ด้วยตลอดการผ่าตัด ขอให้ผลออกมาเป็นปกติ ไม่มีการกระจายไปในน้ำเหลือง เพราะพระเยซูทรงรักษาและหอบเอาความเจ็บป่วยไปที่บนกางเขนแล้ว พระองค์ทรงบอกว่า ไม่มีการร้ายใดๆ จะตกมายังท่าน และไม่มีภัยร้ายใดๆ มาใกล้ท่าน และลูกก็เชื่อตามนั้นอย่างสุดใจ ลูกจะรอฟังผลที่ดีจากหมอนะคะ
#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward