ชื่อหนัง : Mission Impossible : Fallout (2018)
ประเภท : Action / Adventure
บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 6 นาที และมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
.
“ความสงบเกิดไม่ได้ … ถ้าไม่นองเลือดก่อน
ยิ่งนองเลือดมากเท่าไหร่ ยิ่งสงบเท่านั้น” – โซโลมอน เลน
ชาวชูใจเห็นด้วยหรือเปล่ากับคำพูดของตัวร้ายในเรื่อง คุยเรื่องหนังก่อนเดี๋ยวลุงชวนคุยเรื่องนี้ต่อ …
นับเป็นเวลา 22 ปีแล้วที่ “ทอม ครูซ” ในบทบาทสายลับนาม “อีธาน ฮันท์” เริ่มโลดแล่นอยู่ในจอภาพยนตร์ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าในวัย 56 ปี พี่แกจะยังสามารถวิ่งสู้ฟัดจนมาถึงภาคที่ 6 ได้แบบใสๆ ในขณะที่ลุงหมีซึ่งหนุ่มกว่าแค่เดินขึ้นลิฟท์ไปที่โรงหนังชั้น 4 ก็หอบแฮกๆ หน้าเค้าเตอร์ป็อปคอร์นแล้ว
หนังมิชชั่นฯ ภาค 6 นี้ก็เป็นครั้งแรกที่ใช้ผู้กำกับคนเดิม (จากที่ภาค 1 ถึง 5 เปลี่ยนผู้กำกับตลอด) หนังจึงมีความเป็น “ภาคต่อ” กับภาค 5 อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสายลับทีมไอเอ็มจากฝั่งอเมริกันของพระเอก ซึ่งขาดเพียงคนเดียวคือเจเรมี่ เรนเนอร์ (ฮอร์กอาย) ที่ติดคิวถ่ายอเวนเจอร์ส ในภาคนี้เรายังจะได้พบสายลับแสนสวยจากเอ็มไอซิกซ์แห่งฝั่งสหราชอาณาจักร หรือกระทั่งตัวผู้ร้ายเองก็ยังเป็น โซโลมอน เลน คนเดิมเพิ่มเติมคือความเซอร์ ส่วนองค์กรตัวร้ายภาคนี้ก็ยังเป็นองค์กร “ซินดิเคท” จากภาคแล้วที่รีแบรนด์เปลี่ยนชื่อเป็น “ดิอะพอสเทิลส์” (The Apostles)
อาจมีผลร้ายจากเจตนาดี
“ในตอนแรก เราพบว่าอีธานกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาได้ทำผิดพลาด และเขาก็เจอกับเรื่องต่างๆ ในอดีต ที่มีผลกระทบทางอารมณ์ เขาต้องตัดสินใจว่า เขาจะช่วยเพื่อนและครอบครัว หรือจะช่วยคนเป็นล้านๆ คนจากอำนาจทำลายล้างที่เขากำลังต่อสู้อยู่ เขาจะต้องทำการล้วงลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของตัวเองครับ” – แม็คควอร์รีย์ ผู้กำกับ
ทุกการตัดสินใจย่อมส่งผลกระทบ สิ่งที่อีธาน ฮันท์ ตัวเอกของเรื่องต้องเผชิญในหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพียงการรับภาระกิจแล้วทำให้สำเร็จเท่านั้น แต่ในการตัดสินใจครั้งที่ผ่านๆ มาจะตามมาหลอกหลอนเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง งาน ความสัมพันธ์กับองค์กร ทีม และความรัก นี่คือสิ่งที่ทำให้หนังชุดนี้เข้มข้นและแตกต่างจากหนังสายลับบู้ระห่ำทั่วๆ ไป โดยเฉพาะในภาค 6 ที่เป็นเหมือนบทสรุป และการคลี่คลายปมทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา
นอกจากนั้นลุงหมีพูดตรง ๆ เรื่องราวหนังประเภทนี้ก็หนีไม่พ้นระเบิดนิวเคลียร์ การปลอมตัว การหักหลังและฉากไล่ล่า ใครเป็นคอหนังแนวนี้คงเดาเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก แต่ทีเด็ดของหนังเรื่องนี้คือ “ฉากไล่ล่า” ไม่ว่าจะเป็นวิ่งไล่ ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ กระโดดร่มไล่ หรือขับเฮลิคอปเตอร์ไล่ โดยทีมงานเคลมว่าพระเอกของเราแสดงจริงเจ็บจริงทุกฉาก ซึ่งทำให้ได้ฉากแอคชั่นระทึกใจ สวยงามและสมจริง (ลุงหมีฟินฉากในกรุงปารีส) โดยรวมแล้วแม้จะนั่งดูยาวมาก ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที แต่กลับรู้สึกว่าแป๊ปเดียว เพราะหนังดำเนินเรื่องแบบแทบไม่ให้พักหายใจ มีลุ้นตลอด ประทับใจให้ 5 ดาวเต็ม อันนี้ลุงหมีต้องตีลังกายกนิ้วให้เลย เพราะเฮีย ทอม ครูซ แกเล่นจริงแสดงจริงตั้งแต่กระโดดตึกจนขาหัก ขี่มอไซด์แบบไม่มีเซฟตี้กลางกรุงปารีส ไปจนขับฮอหมุนควงสว่านในหุบเขาจริงๆ ชนิดที่ถ้าพลาดขึ้นมาก็ลาก่อนเพราะไม่ได้ถ่ายบนฉากเขียวเหมือนชาวบ้านชาวช่อง รับรองว่าได้ขึ้นอันดับ 1 ใน Twitter trends แน่ๆ
เรียกว่า “ทำหน้าที่นักแสดงได้อย่างเต็มสปิริต … “
ความลับ VS ความจริงใจ
ประเด็นสำคัญของหนังสายลับแทบทุกเรื่องคือ “ความจริงใจ” หากรัฐบาลแต่ละประเทศสามารถพูดกันด้วยความจริงใจแล้ว ความวุ่นวายหรืออาชีพสายลับคงไม่เกิดขึ้น เหตุการณ์วุ่นวายมากมายจากความลับที่ปิดซ่อนไว้ในภาค 5 ส่งผลต่อเนื่องถึงในหนังภาคที่ 6 ไม่ว่าจะเป็นการทรยศหักหลัง การเป็นสายลับสองหน้า และการหลอกลวงคนในองค์กร
ทิ้งท้ายแบบมีสาระ ว่าด้วยความลับ และ ความสงบ
- ในโลกที่เต็มไปด้วยความลับ และการกุมความลับถือเป็นผลประโยชน์ โลกที่เต็มไปด้วยการหักลังและการแย่งชิง หากมองย้อนมาที่ชีวิตของเราล่ะ เรากำลังทำตัวเป็นสายลับที่เลือกที่รักมักที่ชังหรือหวงแหนบางสิ่งบางอย่างไว้เฉพาะในกลุ่มหรือไม่ หรือเราควรจะเปิดเผยและตรงไปตรงมา ลุงหมีเชื่อว่าอย่างหลังดีกว่า แม้ปัญหาอาจจะไม่ได้รับการแก้ไขทันที แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ยืดเยื้อเป็น 6 ภาคอย่างในหนัง และที่สำคัญที่สุดคือตัวเราเองได้ปลดปล่อยภาระออกจากใจ
- อีกอันที่สำคัญมากๆๆๆๆๆ เลยก็คือ ประโยคเท่ๆ ของตัวร้าย โซโลมอน เลน ที่หลายคนคงติดหู และเกือบเชื่อไปแล้วว่าควาสงบสุขมันจะเกิดได้มันต้องนองเลือด วันนี้ลุงหมีก็อยากจะงัดประโยคเด็ดจาก อิสยาห์มา VS ดู พอตอบโต้กันแบบนี้ โซโลมอนก็โซโลมอนเถอะ
“ความสงบเกิดไม่ได้ … ถ้าไม่นองเลือดก่อน
ยิ่งนองเลือดมากเท่าไหร่ ยิ่งสงบเท่านั้น” – (โซโลมอน เลน)
VS
“เพราะมือของพวกท่านมลทินด้วยโลหิต… พวกเขาไม่รู้จักทางสันติภาพ
ไม่มีความยุติธรรมในวิถีของเขา พวกเขาทำให้หนทางของเขาคดเคี้ยว
ทุกคนที่เดินในทางนั้นจะไม่รู้จักสันติภาพ” – (อิสยาห์ 59:3,8)
ลุงหมีอยากจะบอกว่าโซโลมอนนายต้องทบทวนประโยคเด็ดโดนใจของตัวเองใหม่แล้วล่ะเพราะมันขัดกับพระคัมภีร์ (อันนี้ลุงพูดเล่น ดูหนังให้สนุกใช้วิจารณญาณและทำความเข้าใจความคิดตัวละครนะหลานๆ)
ชาวชูใจ ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วชอบหรือไม่ ฉากไล่ล่าไหนที่คุณชอบที่สุด (เหมือนลุงหมีหรือเปล่า) และหากจะพูดถึงหนังสายลับ นอกจากมิชชั่นฯ แล้วชาวชูใจชอบเรื่องไหนบ้าง จะเป็นสายลับคลาสสิกอย่าง เจมส์ บอนด์ 007, สายลับสายเรียลอย่าง เจสัน บอร์น, สายลับสุดแนวอย่าง คิงส์แมน หรือจะหนังสายลับพลังหญิงอย่างอะตอมิค บลอนด์ โพสต์แสดงความคิดเห็นใต้ลิงค์ได้นะครับ
“สันติภาพหรือความสงบไม่ได้มาจากการได้รบแต่มาจากการได้รัก”
.
ติดตาม ชูโรง จากคอลัมน์ Featured กับการถอดหนังสไตล์คริสเตียนได้กับลุงหมีสักหลาด และผองเพื่อนคริสเตียนรักหนังได้ในครั้งหน้า ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org
Related Posts
- Author:
- ชายอบอุ่นที่มีหลากหลายมิติ มีทั้งมิติแห่งการเป็นผู้รับใช้ มิติของคุณครูภาษาอังกฤษ แถมด้วยมิติของการเป็นนักดูหนังตัวยง ชูใจจึงจีบมาเขียนรีวิวหนัง และบทความความรู้พระคัมภีร์ซะเลย
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Perapat T.
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)