ผู้เขียน: Stacy Roach
ที่มา: https://www.desiringgod.org
ผู้แปล: อุ้ย วิจิตรา
เรียบเรียง: จิ๊ก
…
ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฝ้าแต่คิดว่าเขาคนที่เคยบอกว่า…ทั้งรักทั้งหวงฉันจากไปได้อย่างไร แค่ตื่นขึ้นมาและพบว่าความสัมพันธ์สองปีของเราที่จบลงมันไม่ใช่แค่ฝันร้าย แค่นั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกมวนท้องและดำดิ่งอยู่แต่กับความเศร้าที่กำลังครอบงำฉันอยู่ นี่ฉันจะได้พบความสุขอีกไหมนะ?
เท่านั้นยังไม่พอ แม้ว่าคนรักเก่าของฉันคนนี้จะบอกว่าการเลิกกันคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่เขาบอกว่าก็ยังรู้สึกดีกับฉันอยู่และอยากจะเป็น ‘เพื่อน’ กันอยู่ หลังจากนั้นเราต่างแยกย้ายไปเรียนต่อด้วยอารมณ์ที่แสนจะแปรปรวน
เป็นเวลาสามเดือนที่ฉันรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่เห็นชื่อของเขาบนข้อความ ที่ส่งมา หรือทุกครั้งที่เขาโทรมา โดยเฉพาะเวลาที่เขานัดเจอฉันในช่วงวันหยุดปิดเทอม แน่นอนว่าเขาจะบอกว่าเขาคิดถึงฉันและอยากจะกลับมาอยู่ด้วยกันมากมายแค่ไหน แต่หลังจากที่คุยกันไปสักพัก เขากลับไม่ส่งสัญญาณอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาอยากจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ แล้วพอฉันถามเขาตรงๆ คำพูดของเขากลับเป็นเหมือนมีดที่บาดใจฉัน…
“เธอเป็นเหมือนพี่น้องในพระคริสต์สำหรับเราอะ”
‘แค่เพื่อน’ ก็ได้เหรอ?
ฉันตระหนักได้ว่าการเป็น “แค่เพื่อน” ไม่ช่วยให้ชีวิตฉันไปต่อได้ เพราะที่ผ่านมาฉันอยู่ในความหวัง ลมๆ แล้งๆ มากกว่าอยู่กับปัจจุบัน ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อจะบอกกับแฟนเก่าให้หยุดโทรหา หยุดส่งข้อความหาฉัน และหยุดนัดเจอฉันสักที เพราะมันยากมากที่จะก้าวต่อไปในขณะที่ใจฉันยังแอบหวังว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง การก้าวออกไปจากความเจ็บปวดพวกนี้ ทำให้ฉันวิ่งเข้าหาพระคัมภีร์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะที่ฉันพยายามตามหาความหวังในหัวใจที่เจ็บปวด พระธรรมสดุดีก็เป็นเหมือนยาที่ช่วยปลอบประโลมจิตวิญญาณที่บอบช้ำของฉัน
“พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำและทรงช่วยผู้ที่จิตใจสำนึกผิด คนชอบธรรมนั้นถูกถ่อมใจหลายอย่าง แต่พระเจ้าทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พันหมด” – (สดุดี 34:18-19)
“จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย ไฉนจึงฝ่ออยู่ ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์และพระเจ้าของข้าพเจ้า” – (สดุดี 42:5-6)
และพระสัญญาใน สดุดี 84:11 “พระเจ้ามิได้ทรงหวงของดีอันใดไว้เลย จากบุคคลผู้เดินอย่างเที่ยงธรรม” คือศิลาที่ฉันยึดเอาไว้เวลาที่ฉันคิดถึงเขาและเวลาที่ต่อสู้กับตัวเองว่าอย่าเชื่อในการตัดสินใจของตัวเอง การเลือกที่จะไม่ติดต่อกับแฟนเก่าคือการแสดงออกถึงความไว้วางใจในพระเจ้า เหมือนตอนที่ฉันพยายามให้เหตุผลตัวเองร้อยแปดในการโทรหาเขา หรือพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะไปเจอเขา หรือหาข้อแก้ตัวต่างๆ ที่จะส่งข้อความหาเขา ความเชื่อในพระสัญญาที่อยู่ใน สดุดี 84:11 คือกำลังที่ทำให้ฉันยืนหยัดอยู่ได้
ฉันให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถ้าเขารักฉันและอยากจะกลับมาคบกันจริงๆ ล่ะก็ เขาจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถในการตามฉันกลับไป แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น ฉันจำเป็นต้องปล่อยวางและก้าวต่อไปก่อน
_____________________________________
เมื่อเร็วๆ นี้ฉันได้รับสองสามข้อความจากสาวโสดกลุ่มหนึ่งที่อยากรู้วิธีจัดการกับความเจ็บปวดและความเหงาหลังเลิกกับแฟน หญิงสาวนางหนึ่งรู้สึกว่าเธออยากจะรักษาความเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าไว้เพื่อแสดงถึงความรักของพระคริสต์ เธออธิบายถึงความรู้สึกเจ็บปวดตอนที่เขาจบความสัมพันธ์กับเธอ แต่ก็ยังต้องเจอเขาทุกวันในที่ทำงาน แต่สาวนางนี้ก็ยังขอให้รักษาความเป็นเพื่อนกันไว้ถึงแม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจก็ตาม
ฉันได้รับรู้ว่าแต่ละความสัมพันธ์ก็แตกต่างกันออกไป ถึงฉันไม่ได้รู้ทุกคำตอบให้กับทุกคน แต่ฉันอยากเตือนสาวโสดทั้งหลายที่มีความคิดที่จะเป็น “แค่เพื่อน” กับคนที่คุณเคยมีความสัมพันธ์ที่แสนจะโรแมนติกกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะเวลาที่ต่างคนยังคงมีความรู้สึกต่อกันอยู่ และเหมือนที่ฉันเคยเป็นนั่นแหละ คือยังแอบหวังลึกๆ ว่าการที่ยังคงติดต่อกันอยู่จะทำให้เรากลับมาคบกันได้สักวัน
5 วิธีก้าวต่อไปหลังจากการเลิกรา
การที่เราให้ความสำคัญในความหวังที่จะกลับไปคบกันใหม่มากกว่าความหวังใจที่มีในพระเจ้าเป็นเรื่องอันตราย ฉันเคยเห็นเพื่อนๆ หลายคนต้องทนเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากการที่เอาชีวิตไปผูกติดกับคนที่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณพบว่าตัวเองกำลังหัวใจสลาย เฝ้าส่งข้อความหรือพยายามติดต่อคนสำคัญในอดีตของคุณอยู่ละก็ ลองอ่านวิธีต่อไปนี้ดูนะคะ เพื่อคุณจะเชื่อวางใจในแผนการที่ใหญ่กว่าของพระเจ้าและก้าวต่อไปได้
1. จดจ่ออยู่กับพระคัมภีร์
สองปีหลังจากเลิกกัน กลับเป็นช่วงที่ฉันได้รับการพักฟื้นและเติบโตอย่างช้าๆ เพราะความเจ็บปวดในใจทำให้ฉันค้นหาข้อพระคัมภีร์ต่างๆ ที่จะทำให้ตัวเองสบายใจและมีความหวังขึ้น ดังนั้นให้พระเจ้าใช้ความเจ็บปวดของคุณเพื่อนำคุณเข้าสู่พระสัญญาแห่งความชื่นชมยินดี กำลัง และความหวังนิรันดร์กันเถอะค่ะ
2. พาตัวเองเข้าสู่สังคมคริสเตียน
หลังจากการสูญเสียคนที่คุณอยากจะใช้เวลาด้วยมากที่สุดไป คุณจำเป็นต้องมีคนอื่นๆ รอบข้างเพื่อนรับฟังและนำคุณเข้าใกล้พระคริสต์ สำหรับฉันตอนนั้นกลุ่มเพื่อนคริสเตียนในมหาวิทยาลัยเป็นเหมือนเสื้อชูชีพให้กับฉัน (โดยเฉพาะหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้เวลาถึงสี่ปีในการเลี้ยงดูฉันผ่านช่วงยากๆ ตอนนั้น)
3. รับใช้
เลิกจดจ่ออยู่กับตัวเองและความเจ็บปวดโดยการออกไปรับใช้ผู้อื่น (1 เปโตร 4:19) มีอะไรบ้างในคริสตจักรที่ยังขาดอยู่และคุณจะช่วยเติมเต็มได้ หรือเตรียมกับข้าวช่วยคุณแม่มือใหม่ได้ไหม หรือมีอนุชนคนไหนที่คุณสามารถเลี้ยงดู ได้ไหม หรือมีค่ายมิชชั่นอะไรบ้างที่คุณสามารถไปได้รึเปล่า ฯลฯ
หลังจากที่ฉันเลิกกับแฟน ฤดูร้อนปีนั้นฉันไปออกค่ายมิชชั่นทีมเป็นเวลาสองเดือน ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในตอนนั้นเลยทีเดียว เพราะมันช่วยเสริมกำลังให้ฉันทั้งด้านอารมณ์และจิตวิญญานให้รู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
4. เอาตัวออกห่างจากเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หนึ่งปีถัดมาหลังจากที่เลิกกับแฟน ฉันเดินทางไปเรียนที่ประเทศสเปน ทำให้เพิ่มระยะห่างระหว่างเราสองคนและตัดความเป็นไปได้ที่จะบังเอิญเจอกันตามที่ต่างๆ ซึ่งช่วยให้ฉันลืมเขาได้ง่ายขึ้น สำหรับบางคนถึงแม้พวกคุณจะเจอกันในที่ทำงาน หรือที่เรียน หรือที่โบสถ์ ฉันก็ไม่แนะนำให้คุณเข้าไปพูดคุยหรือส่งข้อความหากันอย่างตั้งใจนะคะ
5. เชื่อว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายคุณ
พระองค์จะไม่หวงของดีอันใดไว้เลยจากบุคคลผู้เดินอย่างเที่ยงธรรม (สดุดี 84:11) พระเจ้าสัญญาว่าจะเยียวยาบาดแผลของผู้ที่หัวใจแตกสลาย ความเหงาและความเจ็บปวดจะจางหายไปตราบใดที่คุณให้ความสำคัญกับพระเยซู และเชื่อ ว่าพระองค์จะตอบสนองความต้องการของเราได้เกินกว่าความสัมพันธ์ใดๆ ของมนุษย์
_____________________________________
สรุปจากพี่ชูใจ!
ก็คือ ผู้เขียนไม่คิดว่าเราจะกลับไปเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ในทันที ต้องมีกระบวนการเยียวยาจิตใจกันสักพักก่อนที่ฝ่ายที่ทำใจไม่ได้จะทำใจได้ และอย่าโลกสวยคิดว่าเราจะสานสัมพันธ์กันอย่าง ‘พี่น้องในพระคริสต์’ ได้ในทันที เว้นระยะให้ทำใจกันก่อน ซึ่งระยะทำใจของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความลึกซึ้งของความสัมพันธ์ การปล่อยวาง และการเชื่อวางใจในพระเจ้าเพื่อให้ได้ไปต่ออย่างที่ผู้เขียนบทความนี้ว่าไว้จ้า
สู้ๆ นะคะซิส Love Coach แปลชุด ‘อกหัก โดนทิ้ง ถูกเท’ ยังมีต่ออีก 3 บทความให้ค่อยๆ ทำใจไปจ้า เอ้า! อ่านบทความนี้แล้วอย่าลืมกลับไปอ่านพระคัมภีร์จดจ่อที่พระเจ้ากัน! : )
“ความสัมพันธ์แบบพี่น้องในพระคริสต์จะดำเนินต่อไปได้ เมื่อเราได้ให้เวลากับการลืมและฝากทุกอย่างไว้กับพระเจ้าจริงๆ”
<3 พบกับคอลัมน์ LoveCoach ที่รวมทุกเนื้อหาเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ และ โค้ชเจเจ้ ที่จะมาตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคารสีชมพูววว์ หรือ ใครที่มีเรื่องความรักแน่นอก อยากให้พี่ชูใจช่วยยกออก ก็ Inbox เข้ามาได้จ้า <3
Related Posts
- Translator:
- Aui Wijitra
- ผู้แปลอาสาฯ จากเมืองเจียงฮาย ผู้เชี่ยวชาญร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วเมืองเชียงรายและปริมณฑล และถึงแม้งานประจำจะล้นมือแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากวางมือจากการเป็นผู้แปลให้ชูใจ โอ้ย ขอมงให้นางด้วยค่ะ!
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง