ผู้เขียน: Scott Hubbard
ผู้แปล: Way Wanee
ที่มา: www.desiringgod.org
เรื่องราวของเราเหมือนกับหลุดมาจากในหนังแน่ะ
ตอนที่พระเจ้าเรียกผมให้มารู้จักพระองค์ ผมกับแฟนเราคบกันได้ประมาณสองปีครึ่งแล้วนะ ผมแสวงหาพระเจ้าแต่เธอไม่ ผมลุกขึ้นและตามพระองค์ไปแต่เธอยังอยู่กับที่ ความสัมพันธ์เราเริ่มห่างเหิน จนในที่สุดก็ขาดสะบั้นลง ผมเป็นฝ่ายเดินจากเธอมา…หญิงสาวคนนั้นที่ผมเคยคิดถึงขั้นจะแต่งงานกับเธอ
หลายเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีเพื่อนแบ่งปันพระกิตติคุณกับเธอและเธอก็รับเชื่อ เราจึงได้กลับมาคุยกัน เป็นเพื่อนกันและเริ่มคบกันใหม่อีกครั้ง พระเจ้าให้เราแยกกันเพื่อกลับมาเจอกันใหม่ รักเราเหมือนตายไปแล้วแต่กลับฟื้นคืนมาใหม่ พระองค์เคยเอาแฟนสาวผมไปและคืนเธอให้ผมแถมเรายังได้กลับมาเป็นพี่น้องคริสเตียนกันด้วย
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี…
หลังจากที่เรากลับมาคบกันได้ไม่นาน จิตวิญญาณของผมเริ่มตกต่ำและมืดมนลง มีแต่ความสงสัย รู้สึกว่าพระเจ้าทอดทิ้ง เริ่มรู้สึกจัดการชีวิตไม่ได้ หัวใจผมเลี้ยงไม่เชื่องซักที ผมต้องรวบรวมกำลังทั้งหมดของผมเพื่อรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณไว้ให้มีสุขภาพที่ดี และนั่นแหละ เป็นครั้งที่สองที่ผมต้องมองดูความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ แตกเป็นเสี่ยง
เธอย้ายไปจากอเมริกาและเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จากที่ผมควรจะได้แต่งงานมีลูกในวัยยี่สิบต้นๆ ผมกลับมาโสดสนิทและเฝ้ารอคอยใครซักคนที่ใช่สำหรับผมจริงๆ
รักที่จากไป…
ถ้าคุณต้องเป็นโสดในวัยยี่สิบหรือมากกว่านั้น มันเจ็บปวดจริงๆ ครับกับรักที่ต้องเสียไป
หลายคนรู้ดีว่าอาการของความสัมพันธ์ที่ล้มไม่เป็นท่ามันเป็นยังไง ความโรแมนติกที่เบ่งบานอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะค่อยๆ จางและหายไป หลังจากนั้นเราก็ถูกตามหลอกหลอนด้วยช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีกัน กล่องไม้ใบเดิมที่เต็มไปด้วยบันทึกเก่าๆ คิดถึงเมนูโปรดที่เคยกิน ที่ๆ เคยไปเดินเล่น ที่เคยหยอกล้อ เฝ้าฝันว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรถ้ามันไม่จบแบบนี้ หลายคนอาจคิดว่าจะผ่านพ้นช่วงอกหักนี้ไปได้แต่เรื่องกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เราชอบจดจำแต่โอกาสที่พลาดไป
โน้ตตัวแรกช่างดูเงียบเหงาเมื่อบทเพลงค่อยๆ เลือนหายไป…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงค่ำคืนที่นอนกระสับกระส่ายเพราะเฝ้าแต่คิดว่า “แต่มันดูเหมือนจะใช่นี่นา…” “ถ้าเพียงแต่ผมจะ…” และ “ผมหวังแค่จะได้กลับไปและ…” แต่ว่าในพายุแห่งความสับสนนี้ ผมพบว่าไม่ได้มีแต่คำถามหรือความผิดหวังเสียใจเท่านั้น เพราะพระเจ้าเองก็ตรัสกับผมด้วยเหมือนกัน และมันก็มีพลังมากมายเกินพอที่จะทำให้ใจผมสงบลงจากความวุ่นวายเหล่านั้นได้ มาดูกันว่าพระองค์ตรัสอะไรกับผมบ้าง
-
ลูกไม่ได้อยู่คนเดียวในดินแดนแห่งรัก
บางครั้ง ผมพยายามหาทางจัดการเรื่องนี้ลำพังอย่างกับว่าผมเป็นลูกกำพร้าช่างฝันยังงั้นแหละ ผมเร่ร่อนไปในดินแดนนี้อย่างร้อนใจเหมือนว่าไม่มีใครคอยดูแลผมเลย ผมอาศัยความสามารถส่วนตัวล้วนๆ นั่นทำให้ผมต้องคอยตามหาเธอและรักษาเธอไว้เพื่อที่จะได้แต่งงานกัน ผมทำทุกอย่างที่ไม่ควรทำจริงๆ
ตลอดเวลาผมลืมประโยคขึ้นต้นคำอธิษฐานของพระเยซูไปสนิทเลย “ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์…” (มธ.6:9)
บ่อยครั้งที่ผมทำยังกับว่าพระบิดาไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องความรักของผมมากนัก ผมทำเหมือนพระองค์เป็นเพียงบรรพบุรุษต้นตระกูลผู้ไม่ใช่ “พระบิดาผู้ทรงเมตตา พระเจ้าแห่งความชูใจทุกอย่าง” (2 คร.1:3) ผมออกไปทรมานตัวเองกับรักที่ไม่แน่นอน โดยหลงลืมไปว่ามีพระบิดาผู้ทราบความต้องการทุกอย่าง และพระองค์สนพระทัยที่จะฟังเสียงคำอ้อนวอนของผม (มธ.6:32)
ผมเอาแต่ตำหนิตัวเองตอนที่เรื่องของเราต้องจบและผมต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง จนลืมไปว่าพระองค์ทรงพร้อมให้เราไปซบลงที่ไหล่ทุกครั้งที่เราต้องเสียใจ (สดด.55:22)
ในวัฒนธรรมคลุมถุงชน หนุ่มสาวส่วนใหญ่ไม่สงสัยหรอกว่าพวกเขาจะได้แต่งงานหรือเปล่า เพราะมีพ่อที่จะคอยหาคู่ให้ พี่น้องครับคริสเตียนมียิ่งกว่านั้นอีก เพราะพระบิดาจะทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้กับเราอย่างแน่นอนเพื่อพระนามของพระองค์จะเป็นที่เคารพสักการะ ไม่ว่านั่นจะหมายถึงการมีคู่หรือไม่มีก็ตาม (มธ.6:9) ดังนั้นก็อย่าเพิ่งสิ้นหวังกันไป คุณไม่ต้องกังวลเรื่องอายุเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องทำร้ายตัวเองเพราะความผิดพลาดที่เคยผ่านมา เบื้องหลังเรื่องราวความรักที่ล้มเหลวคือพระบิดาผู้มองเห็นได้ไกลกว่า รู้มากกว่า รักกว่าที่คุณรัก และไม่เคยหยุดที่จะทำสิ่งดีๆ ให้เรา (ยรม.32:40)
-
ความรักกำลังเดินทาง
บางทีผมก็เป็นเหมือนกับสาวกบนถนนสู่เอมมาอูส พวกเขาพูดกันระหว่างทางหลังเหตุการณ์ตรึงกางเขนว่า “แต่เราทั้งหลายได้หวังใจว่าจะเป็นท่านผู้นั้นที่จะไถ่ชนชาติอิสราเอล” (ลก.24:21) ในทำนองเดียวกันผมเดินจากรักครั้งนี้และเอาแต่คิดว่า “ผมเคยหวังว่าจะเธอจะเป็นคนที่ผมแต่งงานด้วย” “ผมหวังว่าเธอจะเปลี่ยนมาเชื่อในพระเจ้า” “ผมหวังว่าตอนอายุเท่านี้จะได้มีลูกแล้ว” และเหมือนกับสาวกเหล่านั้น ผมพลาดของขวัญที่ผมไม่เคยฝันว่าจะขอด้วยซ้ำ
ในหนังสือ Screwtape Letter ซี เอส ลูวอิส ได้เปิดเผยความจริงบางอย่างผ่านคำพูดของปีศาจว่า “พระองค์ทรงรักสัตว์สองขาไร้ขนเหล่านั้น พระองค์สร้างและให้กลับคืนด้วยหัตถ์ขวาของพระองค์ สิ่งที่พระองค์เอาออกไปทรงคืนด้วยหัตถ์ซ้ายของพระองค์” โดยพื้นฐานแล้ว พระเจ้าไม่ใช่ผู้เอาไปแต่เป็นผู้ให้ อย่างใจกว้างขวาง มากเหลือเฟือและเหลือล้น (สดด.84:11) ดังนั้นเมื่อพระองค์เอาเอาสิ่งใดออกไปจากเรา พระองค์ทำเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับสิ่งที่ดีกว่า
แน่นอนว่า “บางอย่างที่ดี” เหมือนจะเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของเรา และขอบคุณพระเจ้านะครับเพราะเวลาที่เราคิดถึง “สิ่งที่ดีกว่า” ในแบบของเราไม่เคยใกล้เคียงสิ่งที่ดีที่สุดเลยจริงๆ แทนที่จะเป็นคนในฝัน พระเจ้าอาจให้ใครบางคนที่เราแทบจะไม่เคยคิดถึงเลยด้วยซ้ำตลอดเวลาที่ผ่านมา ใครบางคนที่เราจะรักและใส่ใจ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบปีเราจึงได้รู้ว่าเขาคือ “สิ่งที่ดีกว่า” หรือพระองค์อาจทำสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือให้เราได้ “โสด” ซึ่งมีทั้งอิสระและเกิดผลดีในแบบที่คนมีคู่ทำไม่ได้ และความรักของพระองค์เองจะทำให้เรามีความสุขอย่างมากมาย ซึ่งเปาโลเรียกสิ่งนี้ว่า “สิ่งที่ดีกว่า” (1 คร.7:38)
หรือแม้แต่ว่าเราอาจไม่ได้เจอรัก และต้องจากโลกนี้ไปด้วยใจที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง หากเป็นเช่นนั้น เราจะตื่นมาเพื่อค้นพบว่าทุกความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นเตรียมเราสำหรับรักที่มีค่า ที่ไม่สามารถสูญสลายไปได้ ซึ่งเทียบกับเรื่องโรแมนติกที่สุดของโลกนี้ไม่ได้เลย (2 คร.4:17)
-
พระเยซูทำให้หัวใจของเราสมบูรณ์
หลายปีแล้วตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนและผมยังคงนอนไม่หลับ หัวผมหมุนติ้วราวกับว่าความเสียใจ กังวลใจ และความผิดหวังในรักรวมหัวกันเล่นงานผม ผมไปโบสถ์ในวันรุ่งขึ้นอย่างหมดหวัง เมื่อเราเริ่มร้องเพลงเท่านั้นแหละ เสียงที่คุ้นเคยนั้นแล่นเข้าหูผม
“พระเยซูผู้เป็นเพื่อนกับคนบาป”
พระเยซูผู้เป็นที่รักแห่งดวงใจ
เพื่อนอาจทำให้ผิดหวัง ศัตรูอาจเกลียดชัง
แต่องค์พระผู้ช่วยเติมฉันให้เต็ม …”
แน่นอนว่าการแต่งงานให้ความครบสมบูรณ์อย่างที่ความโสดไม่สามารถให้ได้ แต่คนรักที่ตามหาครึ่งชีวิตที่หายจนเจอก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดของเรื่องนี้ ยังมีรักที่สมบูรณ์กว่านั้นมากที่พระเจ้าอยากจะให้เรา คือความสุขสมบูรณ์ในพระเยซูไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ท่านฮาบากุกมีวิธีการพูดถึงความสมบูรณ์ในแบบของท่านเอง “แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน” ถึงแม้ไม่มีสามีหรือภรรยาข้างๆ กัน ไม่มีอ้อมแขนที่คอยโอบกอดจากคนรัก ไม่มีรอยยิ้มสดใสจากลูกๆ “ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้า” (ฮาบากุก 3:17-18)
ท่ามกลางความเสียใจทุกอย่างกับความรักที่จากไป คำถามมากมายที่เราไม่มีทางเข้าใจซึ่งคอยแต่จะสร้างความเจ็บปวด ความฝันที่ดับลงตรงหน้า สิ่งเหล่านี้เองที่จะเปิดสโอกาสให้เราได้สัมผัสกับส่วนลึกที่สุดเพื่อพบว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นที่รักแห่งจิตใจของเรา และในพระองค์เราก็มีอย่างครบบริบูรณ์
“แม้จะขาดแฟน ไม่มีสามีหรือภรรยา แต่เราไม่ได้ขาดคนรัก”
Related Posts
- Translator:
- W. Wanee
- นักแปลสาวสวยเสียงทอง ผู้ซึ่งอยากรับใช้พระเจ้าด้วยความสามารถด้านภาษาของเธอ งานใดที่ให้เธอรับผิดชอบ ไม่มีพลาดแน่นอน!
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
- Editor:
- Rungwit K.
- คุณพ่อตาขีดเดียวของลูกชายวัยซน แต่ถึงจะเป็นพ่อคนก็ยังห่วงใยเยาวชนอยู่นะจ๊ะ เลยมาอาสารับใช้ร่วมกับชูใจไง