บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
อ่านตอนอื่นๆ ของซีรีส์นี้ได้ทาง : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/me-and-another-me/
***เรื่องราวในตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการบันทึกส่วนตัวของผู้เขียน
การบรรยายความคิดและความรู้สึกเป็นไปตามสถานการณ์ของผู้เขียนที่กำลังเผชิญขณะนั้น***
_______________
ข่าวดี?
ฤดูฝน, 2559
นอกจากการนอนเกินวันละ 10 ชั่วโมง การใช้ชีวิตและอารมณ์ก็อยู่ในภาวะปกติ ข่าวดีของการตรวจวันนี้คือหมอลดยาลงเหลือครึ่งเม็ด และถ้าเดือนหน้าอาการยังคงที่อยู่อย่างนี้ก็อาจจะสามารถหยุดยาได้เลย
…
ถึงจะย้ายที่อยู่ แต่อดีตที่ยังมีชีวิตก็ยังตามมาหลอกหลอน ก็การติดต่อสื่อสารในยุคนี้น่ะสะดวกเหลือเกิน จนบางทีอดคิดไม่ได้ว่ามันก็สะดวกเกินไปหน่อย
แต่โทษอะไรไม่ได้หรอก นอกจากใจตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอจะให้อภัย
…
ยังไม่ถึงเดือนดีฉันก็โทรกลับไปขอนัดหมอล่วงหน้า
ฉันมีพระเจ้าให้พูดคุยและปรึกษาก็จริง แต่ฉันก็ยังต้องการปฏิกิกริยาตอบรับจากมนุษย์อยู่ดี ไม่แปลก พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาในรูปแบบของสัตว์สังคม มนุษย์จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนก็เพื่อช่วยเหลือกัน
ดังนั้น…ไม่ว่าคนโลกส่วนตัวสูงอย่างฉันจะอยากใช้ชีวิตคนเดียวลำพังแค่ไหน
ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าตัวเองกำลังต้องการความช่วยเหลือ
_______________
หมอก็เข้าใจว่าวิธีให้อภัยมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ไม่ใช่อะไรที่พูดออกไปแล้วใจจะรู้สึกตามได้อย่างนั้น ถึงจะอยากเลิกรักษาแค่ไหนก็ต้องยอมรับออกไปตรงๆ ว่าเครียด และช่วงที่อ่อนไหวมากๆ อย่างนี้ฉันก็ยังไม่พร้อม ซึ่งปรึกษากันแล้วหมอก็เห็นด้วย
ไม่เลิกยา แต่ก็ไม่เพิ่ม
นั่นคือเรื่องดีแล้วสำหรับวันนี้
พยายามบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ก็อดผิดหวังในใจไม่ได้ ฉันเฝ้าถามกับพระเจ้าว่าเมื่อไหร่ฉันจะเข้มแข็งพอที่จะเป็นอิสระจากใจของตัวเองเสียที
น่าแปลกนะ ที่พระเจ้าใช้คนที่โลกเต็มไปด้วยเมฆฝนอย่างฉันมาเขียนบทความหนุนใจ
แปลก…ที่พระองค์เปลี่ยนโศกนาฏกรรมของคนคนหนึ่ง
ให้กลายเป็นคำพยานชีวิต
ตัวฉันไม่ค่อยสังเกตตัวเองเท่าไหร่ แต่คนรอบตัวที่เห็นกันมานานอย่างเพื่อนมัธยมหรือเพื่อนที่มหาวิยาลัยมักจะทักว่าฉันดูสดใสขึ้นอย่างกับคนละคน เหมือนกับว่าพลังงานมืดมนหม่นที่เคยประกอบเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉันได้หายไปจนเหมือนเป็นคนใหม่
ฉันไม่รู้จะอธิบายอะไรได้นอกจากยกเครดิตทั้งหมดให้พระเจ้า
_______________
การอัศจรรย์
ฤดูร้อน, 2560
ในคำพยาน ฉันจะเล่าเสมอว่าที่รับเชื่อก็เพราะอยากหาย ฉันมักจะพูดว่าพระเจ้าดีกับฉันแค่ไหน และพระองค์กำลังรักษาฉันอย่างไร โดยไม่ปิดบังความจริงว่าตอนนี้ฉันยังคงป่วยอยู่ ยังไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าสำเร็จแล้วทั้งสิ้นในการรักษา และการอัศจรรย์ไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันอย่างในพระคัมภีร์
ปีสองปีมานี้สังคมเริ่มให้ความสนใจกับ “โรคซึมเศร้า” มาก มากจนกลายเป็นเนื้อหาในสื่อแทบทุกประเภท และสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันตอนนี้คือ เพื่อนสมัยมัธยมหลายคนส่งข้อความมาถามรายละเอียดการเริ่มรักษา เพราะสงสัยว่าตัวเองก็อาจจะป่วย
“มนุษย์ทุกคนก็ป่วยกันทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ป่วยกันคนละอย่าง”
ฉันมักจะตอบอย่างนี้ก่อนจะอธิบายว่าความป่วยแบบซึมเศร้านั้นเป็นอย่างไร และหากสงสัยว่าตัวเองอาจเข้าข่ายต้องทำอย่างไรต่อ
เมื่อก่อนฉันเคยโกรธที่ตัวเองถูกมองว่าแตกต่าง
ตอนนี้ฉันแค่ยิ้ม และพอใจกับความแตกต่างนั้น
ความแตกต่างที่ทำให้ฉันกลายเป็นฉันที่มีพระเจ้าในใจ ความแตกต่างที่ทำให้ฉันอยากประกาศเรื่องของพระองค์ให้คนอื่นได้รับการชูใจอย่างที่ฉันเคยได้รับมาก่อน
และฉันจะให้เหตุผลของความแตกต่างกับพวกเขาทั้งหลายว่าพระเจ้าสร้างเราทุกคนขึ้นมาให้แตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนใคร และพระองค์ก็เห็นว่าดี
…
ตอนนี้
อาการของฉันยังไม่อาจเรียกว่าหายดี ซ้ำยังไม่คงที่อยู่เป็นพักๆ อย่างเดือนที่เพิ่งผ่านมานี้ฉันก็เพิ่งถูกย้ายเข้าตึกคณะเพื่อรับการรักษาแบบจิตบำบัดอีกครั้ง อาการเบื่ออาหารรุนแรงทำให้น้ำหนักที่เคยขึ้นเลขสี่กลางๆ ลงไปถึงเลขสามปลายๆ และยังมีท่าทีว่าจะลดลงไปอีกเรื่อยๆ ส่วนยาที่เคยลดเหลือครึ่งเม็ดกลับถูกสั่งให้เพิ่มจำนวนเป็นเม็ดเต็มเท่าเดิม
ฉันจะไม่โกหกใครเกี่ยวกับความจริงที่เกิดขึ้น
ในขณะที่ฉันจะไม่โกหกใครเกี่ยวกับความจริงที่ว่าพระเจ้าดีแค่ไหน
สิ่งมีค่าสำหรับฉันคือ “ความเข้าใจ” ถึงขณะนี้อาการฉันจะยังไม่ดีสักเท่าไหร่ ด้วยผลพวงของมุมมองและทัศนคติที่มีมาเกือบทั้งชีวิตจนส่งผลต่อการกระทำที่ผ่านๆ มากำลังกระทบต่อปัจจุบัน แต่มุมมองและทัศนคติเหล่านั้นก็เปลี่ยนแล้วในตอนนี้
เช่น เข้าใจเรื่องว่ามนุษย์สวยงามอย่างไร เข้าใจว่าฉันเกิดมาทำไม เข้าใจว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เข้าใจทั้งความดำมืด และแสงสว่างที่มีอยู่บนโลก เข้าใจการมีอยู่ของจิตวิญญาณที่แม้จะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้จริงถึงพลังชีวิต เข้าใจว่าทุกสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผล เข้าใจว่าพระเจ้ารักฉันมากแค่ไหน เข้าใจว่าพระเจ้าคอยมองอยู่จริงๆ เข้าใจว่าพระเจ้ามีแผนงานสำหรับฉัน เข้าใจว่าอาการป่วยนี้จะหายได้แน่ในเวลาที่เหมาะสม
และเข้าใจว่า “เธอ”[1] คือตัวช่วยหนึ่งที่พระเจ้าส่งมาให้
ฉันไม่รู้หรอกว่าพระองค์ต้องการอะไร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะนำไปสู่อะไร แต่พระองค์บอกกับฉันให้เข้าใจว่าระยะรอคอยอย่างนี้แหละที่สำคัญ
การรอคอย ต้องอาศัยความเชื่ออันนำมาสู่ความหวัง
ซึ่งการที่ฉันยังใช้ชีวิตเพื่อรอนี้จะเป็นข้อพิสูจน์กับตัวเองได้ว่า…
ความเชื่อที่มีอยู่เป็นของจริง!
…
ไม่นานมานี้พระเจ้าเปิดตาให้ฉันเห็นทางออกของการหายขาดจากโรคนี้ด้วยการ “รับจิตบำบัดอย่างมีคุณภาพ” ซึ่งอาจทำให้หยุดยาได้อย่างถาวร ทว่ายังขาดปัจจัยบางอย่างในการเข้าถึงการรักษาแบบจิตบำบัดที่ว่า อย่างไรก็ตาม ฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะเปิดเผยทิศทางเหล่านั้นให้กับฉันแน่
อีกนัยหนึ่ง การอัศจรรย์ในชีวิตของฉันอาจไม่ใช่การหายขาดจากโรคซึมเศร้าเพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายรวมถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงใจ และการเกิดผลฝ่ายวิญญาณที่เกิดขึ้นระหว่างรอคอยก็เป็นได้
หากความหมายของการอัศจรรย์ที่แท้เป็นอย่างนั้น
ฉันก็คงพูดได้เต็มปากตอนนี้เลยว่า “การอัศจรรย์” เกิดขึ้นกับฉันแล้ว
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ เธอ ด้วย ที่ทำให้เราได้เจอกัน
#ด้วยรักและชูใจ
เธอ [1] ในบทความนี้หมายถึงไดอารี่ที่หมอแนะนำให้ผู้เขียนเขียนเพื่อเป็นการบ้าน ระหว่างการบำบัด
- ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ โรคซึมเศร้า โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ มาโนช หล่อตระกูล ใน เว็บไซด์โรงพยาบาลรามาธิบดี : https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-1017
- แบบประเมินณโรคซึมเศร้า ของกรมสุขภาพจิต : https://www.dmh.go.th/test/download/files/2Q%209Q%208Q%20(1).pdf
Related Posts
- Author:
- เด็กผู้หญฺิงธรรมดาที่พบว่าตัวเองป่วยเป็น โรคซึมเศร้า เมื่อคุณหมอบอกให้การบ้านเป็นการเขียนไดอารี่ จึงเกิดเรื่องราวใน Me AND ANOTHER ME ขึ้นมา เคยเชื่อว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่งดงาม จนได้มาเจอพระเจ้าผู้สมบูรณ์แบบ
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Perapat T.
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)