“ตึกแถวสองคูหาติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ใกล้ห้างดังที่ดูจะไฮโซที่สุด
ของจังหวัดใหญ่ มันควรจะขายง่ายกว่านี้”
จำได้ว่านายหน้าคนหนึ่งรับไปตั้งราคาไว้สูงกว่าที่ตกลงถึง 1 ล้านบาท แล้วใครต่อใครก็พากันบอกว่า
“ขายราคานี้ได้ยังไง ถูกเกินไปหรือเปล่า?”
…
ถูกอะไรกันล่ะ นี่ประกาศขายมาแล้วเป็นปี มีแต่คนมาดูแล้วก็หายไปในอากาศ
ผมว่าเจ้าตึกนี่ฮอตอยู่นะ
เพียงแต่ไม่มีใครซื้อไหวในสภาพเศรษฐกิจลูกผีลูกคนที่แบงค์เข้มงวดมากในการปล่อยสินเชื่อ
_______________
ตึกสองคูหาในเรื่องนี้เป็นทรัพย์สินจากกองมรดก เรียกได้ว่าทำเลทองสุดๆ มีคนแห่แหนกันมาดูอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ทั้งนายหน้าก็อาสาเข้ามาช่วยขายกันยกใหญ่ ติดที่ว่าเจ้าของตึกคนเดิม (ซึ่งก็คือพ่อของผม) เสียไปนานนับสิบปี บ้านหลังนี้เลยถูกทิ้งร้างจนสภาพเลยดูทรุดโทรม แถมถนนที่กำลังก่อสร้างโดยไม่มีวี่แววจะเสร็จง่ายๆ ก็เป็นอุปสรรคต่อการขาย สำหรับคนขายและคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็มองเหมือนกันว่าราคานั้นสมเหตุสมผล แต่สำหรับคนซื้อก็จะมองเป็นอีกอย่างนึง
หลังจาก 1 ปีแห่งความพยายามได้ผ่านพ้นไป ความหวังที่จะขายได้ในราคาที่คาดหวังของผมและครอบครัวก็ลดน้อยลงไปอีกจนเริ่มหวั่นใจ เพราะทางบ้านมีความจำเป็นต้องใช้เงินหมุนเวียนในธุรกิจที่กำลังลงทุนอยู่
ด้วยความที่ผมเป็นคนพูดไม่เก่งและไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับคน การต้องทำอะไรแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก ทั้งยังมีอุปสรรคมากมาย เช่น คนข้างตึกที่จะขายเป็นคนตระหนี่และหวงกระทั่งในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง เขาใช้ที่ของเราจอดรถมานานหลายปีเนื่องจากเขาทำอู่ และทุกครั้งที่มีคนสนใจมาถามเรื่องตึกเขาจะใส่ร้าย และทำให้คนที่สนใจเลิกสนใจไป ขนาดที่ว่าผมเคยพาเพื่อนไปดูตึกก็ยังเรียกเพื่อนผมเข้าไปคุยในบ้านของเขาเพื่อใส่ร้าย
ตลอดเวลาที่พยายามจัดการเรื่องนี้ ผมซึ่งเป็นคริสเตียนเพียงคนเดียวในบ้านก็จะอธิษฐานอยู่เสมอ และขอให้เพื่อนๆ ที่โบสถ์ช่วยอธิษฐาน ทุกครั้งที่มีคนมาดูผมจะถามพระเจ้าตลอดว่าใช่คนนี้รึยังที่จะมาซื้อ?
หลายคนมาดูสองครั้งสามครั้ง บางคนทำเรื่องประเมินและพร้อมกู้เงินซื้อแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่ใช่ จนไม่กี่วันที่ผ่านมาพระเจ้าให้ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนซึ่งมีแฟนเป็นนายหน้า เขาอาสาจะลองติดต่อนักลงทุนให้ ผมดีใจมากทีเดียว แต่ผลที่ได้กลับไม่ใช่อย่างที่คิด คำตอบของเขาตรงกับความกังวลในใจและทำให้ผมยิ่งรู้สึกห่อเหี่ยว
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ในที่ทำงานของผมจะมีการอธิษฐานเผื่อทีมงานกันทุกต้นสัปดาห์ องค์กรคริสเตียนเล็กๆ อย่างเรามีอาสาสมัครคนหนึ่งที่กำลังจะสร้างบ้านแต่ติดปัญหาเรื่องเอกสาร ส่วนอีกคนทำการยื่นกู้ไปแล้วแต่ไม่ผ่าน เราอธิษฐานเผื่อพวกเขามาร่วมครึ่งปี และพระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐานเหล่านั้น
ด้วยประสบการณ์บางอย่างที่ดำเนินกับพระเจ้ามานาน ผมจึงมีความรู้สึกได้ทันทีว่าใกล้ถึงคิวของผม ส่วนอีกหลายคนที่กำลังรอคำตอบผมก็มั่นใจเช่นกันว่าพระเจ้าจะทยอยตอบเราทั้งหมด
_______________
จากที่เคยใช้วิธีการแบบออนไลน์บวกกับสายสัมพันธ์จากคนใกล้ตัว ซึ่งก็ดูจะไปได้ดีเพราะมีคนมาดูและโทรมาตลอด แต่พอมันไม่ลงเอยที่ใครซักทีผมเลยตัดสินใจลองใช้วิธีการเดิมๆ ที่คลาสสิกพื้นๆ อย่างการติดป้ายประกาศ และได้คุยกับเพื่อนของเพื่อน ซึ่งไม่เป็นคริสเตียน
เพื่อนคนนี้เป็นนายหน้า และเคยช่วยประกาศขายตึกหลังนี้มานาน แม้จะขายไม่ออก แต่เราก็สนิทกันมากขึ้นจนในที่สุดเขาก็ขอช่วยขายโดยไม่รับเงินค่านายหน้า ผมบอกเขาเรื่องคิดจะทำป้าย เขาก็อาสาทำป้ายไวนิลให้ผมแบบฟรีๆ โดยไม่คิดเงินและไม่ขอส่วนแบ่ง
วันต่อมาเมื่อได้ป้าย ผมก็เตรียมไปติด และในวันนั้นผมลืมโทรศัพท์ไว้ในตึกที่ประกาศขาย ฝุ่นที่นั่นเยอะมากจนผมเวียนหัว จามแล้วจามอีกทั้งอุปกรณ์ที่ไม่พร้อมการแขวนป้ายสามเมตรบนที่สูงจึงเป็นอะไรที่ทุลักทุเลมากพอตัว ด้วยความเหนื่อยผมนอนหลับเป็นตายโดยที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น …
“ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืด นอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ให้หลับสบาย”
(สดุดี 127:1-2)
ข้อพระคัมภีร์นี้อาจไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มันก็ทำให้ผมเห็นถึงพระคุณของพระองค์ ผมเหนื่อยเปล่ามามากมายขนาดไหนในการพยายามขายบ้านขายตึก แต่พอวันที่ผมเพิ่งจะได้หลับสบายพระเจ้าก็ทำให้มันขายออกไปได้แบบดื้อๆ
ช่วงสายของวันถัดมา เพื่อนคนที่เป็นเจ้าของป้ายมาปลุกผมถึงห้องและบอกว่า
“มีคนโทรมาและต้องการซื้อตึกในวันนี้!”
ผมในสภาพงัวเงีย อึ้งปนง่วงลุกขึ้นมานั่งอย่าง งงๆ ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย เพื่อนคนนั้นบอกเค้าโทรหาผมหลายครั้งมากจนโทรหาเขาแทน (ในป้ายใส่เบอร์ไว้สองเบอร์) เขาจึงรีบมาปลุกผมเพราะคนที่โทรมาต้องการซื้อในวันนั้นเลย พร้อมกับบอกให้ปลดป้ายที่พึ่งแขวนออกทันที
“ผมตกใจอยู่และงงๆ ทำไมต้องซื้อวันนี้เลย เค้าจะมาหลอกรึเปล่า?
ป้ายติดยากมากเลยนะ มันยาวตั้งสามเมตร ถ้าปลดป้ายแล้วไม่ซื้อจะทำยังไง?”
เวลานั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าลืมมือถือไว้ที่ไหน เป็นโอกาสให้ไปปลดป้ายลงบ่ายวันนั้นผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรสักอย่าง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นผมที่เป็นคนรับโทรศัพท์เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ใจความสำคัญเท่าที่ผมรู้ก็คือ เขาเป็นนักลงทุนซึ่งสนใจตึกนี้มานานมากแล้ว และรออยู่ว่าเมื่อไหร่จะขาย พอมาเห็นป้ายก็เลยรีบติดต่อทันที
ในบ่ายวันนั้นเขาเดินทางมาคุยกับที่บ้านและตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายรายละเอียดต่างๆ เสร็จสรรพในขณะที่ผมจัดจัดกระเป๋าและเดินทาง ผมจึงไม่ได้ทำอะไรเลย และการซื้อขายก็เกิดขึ้นขณะที่ผมทำภารกิจส่วนตัวที่ต่างจังหวัด การซื้อขายจบในตัวโดยที่ผมไม่ต้องต่อสู้กับคนข้างบ้านที่ชอบขัดขวางการขายตึกเพราะอยากมีที่จอดรถ และลูกค้าคนที่ติดต่อมานี้มีความตั้งใจเหลือล้นที่จะซื้ออย่างเจาะจงโดยไม่ฟังคำทัดทานของใคร (ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน)
“ตึกนี้ทำเลทองจริงๆ ด้วย แล้วผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากเลย
เมื่อถึงเวลาของมัน ผมแค่เอาป้ายไปติดและไปเอาป้ายออกเท่านั้นเอง”
ราคาที่ขายได้คือราคาในใจแต่แรกของที่บ้าน และทุกคนก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาตั้งแต่แรก อีกทั้งการที่ผมลืมโทรศัพท์ไว้ในตึกจนลูกค้าต้องโทรไปหาเพื่อนที่ไม่ยอมรับค่านายหน้าก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่ผมจะได้มีโอกาสได้โน้มน้าวเขาให้ยอมรับค่านายหน้าให้จงได้ เพราะคริสเตียนไม่ควรเอาเปรียบใคร ใครทำในส่วนของเขาก็ควรได้รับค่าตอบแทนนั้น และผมก็ได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าของเราก็แฟร์กับทุกคนจริงๆ และหลายครั้งเมื่อพระองค์ทำกิจของพระองค์มันจะง่ายยิ่งกว่าที่เราคาดคิดเสียอีก
“แผนงานความคิดเป็นของมนุษย์ แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระยาห์เวห์”
(สุภาษิต 16:1)
#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป ( <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward/ )
Related Posts
- Author:
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน