เผื่อใครที่จำชื่อเรื่องยาวๆ อย่างนี้ไม่ได้จนทำให้ไม่รู้ว่าบทความนี้เกี่ยวกับอะไรกันแน่ก็ขอให้ระลึกคีย์เวิร์ดอย่างน้อย 3 ข้อไว้ในใจก่อน เพราะมันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดที่ข้าพเจ้ากําลังจะกล่าวถึงต่อไป นั่นคือ
- การกลับมาของพระเยซู
- ความหวัง
- ชีวิตใหม่
การตกผลึกของหัวข้อจนกลายมาเป็นคำพยานนี้เกิดขึ้นเมื่อข้าพเจ้าได้อ่านอิสยาห์ 61 ซึ่งเนื้อหาส่วนที่ประทับใจอยู่ในข้อ 1-3 อธิบายโดยคร่าวคือพระเยซูอ่านข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ในธรรมศาลาพร้อมกับบอกไว้ว่าตนได้ทําให้ถ้อยคํานั้นเป็นจริงขึ้นแล้ว
ข้อพระคัมภีร์ส่วนที่ว่านั้นกล่าวว่า
พระวิญญาณของพระยาเวห์องค์เจ้าชีวิตอยู่กับผม เพราะพระยาเวห์ได้เลือกผม พระองค์ได้ส่งผมไปประกาศข่าวดีกับคนยากจน ไปรักษาจิตใจที่แตกสลาย ไปประกาศเสรีภาพให้กับเชลย และประกาศการปลดปล่อยให้พวกนักโทษ พระองค์ส่งผมไปประกาศปีแห่งความเมตตาของพระยาเวห์ และวันเวลาที่พระเจ้าของเราจะแก้แค้น ไปปลอบโยนทุกคนที่เศร้าโศกเสียใจ พระองค์ส่งผมให้เอามาลัยไปให้กับคนที่โศกเศร้าในศิโยนเพื่อใส่แทนขี้เถ้าบนหัว ใส่นํ้ามันแห่งความชื่นชมยินดีแทนชุดไว้ทุกข์ และให้ชุดงานเลี้ยงแทนจิตใจที่ท้อแท้ พวกเขาจะได้ชื่อว่าต้นโอ๊กแห่งความรอด ต้นไม้ของพระยาเวห์ที่แสดงว่าพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ (ฉบับเข้าใจง่าย)
ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับของประทานที่พระเจ้าได้มอบให้กับพวกเราเพื่อจะฟื้นฟูจิตวิญญาณที่เหี่ยวแห้งและเยียวยาหัวใจที่แตกสลาย ซึ่งของประทานนั้นก็หมายถึง พระเยซูผู้เชื้อเชิญให้เราแสวงหาความหวัง ซึ่งจะนําไปสู่ชีวิตใหม่ในพระองค์
______________________
ข้าพเจ้าเคยได้ยินพี่ในโบสถ์คนหนึ่งพูดในชั้นเรียนว่า
“คนเรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีความหวัง”
.
…
.
คุณคิดอย่างไรกับประโยคนี้? คิดว่าจริงไหม? ความหวังสําคัญกับชีวิตขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?
ข้าพเจ้าก็สงสัย จึงกลับไปถามตัวเองแล้วก็ได้คําตอบว่าจริง
.
ลองคิดง่ายๆ แบบไม่ซับซ้อนโดยการตอบคําถามด้วยคําถามแทน เช่นว่า
“ถ้าไม่มีความหวังที่ได้รับจากพระเยซู วันนี้ตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
.
พอลองถามอย่างนี้ก็ตอบได้แทบจะทันทีเลยว่า
“ไม่มีแล้วแน่นอน”
.
“ถ้าวันนี้ไม่มีความหวังจากพระเยซู ข้าพเจ้าก็ไม่เหลือความหวังในอะไรแล้วทั้งสิ้น”
.
ไม่รู้ว่าพี่น้องจะมีประสบการณ์กับความหวังในพระคริสต์กันแบบไหน
แต่สําหรับข้าพเจ้าแล้ว ความหวังนี้เป็นความหวังหนึ่งเดียวที่คอยกระซิบอยู่ข้างหูว่า
“จงหายใจเมื่อยังหายใจ”
.
ถึงรูปประโยคมันจะดูแปลกแต่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
.
…
เคยคิดกันไหมว่าการจะใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้แต่ละวันเหมือนกับภาระหนัก ข้าพเจ้าเคยคิดอย่างนั้นเพราะมองหาความดีงามในการมีชีวิตอยู่ไม่พบ แต่สิ่งที่พบแล้วแน่นอนบนโลกกลับเป็นความโหดร้ายของมนุษย์ อันที่จริงไม่จําเป็นต้องดูข่าวข้าพเจ้าก็รู้ว่ามนุษย์บนโลกโหดร้ายแค่ไหนได้ด้วยการสํารวจจิตใจของตัวเอง เคยสังเกตไหมว่าความคิดชั่ววนเวียนอยู่ในหัวแทบจะตลอดเวลา และเกิดขึ้นใหม่พร้อมกับที่ลืมตาตื่น ตอนที่ข้าพเจ้าเคยอ่านเจอข้อพระคำจากปฐมกาล 6:5 ก็ได้เข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกและเป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้คิดไปเอง เพราะพระเจ้าก็เห็นว่าความชั่วร้ายมีมากเต็มแผ่นดินและทรงรู้ว่าเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา
เช่นนั้นแล้วบทเรียนจากประสบการณ์ทั้งชีวิตที่เพิ่งใช้มาได้ไม่กี่ปีจึงสอนข้าพเจ้าว่าการใช้ชีวิตจําเป็นต้องมีความหวัง และความหวังแท้จริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้นคือ ความหวังจากพระเยซู
______________________
ก่อนเจอพระเจ้าและก่อนจะเชื่อในข่าวดีของพระเยซูคุณคาดหวังในอะไรกัน?
บางคนคาดหวังในดวงชะตา อนาคต โชคลาง บางคนคาดหวังในตัวบุคคล บางคนคาดหวังในตัวเอง—ข้าพเจ้าเป็นอย่างหลัง เพราะดวงชะตา อนาคต และโชคลาง ดูจะไร้สาระสําหรับข้าพเจ้า ส่วนความหวังในตัวบุคคลนั้นไม่ต้องพูดถึง ข้าพเจ้าผู้หวาดกลัวในมนุษย์เป็นทุนเดิมไม่เชื่อมั่นอะไรในใคร ทั้งสิ้น ซ้ำยังค่อนไปทางหวาดระแวงเสียอีก… ในเมื่อรู้ว่าไม่มีใครที่พึ่งพาได้ความหวังเดียวที่พอจะมองเห็นนั้นคือหวังในตัวเอง
ข้าพเจ้าในตอนนั้นหวังว่าตัวเองจะมีความสุขกับปัจจุบันให้ได้มากขึ้นอีกสักนิด ทั้งนี้ก็เพราะรู้ดีว่าความสุขอยู่เพียงชั่วคราว และระยะของมันก็สั้นเหลือเกิน การใช้ชีวิตจึงเป็นการวิ่งไล่ตามความสุขสบายที่มาแล้วผ่านไป ทุกอย่างมีบรรทัดฐานอยู่กับอารมณ์และความพอใจของตัวเอง ชีวิตประจําวันในปัจจุบันนั่นแหละเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุด แต่ความคิดใกล้เคียงสุขนิยมก็ทําให้ข้าพเจ้าเหนื่อยล้า
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพคงเหมือนกับการวิ่งระยะสั้นที่ต้องผ่านเส้นชัยหลายๆ จุด ข้าพเจ้ากระเสือกกระสนดิ้นรนไปจนถึงแต่ละเส้นชัยแล้วก็พบว่ายังไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสถ้วยรางวัลมันก็หล่นแตกไปเสียแล้ว หรือต่อให้บางเส้นชัยมีโอกาสสัมผัสถ้วยรางวัลก็เป็นเวลาเพียงพริบตาเท่านั้นก่อนที่มันจะบุบสลายไป—ข้าพเจ้าผู้วิ่งตามความสุขสบายแสนสั้นเป็นอย่างนั้น พยายามทําทุกอย่างเพื่อให้ได้สัมผัสความสบายใจแม้สักนิด ทว่าสุดท้ายก็กลายเป็นผู้แพ้บนโลกที่ไม่เคยง่าย
อาจเป็นเพราะมุมมองโลกไม่สวยจึงทําให้ข้าพเจ้าป่วย หรืออาจเป็นเพราะข้าพเจ้าป่วยจึงทําให้มุมมองต่อโลกดูไม่สวย ไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนกัน และอะไรเป็นสาเหตุของอะไร… แต่รู้ตัวอีกทีข้าพเจ้าก็ลาออกจากการเป็นผู้แพ้โดยเลือกที่จะไม่วิ่งต่อ
ข้าพเจ้าเข้าใกล้สภาวะไม่รับรู้ ไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่รับรู้รสชาติ ไม่รู้ว่าจะกินไปทําไม นอนไปทําไม ตื่นไปทําไม หนักเข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ทําไม…
การทรมานกับเวลาที่ผ่านไปและชีวิตที่พยายามใช้โดยไม่มีอะไรรออยู่ข้างหน้าทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจบตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน อาจเป็นเรื่องดีเสียอีกที่หยุดทุกอย่างไว้แล้วแตกดับไปอย่างเงียบๆ—ขณะนั้นความหวังในตัวเองที่เคยมีเพียงน้อยนิดได้สูญสิ้นไปกระทั่งข้าพเจ้ากําหนดลมหายใจสุดท้ายของตัวเองไว้โดยไม่มีการบอกลาใดๆ กับโลกที่แสนโหดร้าย แต่เรื่องก็ไม่ได้จบง่ายอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะแผนงานของข้าพเจ้าไม่ใช่แผนงานเดียวกับของพระเจ้า
…
.
พระเจ้าห่วงใยและตามหาข้าพเจ้า
ในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน พระองค์ได้มอบความหวังให้กับคนสิ้นหวังโดยผ่านทางพี่น้องที่โบสถ์ผู้ร่วมกันประกาศข่าวดีเรื่องของพระเยซูให้กับข้าพเจ้า จนตัวข้าพเจ้าเองได้พบกับ พระเยซูผู้เชื้อเชิญให้แสวงหาความหวังจริงแท้หนึ่งเดียว ซึ่งจะนําไปสู่ชีวิตใหม่ในพระองค์
ข้าพเจ้าจึงรับบับติสมาด้วยความหวังว่าพระเจ้าจะเปลี่ยนหัวใจของข้าพเจ้าใหม่ หวังว่าหัวใจใหม่นี้จะเป็นหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยยอมให้พระองค์เยียวยารักษา หวังว่าความเศร้าที่มีสามารถเปลี่ยนเป็นความยินดีได้อย่างที่พระองค์บอกว่าจะวางมาลัยไว้แทนขี้เถ้า และมอบชุดงานเลี้ยงให้แทนชุดไว้ทุกข์ หวังว่าพระเยซูจะกลับมาและในวันพิพากษาเราจะพบความรอด หวังว่าจุดหมายคือที่ทางในสวรรค์ เพราะเรายังมีการเดินทางที่ต้องไปต่อ หวังว่าชีวิตนิรันดร์จะหมายถึงความสุขที่ไม่มีวันหมดอายุ และสําคัญที่สุดคือหวังว่าพระเจ้าจะซื่อสัตย์ในคําสัญญาทั้งหลาย
______________________
เวลานี้ข้าพเจ้าได้ตอบรับคําเชิญของพระเยซูแล้ว ข้าพเจ้าแสวงหาความหวังนั้นและมีชีวิตขึ้นใหม่ในพระองค์ด้วยหัวใจของข้าพเจ้าที่กําลังเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยจากการฟื้นฟูและเยียวยาที่พระองค์กําลังสร้างขึ้นใหม่ตามระยะแผนงาน ซึ่งระหว่างนั้น พระองค์ก็เรียกใช้คนที่สร้างใหม่ยังไม่สมบูรณ์อย่างข้าพเจ้าให้มีส่วนร่วมในแผนงานของพระองค์โดยร่วมสร้างคุณๆ ทั้งหลายที่ยังไม่สมบูรณ์เช่นกัน
คุณมีความหวังอย่างนีี้ในใจแล้วหรือยัง?
หากคุณตอบรับคําเชิญและอยู่ในชีวิตใหม่ของพระเยซูแล้ว การส่งต่อข่าวดีเพื่อประกาศคําเชื้อเชิญอย่างที่เคยได้รับมาก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผู้หมดหวัง หรือผู้ตกอยู่ในความหวังจอมปลอมบนโลกได้พบกับความหวังแท้จริงและมีชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้ง
.
ขอชีวิตที่ยังใช้อยู่นี้มีเพื่อถวายเกียรติกับพระเจ้านะคะ
ด้วยความรัก ความเชื่อ และชูใจ
#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป ( <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward/ )
Related Posts
- Author:
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน