บทความนี้ใช้เวลาอ่าน ประมาณ 7 นาที
Money Series : เรื่องเงินนี่…ซีเรียส
“
เนื้อเรื่อง โดย : นายคนนั้น
การ์ตูน โดย : ลาเบย หัวใจติ่ง
”
ติดตามอ่าน Money Series ทุกตอนที่ผ่านมาได้ที่นี่ >>> https://choojaiproject.org/category/articles/experiment/money-series/
กระเป๋าสตางค์จำเป็นมากเหรอคะ? แต่ก่อนเมย์คิดว่าไม่นะ แต่เมย์คิดผิด…
(ขี้อวดซะมัด =_=)
(ต้องแบบนี้สินะ…ถึงจะเรียกว่าใช้เงินเป็น)
(นี่แหละน้าาา ที่เค้าว่า…เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย )
Money Tips : เทคนิคการเลือกกระเป๋าสตางค์ และการพกกระเป๋าสตางค์
กระเป๋าสตางค์เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการเงินเบื้องต้น การเลือกกระเป๋าสตางค์นั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ความชอบส่วนตัว และฟังก์ชันการใช้งานที่เราต้องการ สำหรับคริสเตียนการเลือกกระเป๋าสตางค์นั้นไม่ใช่การเสริมดวง ให้เงินไหลมาเทมา แต่เป็นเสริมบุคลิกภาพและเป็นการเสริมสร้างคุณลักษณะชีวิตให้รู้จักดูแลสิ่งที่พระเจ้าประทานให้อย่างสัตย์ซื่อในฐานะผู้อารักขาที่ดี
“ของมากมายเหล่านี้ทั้งสิ้น…มาจากพระหัตถ์ของพระองค์ และเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น” – (1 พงศาวดาร 29:16)
โดยทั่วไป ผู้หญิงมักใช้กระเป๋าแบบยาว สีสันและวัสดุมีหลากหลายตามความชอบ ขนาดของกระเป๋าทรงยาวจะไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่นัก เพราะปกติผู้หญิงจะมีกระเป๋าถืออยู่แล้วจึงสามารถใส่กระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าถือได้ ข้อดีของกระเป๋าทรงยาวก็คือ เงินไม่ยับ จัดเรียงแบงค์สะดวก ใช้งานง่าย และดูภูมิฐาน
ส่วนผู้ชายส่วนใหญ่มักจะเลือกกระเป๋าแบบสั้นที่พับได้ เพราะกะทัดรัดและดูทะมัดทะแมงกว่า สำหรับบางคนที่เลือกใช้กระเป๋าทรงยาว การออกแบบก็จะต่างกับของผู้หญิง ส่วนใหญ่จะทำจากวัสดุที่เป็นหนังซึ่งบ้างครั้งอาจดูซีเรียสไปนิดสำหรับคนลุยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสีดำที่มีความเป็นทางการมากๆ อาจเลือกใช้หนังสีน้ำตาล หรือหนังฟอกสีอื่นๆ ก็จะช่วยลดความทางการลงได้ (สำหรับคนทำงานที่ต้องแต่งตัวสุภาพกระเป๋าแบบยาวจะดูเหมาะสมกว่า และทำให้ดูเป็นมืออาชีพ) ไม่ควรใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ในกางเกง เพราะตามหลักการแต่งตัวที่ดีแล้ว ที่อยู่ของกระเป๋าสตางค์ควรเป็นกระเป๋าถือหรือเป้ ไม่ใช่กระเป๋ากางเกงเพราะจะทำให้เสียบุคลิกภาพ การใส่กระเป๋าสตางค์ในกางเกงจะทำให้ขาตุงดูไม่ดีเท่าไหร่ ยิ่งกระเป๋าสตางค์หนาๆ ยิ่งตุงเข้าไปใหญ่ อีกทั้งการใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ในกางเกงมักสร้างความไม่สะดวกสบาย จนทำให้หลายคนมักวางกระเป๋าสตางค์ไว้เรี่ยราดระหว่างวัน เพราะมันเทอะทะ ซึ่งทำให้ลืม หรือหายกันง่ายๆ ทีเดียว
ควรมีอะไรอยู่ในกระเป๋าสตางค์บ้าง?
- ควรพกเงินสดติดตัวเท่ากับจำนวนที่ใช้โดยเฉลี่ยต่อวัน บวกกับเงินฉุกเฉินอีกเล็กน้อย เพราะระหว่างวันอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องใช้เงินสดฉุกเฉินได้ แต่การเก็บเงินสดไว้ในกระเป๋ามากเกินไปก็มีข้อเสียคือ เสี่ยงกับการหาย และเสี่ยงต่อการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย อีกทั้งยังทำให้กระเป๋าอ้วนซึ่งเป็นเหตุทำให้ตัวกระเป๋าสึกหรออายุการใช้งานน้อยลง
- บัตรที่จำเป็น ไม่ควรเกิน 5 ใบ ได้แก่ บัตรประชาชนหรือใบขับขี่ (หรือบัตรที่ราชการออกให้), บัตรประกันสุขภาพ (กรณีต้องเคลม), บัตร ATM, เครดิตการ์ด, บัตรเดินทางสาธารณะ และอาจเพิ่มบัตรที่ใช้ประจำ เช่น บัตรสะสมร้านกาแฟประจำ บัตรสมาชิกบางอย่าง ที่จำเป็น แต่ไม่ควรเก็บทุกบัตรเอาไว้ให้รกและเป็นการล่อลวงให้ใช้เงินโดยใช่เหตุ
- ควรมีถุงใส่เหรียญแยกต่างหาก เพราะการใส่เหรียญจำนวนมากทำให้กระเป๋าหนักบวม และทำให้กระเป๋าและสิ่งของในนั้นเสียหาย หรือสำหรับผู้ชายที่ชอบความสะดวกก็อาจหากระเป๋าที่มีซิบใส่เหรียญ ไว้เก็บเงินทอนระหว่างวันและเผื่อสำหรับต้องใช้เหรียญสักเล็กน้อย
- หมั่นเคลียกระเป๋าสตางค์ นำบิลต่างๆ หรือนามบัตรที่ได้รับออกไปเก็บให้เป็นที่ เช่นในกล่องบิล หรือสมุดเก็บนามบัตร เพื่อเวลาที่ต้องการหาข้อมูลเหล่านั้น หรือทำบัญชีจะได้สะดวกและไม่เป็นภาระที่จะต้องแบกเศษกระดาษติดตัวโดยไม่จำเป็น
ทำไมคริสเตียนต้องเอาใจใส่เงินเล็กๆ น้อยๆ
การเอาใจใส่เงินทองที่มีอยู่ในมือของเราไม่ใช่การคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงิน แต่เป็นการที่เราเอาใจใส่สิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้เราดูแล “ในฐานะผู้อารักขาที่ดี” การฝึกฝนดูแลสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้ดีย่อมเป็นการสร้างรากฐานที่เข้มแข็งสำหรับการดูแลสิ่งใหญ่ๆ
คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ เยซูคริสต์ได้พูดถึงเศรษฐีกับทาสทั้ง 3 คน (มัทธิว 25:14-30) เมื่อเศรษฐีซึ่งต้องเดินทางไปต่างเมืองเป็นเวลานานได้มอบทรัพย์สมบัติเป็นเงินตะลันต์ให้ทาสทั้ง 3 ดูแลตามความสามารถของแต่ละคน เพราะอย่างนั้นทาสทั้งสามย่อมไม่ใช่เจ้าของเงินแต่เป็นเพียงผู้ดูแลจัดการเงินเหล่านั้น ในที่สุดเมื่อเศรษฐีกลับมาจากการเดินทาง ทาสที่สัตย์ซื่อดูแลเงินจนเกิดดอกออกผลก็ได้รับคำตอบว่า “ท่านเป็นทาสที่ดีและสัตย์ซื่อ เราจะตั้งให้ท่านดูแลของใหญ่ขึ้น และจงเปรมปรีดิ์กับนายของท่านเถิด” (มัทธิว 25:21) แม้คำอุปมานี้จะหมายความถึงการทำภารกิจหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำในโลกนี้ก่อนจะถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาให้ดีที่สุด แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ยังคงหมายถึงคุณค่าของสิ่งเล็กน้อยที่พระเจ้าประทานมาให้เราดูแลด้วย นั่นก็คือเงินทองและทรัพย์สินทั้งสิ้น
การที่เราสัตย์ซื่อและดูแลสิ่งเล็กน้อยอย่างเช่นเศษเหรียญ ก็เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการดูแลอารักขาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ทั้งชีวิตของตัวเอง ครอบครัว และธุรกิจหน้าที่การงานในอนาคต เพราะคนที่ดูแลสิ่งเล็กน้อยได้ดีก็มีแนวโน้มที่จะดูแลสิ่งใหญ่ได้ดีด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างเช่นชีวิตของโยเซฟ ที่นอกจากมีความเชื่อแล้ว เขายังดูแลทรัพย์สินและการงานของเจ้านายอย่างดี ตั้งแต่การดูแลครอบครัวพี่ญาติน้อง จนถูกขายไปเป็นทาสดูแลการงานในบ้านของโปทิฟาร์ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นสูงในอียิปต์ ต่อมาก็ทำการดูแลงานในคุกให้กับพัสดี และจนถึงการดูแลประเทศอียิปต์ในฐานะอุปราช แน่นอนว่าสิ่งที่เขาดูแลนั้นไม่ใช่ของเขาเลย แต่พระเจ้าก็ทรงอวยพรเขาให้เติบโตก้าวหน้าขึ้นไปอีกเรื่อยๆ การการอารักขาสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และชีวิตที่มีความพร้อมในการทำงานใหญ่โตจากบททดสอบเล็กๆ เช่นเดียวกัน (อ่านเพิ่มเติมใน ปฐมกาล 37-50)
“มาเริ่มดูแลสิ่งเล็กน้อยที่พระเจ้ามอบไว้ให้กับเราวันนี้ เพื่อการเป็นผู้อารักขาที่ดีของพระองค์กันเถอะ”
ติดตาม Money Series : เรื่องเงินนี่…ซีเรียส! Ep. ต่อไปได้ในวันพฤหัสหน้า แล้วเรามาร่วมลุ้นกันว่าหนูเมย์จะทำยังไงต่อไป พร้อมกับ Money Tips ที่จะช่วยให้เราจัดการการเงินได้ดีขึ้นจ้าาาาาา ^^
Related Posts
- Author:
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
- Illustrator:
- ลาเบย (Labiere)
- จับงานวาดมาตั้งแต่มัธยม จบออกแบบมาก็ยังวาดไม่ยั้ง ยังอยู่ร่วมกันในแวดวงงานรับใช้ไม่เคยหาย พร้อมๆกับความฝันในงานมิชชั่นนารี
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน