บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 7 นาที
…
ตอนเด็กๆ ชอบวันอะไรที่สุดกันครับ? ผมชอบวันคริสต์มาสเพราะว่ามันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมากๆ ระหว่างเทศกาล งานรื่นเริง ความบันเทิง ความฝัน ความหวัง และการพักผ่อน
เป็นช่วงที่โรงเรียนจะหยุดยาวที่สุด และก่อนหยุดเราจะมีงานฉลองก่อนด้วย อากาศก็เริ่มเย็นพอดี ไปโรงเรียนสายหน่อยคุณครูก็ไม่ดุ แถมพอไปก็ไม่มีเช็คชื่อ เดินชมนกชมไม้ได้อีกยาว แล้วก็มีการแสดงให้ดู มีเพลงคริสต์มาสให้ฟัง ซ้ำยังได้ของขวัญอีกแน่ะ เรื่องบรรยากาศนี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะแทบทุกคนอินกับคริสต์มาส ใส่เสื้อกันหนาวราวกับว่าที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย บางคนใส่ถุงมือ ผ้าพันคอจัดเต็ม ช่วงที่ผมชอบคือเวลาไปนั่งตากแดดที่ม้านั่งตัวยาวนอกห้องแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนที่มานั่งรับลมเหมือนกัน รอยยิ้มโดยไม่ต้องพูดอะไรแบบนั้นมันจะเกิดเฉพาะช่วงคริสต์มาสเท่านั้นแหละ แล้วพอเรายิ้มให้กันแล้วเผลอหัวเราะ มันก็จะมีไออุ่นๆ ออกมาเป็นควัน
แต่จากที่เคยพ่นควันไอออกจากปากอย่างเป็นสุขก็กลายเป็นว่าพ่นคำบ่นออกมาแทน จำไม่ได้เหมือนกันว่าคริสต์มาสกลายเป็นยาขมไปตั้งแต่เมื่อไหร่… ก็น่าจะตอนมาเป็นคริสเตียนนี่แหละที่คริสต์มาสเปลี่ยนไปเป็นช่วงที่มีประชุมถี่ๆ มีการคุยเรื่องเงินเรื่องงบ คุยเรื่องปัญหานู่นนี่ เตรียมงานซะเหนื่อย แล้วก็ต้องทนฟัง feedback กลายเป็นว่าต้องมานั่งบ่นทุกปีว่า “ปีหน้าไม่เอาแล้วนะ” แต่พอคิดแบบนั้นผมก็นึกถึงคำพูดของคนบางคนขึ้นมา…
.
1.
ถ้าเริ่มคิดว่าไม่เอาแล้วนะ…ให้คิดถึง ศบ. สไปเดอร์แมน
ผมบ่นทุกปีแบบนี้…บ่นทีไรก็จะนึกถึงอดีต ศบ. คนหนึ่ง ผมยังจำได้ถึงตอนที่ผมจัดเวทีที่โบสถ์ ซึ่งเพดานสูงมาก จึงทำให้การจัดสถานที่เป็นเรื่องยากนิดหน่อยตรงที่ผมต้องมานั่งต่อนั่งร้านสูงๆ
ตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นเป็นสไปร์เดอร์แมนชอบปีนชอบป่าย แต่พอโตมาผมกลับเกลียดการต่อนั่งร้านเพราะมันเนื้อยเหนื่อย แล้วตัวเองก็ไม่ค่อยชอบความสูงซักเท่าไหร่ แต่ด้วยงานที่กำลังทำผมเลยจำเป็นต้องต่อนั่งร้านอย่างน้อยถึง 3 ชั้น เพื่อให้ได้ติดพวกโมมายกับสายไฟกระพริบระโยงระยางทั้งหลาย
บ่ายวันหนึ่งขณะที่ผมห้อยอยู่บนนั่งร้านด้วยความเหนื่อยและเบื่อ ศบ.ของผมก็เดินเข้ามาก่อนจะปีนขึ้นบนนั่งร้าน พอเห็นแบบนั้นทุกคนในห้องก็ดูขยันขึ้นมาทันที ส่วนผมก็ได้แต่ตกใจเมื่อเห็นแกปีนตามขึ้นมา
“มาผมช่วย”
นี่เป็นประโยคสั้นๆ ที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลย
เมื่อศิษยาภิบาลของคุณอยู่บนนั่งร้านและยื่นมือมาที่คุณ คุณก็จะอึ้งนิดหน่อยแล้วทำอะไรต่อไม่ค่อยถูก ผมยื่นดาวประหลาดส่งให้และมองดูอาจารย์ปีนขึ้นไป ณ จุดที่สูงที่สุด ด้วยความสูงของเวทีเมตรกว่าๆ บวกกับความสูงของนั่งร้านอีก 3 ชั้น ขนาดผมยังขาสั่นด้วยความเก่าของนั่งร้านที่เขรอะสนิมและโยกเยก พออาจารย์แกปีนขึ้นไปอีกเรื่อยๆ สมาชิกที่มุงดูอยู่ข้างล่างก็อดอกสั่นหวั่นไหวใจไม่ได้ ภาพที่ผมเห็นตอนนั้นมันโคตรทรงพลัง เพราะตราบใดที่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำกำลังทำงานที่ยากที่สุดอยู่ ผู้ตามที่มองดูก็จะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่เหมือนกัน
“แกทำมาตั้งแต่เป็นอนุชนแล้ว” พี่คนหนึ่งเดินมาข้างนั่งร้าน แล้วยืนพักขาท่าเท้าสะเอว เสียงพูดจากเบื้องล่างบอกผมแบบนั้น ในขณะที่ผมได้แต่เงยหน้ามอง ศบ. สไปเดอร์แมนของผมอยู่ นึกขึ้นได้ว่านอกจากแกจะปีนนั่งร้านแล้วแกก็ยังเคยช่วยยกเวที ปีนขึ้นบันไดไปติดนู่นนี่อยู่เสมอ และในเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำกำลังทำสิ่งทั้งหมดนี้โดยไม่เคยบ่น ผู้ตามอย่างผมก็จะบ่นไม่ได้เช่นกัน (แม้ว่างานของผมจะน่าเบื่อขนาดไหนก็ตาม)
.
2.
จงยกโล่ขึ้นปกป้องทีม ศบ. กัปตันอเมริกา บอกไว้อย่างนี้
ผมไม่ชอบเลยที่ต้องทำงานหนัก แต่ ศบ.ของผม ชอบมาก เชื่อไหมครับเวลาที่เรากำลังรู้สึกว่างานที่ออกมาไม่ค่อยดี แต่ ศบ.กลับเดินมาดูแล้วบอกว่า “ดีมากทำต่อไปนะ” งานที่ไม่ค่อยดีก่อนหน้านี้มันก็จะดีขึ้นมาทันที
ไม่นานนักหลังจากศบ.สไปร์เดอร์แมนไปเรียนต่อ เราก็มีศบ.คนใหม่ ซึ่งมาในมาดของนักธุรกิจ
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์คนนี้มีไลฟ์สไตล์ที่ต่างไปจากคนก่อน อารมณ์ประมาณนักธุรกิจชอบตีกอล์ฟ พูดคุยกับผู้คน ระดมทุน และระดมคน แต่แกไม่ใช่สไตล์ปีนขึ้นนั่งร้านมาช่วยแน่… แล้วปีนั้นก็เป็นปีที่เรามีงบอาหารเย็นสำหรับทีมงาน เพราะแกจัดงบประมาณรวมเข้าไปกับสถานที่แถมยังซื้อของว่างรอบดึกอย่างปาท่องโก๋มาให้ทุกวัน แกบอกกับผมว่าคนทำงานต้องได้รับการดูแลอย่างดี ปีนั้นงบประมาณเลยสูงกว่าปีก่อนๆ แต่แกก็ช่วยระดมทุนมาได้ก้อนใหญ่ทีเดียว
“ถ้ามีใครมาบอกกับผมว่าไม่ชอบงานตรงนั้นตรงนี้ ผมจะบอกกับเค้าว่า แต่ผมชอบมาก” นี่คือประโยคที่ ศบ. บอกตอนประชุมกรรมการ และเวลานึกถึงเรื่องนี้ทีไรผมจะนึกถึงกัปตันอเมริกาเสมอ เพราะเขาชอบที่จะปกป้องเราทุกคน
“ทำไมอาจารย์ชอบปกป้องทีมงาน?” มีคนถามแกแบบนี้บ่อยๆ และผมก็เคยถามแบบนี้เหมือนกัน
“ก็เพราะมันเป็นหน้าที่ของผม คุณเองก็มีหน้าที่ปกป้องทีมงานเหมือนกัน” ถ้าเรามอบหมายงานให้ใครแล้ว เราก็ต้องไว้ใจเขาและเชื่อว่าเขาทำได้ เขาจึงจะพัฒนาขึ้นได้อีก
“ครับ”
“ต้องเห็นด้วยกับทีม เพราะทีมต้องการการสนับสนุนจากเรา เข้าใจนะ”
“เข้าใจครับ กำลังใจสำคัญที่สุด”
กำลังใจมีค่ามากกว่ากำลังทรัพย์ แกสอนผมว่าอะไรก็ตามที่ผ่านที่ประชุมมีค่าเท่ากับเราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ดังนั้นถ้ามี feedback ลบๆ เข้ามาก็จงบอกว่าสิ่งนั้นเป็นมติของทีมงาน และให้ทำอะไรที่ทำอยู่ต่อไป เพราะกำลังใจเป็นเรื่องที่ต้องมีในปีนี้ ส่วนการปรับปรุงเป็นเรื่องของปีหน้า ถ้างานจบแล้วประเมินเรียบร้อยมีอะไรต้องปรับปรุงจริงๆ ก็ให้บันทึกไว้
หลายครั้งการทำงานเป็นทีมมีปัญหาเพราะเราไม่ซัพพอร์ตกันและกัน มันทำให้เกิดการพูดลับหลัง ทำลายทีมเวิร์ค และความเชื่อใจ ผมเองก็เคยเป็นส่วนนั้น ถ้าเราไปเห็นด้วยเออออกับคนที่มาเสนอไปซะหมด เค้าก็จะไปพูดต่อว่าเราก็เห็นด้วยกับเขา ความคิดเห็นเป็นเรื่องที่แต่ละคนมีไม่ตรงกันอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเราไม่มีจุดยืนที่ยึดมั่นในทีมแล้วความเห็นลบในใจกระจายออกไปถึงอีกบุคคลก็อาจทำให้เกิดความหมางใจกับคนในทีมเปล่าๆ
.
3.
สงครามฝ่ายวิญญาณของ ศบ.ด็อกเตอร์ สแตน
“ขอให้ทุกคนทำให้เต็มที่ แล้วพี่จะคอยอธิษฐานเผื่อ”
อาจารย์คนนี้มาสายโฮลี่สุดๆ แกเน้นทำสงครามฝ่ายวิญญาณ ทุกวันแกจะอธิษฐานเผื่อเราอยู่ในห้องทำงานกระจก และเดินมาอธิษฐานเผื่อใกล้ๆ มาพูดคุยกับคนที่ทำงานและอยู่ด้วย แกจะไม่ได้พูดเรื่องงานเลยแต่พูดคุยถึงชีวิตของเรา สบายดีไหม? หนักใจอะไรไหม? แกชอบถามว่ามีอะไรให้อธิษฐานเผื่อไหม แล้วก็เล่าให้ฟังว่าปัญหาถูกแก้ไขอย่างไร ในอดีตพระเจ้าอวยพรยังไง
แกเป็นที่รักของผู้ใหญ่และคนภายนอกมาก ปีนั้นมีของขวัญและของถวายมากมายจนเราแจกแทบไม่หมด โดยที่มีงบไม่เยอะ ผมว่าการอธิษฐานเผื่อนั้นสำคัญมากเลย ผมอาจไม่ได้เห็น ศบ.คนนี้ ปีนนั่งร้าน หรือ ระดมทุนให้กับเราก้อนใหญ่ๆ แต่สงครามฝ่ายวิญญาณอีกด้านที่เรามองไม่เห็นก็เป็นสิ่งสำคัญ และแกเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านนี้
ไฟในห้อง ศบ.เปิดอยู่เสมอเวลาที่ผมกลับลงมาจากการเตรียมงาน เวลาผมเข็นรถมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าห้องจะเห็นสีหน้าเคร่งเครียดนั้นกับเอกสารหรือหนังสืออยู่ตลอดเวลา
เราต้องการอะไรจากผู้นำกัน เราต้องการต้นแบบในการรับใช้? เราต้องการการสนับสนุนที่เต็มที่? หรือเราต้องการความห่วงใยเอาใจใส่? จริงๆ เราก็ต้องการทุกอย่างแต่แน่นอนแต่ละอาจารย์ก็มีให้เราไม่เท่ากันโดดเด่นด้านใครด้านมัน ผมนึกถึงตอนที่อิสราเอลต่อสู้กับคนคานาอันเพื่อเข้าแผ่นดินแล้วโมเสสยืนชูไม้เท้าอยู่บนภูเขา… ขอแค่หันไปมองแล้วได้เห็นอย่างนั้นก็มีกำลังใจแล้วล่ะ
…
ครอบครัวของพระเยซู อาจต้องเหนื่อยหน่อยในวันเกิดของพระเยซูแต่นั่นเป็นเรื่องที่ดี
เราเหนื่อยด้วยกัน แบ่งเบาภาระซึ่งกันและกันเพราะว่าเราเป็นเจ้าภาพไงล่ะ … ผมนึกถึงวันเกิดของผมเอง จำได้ว่าที่บ้านวุ่นวายขนาดไหน ต้องมีคนไปซื้อเค้ก มีคนทำอาหาร ทุกคนออกไปซื้อของขวัญมา แต่ผมไม่ต้องทำอะไรเลย หรือกระทั่งเวลาที่ผมไปงานวันเกิดของเพื่อน ผมก็จะไม่เหนื่อยอีกเหมือนกันเพราะตัวเองเป็นแขก
จะมีสักกี่วันในรอบปีที่ผู้คนมากมายยินดีที่จะมานั่งฟังเรื่องของพระเยซูที่เกิดมาเพื่อเขาแบบเตรียมตัวมาอย่างดี? ก็น่าจะมีคริสต์มาสนี่แหละที่เป็นวันหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงเราก็ไม่รู้หรอกนะว่าพระเยซูเกิดวันไหนกันแน่ แต่ที่แน่ใจได้ก็คือพระเยซูเกิดมาเพื่อเราจริงๆ
สุดท้ายคริสต์มาสก็ยังเป็นคริสต์มาส … แม้ว่าเราจะแลกของขวัญได้อะไร แต่พระเจ้าก็มีของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดให้เราอยู่ดี
สุดท้ายคริสต์มาสก็ยังเป็นคริสต์มาส … แม้ว่าเราจะตกแต่งแสงไฟตามถนนให้สว่างสวยงามแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรสว่างไสวไปกว่าความหวังของผู้คนที่กำลังจะได้พบพระเจ้า
สุดท้ายคริสต์มาสก็ยังเป็นคริสต์มาส … แม้ว่าจะเป็นวันเกิดของพระเยซู แต่คนที่เติบโตขึ้นอีก 1 ปีก็คือตัวของเราเอง
“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก…จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียว
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” – (ยอห์น 3:16)
สุขสันต์วันคริสต์มาสเรื่อยๆ ไป ครับ ^^
Related Posts
- Author:
- คริสต์เตียนธรรมดาที่ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวกับงาน Event แบบคริสต์ๆ มานับไม่ถ้วน จนได้เรียนรู้ว่าการทำกิจกรรมไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เค้าเติบโต แต่การได้รู้จัก ความรัก ความเจ็บปวด การถ่อมใจ และการให้อภัย ผ่านการทำกิจกรรมพวกนั้นต่างหากล่ะ :)
- Illustrator:
- Narit
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน