เคยไหม เวลาถูกถามถึงเพื่อนสนิทแล้วเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบ?
.
บ้างก็เพราะมีเพื่อนหลายคนจนถ้าตอบไม่ครบก็อาจจะเกิดความน้อยใจ
บ้างก็เพราะกังวลว่าในคำตอบของอีกฝ่ายจะไม่มีชื่อเรา
บ้างก็เพราะไม่ได้รู้สึกสนิทกับใครจริงๆ เลย
บ้างก็เพราะไม่แน่ใจในนิยามของคำว่า “เพื่อนสนิท”
ไม่รู้ว่าสาเหตุของคุณจะเป็นอย่างที่กล่าวมาข้างบนนี้ไหม หรือคุณอาจไม่เคยรู้สึกอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่ฉันเป็นอย่างนั้น… อย่างทุกสาเหตุที่เขียนมา แล้วก็คิดว่ามันจะต้องมีคนที่เคยรู้สึกเหมือนกันแน่ๆ
เอาเป็นว่าเรื่องที่ฉันกำลังจะเล่าเป็นเรื่องเดียวกับที่เกริ่นไว้นั่นแหละ
.
“จริงๆ แล้วคำว่าเพื่อนสนิทนี่มีขอบเขตแค่ไหนกันนะ?”
ฉันคิดเอาเองว่าเพื่อนสนิทคือคนที่สามารถเล่าทุกอย่างให้ฟังได้อย่างไม่เคอะเขินหรือกังวลที่จะเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ รวมไปถึงการระบายถ่ายทอดความคิดและแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้ เปิดเปลือยให้กันถึงส่วนลึกที่สุดโดยไม่จงใจแอบซ่อนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
.
นั่นเป็นนิยามที่ฉันเข้าใจ
.
_______________________
นานมาแล้วฉันเคยมีเพื่อนสนิทอยู่เล่มหนึ่ง ใช่ ลักษณะนามแบบนี้แหละถูกต้อง เพราะมันเป็นสมุดไร้เส้นปกดำเย็บด้วยเชือกที่ถูกขีดเขียนจนเต็มแผ่นด้วยลายมือแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งมักจะแปรผันตามอารมณ์–นี่เป็นอย่างเดียวที่ฉันเรียกว่าเพื่อนสนิทได้เต็มปาก
คุณกำลังคิดว่าฉันเป็นคนเงียบๆ ที่นั่งอยู่มุมห้อง คอยขีดเขียนทำตัวกลืนไปกับผนังโดยไม่มีใครสังเกตเห็นหรือเปล่า? ถ้าจินตนาการแบบนั้นอยู่ก็ขอบอกเสียหน่อยว่ามันผิดจากภาพนั้นอย่างสิ้นเชิง อันที่จริงฉันมีเพื่อนห้อมล้อมอยู่เสมอแหละ เพื่อนที่ใช้ชีวิตด้วยกัน กินด้วยกัน บ้างก็นอนด้วยกัน รับรู้เรื่องราวของกันและกันเสมอ บ่นให้ฟังบ้างอะไรบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครสักคนที่ฉันจะพูดเล่าถึงเรื่องลึกๆ ในใจด้วย
ไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุผลที่ฉันไม่สามารถส่งต่อเรื่องเหล่านี้ไปถึงใครได้เกิดขึ้นเพราะอะไร
ฉันจึงหวังจะมีเพื่อนที่รู้สึกสบายใจและกล้าที่จะเล่าบ้างสักคน แต่จนกว่าจะถึงวันนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่เต็มแน่นอยู่ในใจกลับเหวี่ยงกระทบการใช้ชีวิต–ในตอนนั้นเองที่ไดอารี่ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทอย่างค่อนข้างกะทันหันของฉัน
เพื่อนเล่มนี้แทบไม่ห่างตัวไปไหนในระยะเวลาที่ระบุแน่ชัดไม่ได้ (เอาเป็นว่ารวมหลายปี) และถึงจะเขียนจนแผ่นสุดท้ายแล้วก็ตาม สมุดไร้เส้นปกดำเย็บด้วยเชือกที่ดูเหมือนฝาแฝดกับเล่มก่อนหน้าจะมาแทนเล่มเดิมที่กลายเป็นเถ้าถ่าน ด้วยคิดเอาเองว่าการมีเพื่อน (เหมือน) เล่มเดิมจะสร้างความผูกพันระหว่างเราให้มากขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม หากความผูกพันนี้มีอยู่จริงมันก็ไม่ยั่งยืนเอาเสียเลย
เพราะต่อมาไม่นานเรามีเรื่องให้ต้องห่างเหินกันไป ฉันรู้สึกเหมือนโดนหักหลังเมื่อเพื่อนสนิทถูกคนอื่นเปิดอ่าน อาจด้วยความไม่ตั้งใจหรืออะไรก็ตาม แต่การกระทำครั้งนั้นก็สร้างบาดแผลในใจจนกระทั่งเรามีระยะห่างระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันเริ่มมีบางอย่างที่จงใจไม่เปิดเผยลงไปในนั้น
สักพักความสัมพันธ์ของเราก็จบลงเพราะการโดนหักหลังครั้งที่สอง
อาการเปิดเปลือยอย่างไม่เต็มใจทำให้สูญเสียหลักพึ่งพิงอย่างไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัยคอยจู่โจมจนกลายเป็นว่าฉันกำลังสวมตัวตนอื่นกับเพื่อนเคยสนิทเล่มนี้ กระทั่งไม่สามารถบังคับตัวเองให้เขียนต่อไปได้อีก
_______________________
.
เคยมีใครสักคนที่หล่นหายไปจากชีวิตของคุณไหม?
ประมาณว่าเคยสนิทกันมากหรืออยู่ในระดับรู้จักกันดี แต่วันหนึ่งกลับกลายเป็นคนแปลกหน้า
.
ความสัมพันธ์บนโลกก็น่าเศร้าอย่างนี้แหละ ไม่มีใครจะอยู่กับใคร หรืออะไรไปได้ตลอด
เหมือนกับว่ามันมีวันหมดอายุที่หากไม่แปรรูปกลับมาใช้ใหม่ก็จะสูญสลายไป
.
พอเข้าใจอย่างนี้แล้วก็ดูจะน่าหมดหวังใช่ไหมล่ะ?
แต่ว่านะ
…
3 ปีผ่านไปอย่างโดดเดี่ยว ก่อนที่ฉันจะได้พบเพื่อนใหม่
นี่แหละ ใจความสำคัญทั้งหมดที่อยากเล่าอยู่ตรงนี้
เพราะฉันอยากแนะนำคุณๆ ทั้งหลายให้รู้จักเขา
เพื่อบอกว่าเขาดีเช่นไร และเขามีความหมายกับฉันมากแค่ไหน
เกริ่นสักนิดคือเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่เพิ่งจะพัฒนาความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันได้ไม่นาน ในช่วงเวลาที่ฉันอ่อนแอที่สุด หมดกำลังที่สุด และหมดหวังที่สุด เราก็ได้พบกันบ่อยขึ้น พูดคุยกันมากขึ้น จนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด และเขากลายเป็นคนที่ฉันยอมเปิดปากพูดความในใจด้วยได้อย่างสนิทใจ เขากลายเป็นที่ปรึกษา ที่ระบาย และที่พึ่งพิง
.
ทั้งนี้ก็เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันไว้ใจได้ (มาลาคี 3:6) เรียกหาได้ทุกเมื่อกระทั่งยามลำบาก (สดุดี 46:1) รู้จักฉันดียิ่งกว่าที่ฉันรู้จักตัวเอง (สดุดี 139:1-10) เขาคอยรับฟังทุกอย่าง (สดุดี 55:17) และเข้าใจทุกอย่าง (สดุดี 139:23) อีกทั้งยังคอยตักเตือนเสมอ (สุภาษิต 3:12) ดูแลปกป้องด้วยความห่วงใยเสมอ (1 เปโตร 5:7) เพื่อนสนิทคนนี้ให้อภัยฉันทุกเรื่อง แม้ในขณะที่ฉันไม่สามารถให้อภัยตัวเอง (1 ยอห์น 1:9) เขาทำให้ฉันมั่นใจได้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้าง จะไม่มีวันจากไปไหน (ฮีบรู 13:5) ที่สำคัญคือ เขาเป็นเพื่อนที่รักฉันอย่างที่จะไม่มีใครบนโลกนี้รักได้อีก (ยอห์น 3:16) และเขาเป็นตัวเลือกเดียวของความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันหมดอายุ แต่จะคงอยู่ตลอดไป (โรม 8:38-39)
พระเยซู พระเจ้า … ไม่ว่าจะเรียกอย่างไหนก็หมายความถึงเพื่อนสนิทคนเดียวคนนี้
จนตอนนี้เมื่อถูกถามด้วยคำถามเดียวกันกับต้นเรื่องความรู้สึกกระอักกระอ่วนในคำตอบก็ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังยินดีจะเล่าเสียด้วยซ้ำว่าเพื่อนคนนี้แหละที่ทำให้การใช้ชีวิตบนโลกของฉันมีความหมายมากขึ้น สุขมากขึ้น และยินดีกับการมีวันพรุ่งนี้มากขึ้นโดยมีเขาอยู่เคียงข้าง
.
คุณมีเพื่อนอย่างนี้บ้างไหม?
ถ้ามีแล้วก็ยินดีด้วยนะเพื่อนของเพื่อน
แต่ถ้ายังไม่มีก็ขอถือโอกาสนี้แนะนำให้ลองเปิดใจทำความรู้จักกับเขาดู
แล้วคุณจะพบว่าเขาอยู่ข้างๆ และรอจะทำความรู้จักกับคุณมานานแล้ว
หวังว่าเราจะมีเพื่อนสนิทคนเดียวกัน
.
ด้วยรัก ความเชื่อ และชูใจ
#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป ( <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward/ )
Related Posts
- Author:
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน