ต้นเรื่อง: Chevy
ความเดิมตอนที่แล้วจากที่ผมจบเรื่องไว้ด้วยการเดินทางขึ้นเครื่องบินเพื่อไปสิงคโปร์
.
ตัดภาพมาตอนนี้ผมก็อยู่สิงคโปร์แล้วครับ
จริงๆ นะ เวลามันผ่านไปเร็วมาก (แน่สิ ก็จากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์มันแค่ชั่วโมงเดียวเอง) และเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ออกนอกประเทศพอลงเครื่องย่างเท้าเข้าสู่สนามบินก็ตื่นเต้นเลย ประทับใจไปหมดทุกอย่างตั้งแต่พนักงานตรวจกระเป๋าสูงอายุที่พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงจีนให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอาม่าอากงมาด้วย ไปจนถึงตัวสนามบินที่มีขนาดใหญ่มากๆ ใหญ่จนหลงทาง กว่าอาสากับสตาฟ YFC (องค์การเยาวชนไทยเพื่อพระคริสต์) จะรวมตัวกันครบเลยกินเวลาพอสมควร
รวมตัวทักทายอะไรเรียบร้อย ทีมจากสิงคโปร์เดินทางมารับพวกเราไปที่พัก… ใครอ่านตอนที่แล้วก็จะรู้ว่าผมค่อนข้างมีปัญหาเรื่องเงิน แต่อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละ การเดินทางมาคราวนี้เป็นไปด้วยพระคุณจริงๆ ถ้าพระเจ้าจะให้ไป พระองค์จะเปิดทางให้ อย่างที่พักนี้ก็รู้เลยว่าพระเจ้าจัดเตรียมให้ คือไม่เสียเงินซักบาท สภาพบ้านพักดีมาก สะดวกสบายกว้างขวาง แล้วยังเป็นปีแรกที่อาสากับสตาฟไทยได้นอนรวมกันแบบไม่ต้องแยกบ้านอีกด้วย นับว่าอุ่นใจผมมากครับ
พูดถึงเรื่องที่มาดูงานเพื่อเป็นแนวทางในการประกาศเสียหน่อย กิจกรรมของ YFC สิงคโปร์ที่ผมมาเข้าร่วมนี้มี 11 วัน โดย 2 วันแรกเป็นกิจกรรมเกม (Play Max) ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมเพื่อจะต่อยอดสู่การประกาศ เรียกได้ว่าอลังการงานสร้างใช้พื้นที่เล่นเกมนี้ทั่วเกาะสิงคโปร์เลยทีเดียว เขาจัดกันยิ่งใหญ่จริงจังมาก เตรียมการมาร่วม 2 ปี ใช้ทีมงานกว่า 100 คน และตัวผมก็เป็นหนึ่งในทีมงานนั้นด้วย
หน้าที่ของผมในฐานะทีมคือแสดงประกอบเหตุการณ์ในเกมให้บรรยากาศดูสมจริงมากขึ้น ซึ่งก่อนวันจริงทีมแสดงเราได้ซ้อมและอธิษฐานร่วมกัน
“แม้เราจะเป็นส่วนที่ไม่ได้มีฉากเด่นแบบตัวเอกในหนังใหญ่ อาจเป็นเพียงตัวประกอบที่อยู่ในฉากแค่ 5 วินาที แต่ความจริงคือไม่ว่าเราจะทำสิ่งเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหน เราทุกคนในทีนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่จะขาดใครซักคนไปไม่ได้ เราอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อถวายเกียรติกับพระเจ้าและเพื่อคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าจะได้รับความรอด”
ประโยคเหล่านี้ของผู้นำอธิษฐานสัมผัสใจผมมาก ทั้งที่ซ้อมมาเหนื่อยมากแต่กลับรู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน มันเหมือนเป็นการย้ำตัวเองอีกครั้งว่าเรามาที่นี่เพราะอะไร ทั้งยังหนุนใจผมในการทำกิจกรรมของวันพรุ่งนี้ด้วย
…
กิจกรรมเริ่มเช้าวันแรกก็พบคนแปลกหน้าชาวเอเชียเดินขวักไขว่ละลานตา พอคนเยอะผมก็พาลรู้สึกเกร็งจนกลายเป็นไม่กล้าเข้าไปคุยกับใคร เดินไปเดินมาเงียบๆ จนกระทั่งได้ภารกิจเร่งด่วนกะทันหันให้ไปนำเกม
ตอนนั้นขวัญเสียสุดๆ จากที่เกร็งอยู่แล้วก็เกร็งหนักเข้าไปอีกเพราะต้องนำเดี่ยว คนก็เยอะ ภาษาอังกฤษก็ไม่มั่นใจ นึกออกไหมครับว่าตอนคุยกับผู้ใหญ่เนี่ย เขาจะพยายามฟังเราเพราะรู้ว่าเราก็ไม่ได้เซียนภาษาขนาดนั้น คือรู้ว่าเป็นคนไทยใช้ภาษาไทยเป็นหลัก แต่พอต้องมานำเด็กที่เขาใช้ภาษาอังกฤษกันในชีวิตประจำวันก็กลัวตัวเองจะพูดติดขัดไม่ลื่นไหล เกิดคนฟังไม่อดทนขึ้นมาก็อาจจะไม่เข้าใจกันได้ กังวลไปต่างๆ นาๆ
จนผมสงบสติให้นิ่งแล้วนั่งลงอธิษฐานกับพระเจ้า
.
และในที่สุดมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี
อันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรยากเลยนะ แค่กล้าที่จะเริ่มเท่านั้นเอง ซึ่งความกล้านั้นแหละที่ผมต้องทูลขอ จากนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรแย่อย่างที่ผมกังวลไว้เลย แล้วพอมั่นใจมากขึ้นช่วงบ่ายก็เริ่มเดินไปคุยกับคนโน้นคนนี้ กลายเป็นว่าผมได้เพื่อนใหม่เยอะแยะทำให้สนุกกับการร่วมแสดงในเกมมากขึ้น
พูดถึงรายละเอียดของเกม เนื้อหาเกมดูเผินๆ จะไม่เกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าเลย อย่างในครั้งนี้ก็เป็นเกมในธีมเชื้อไวรัสซอมบี้ที่กำลังระบาด หน้าที่ของผมคือแสดงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ติดเชื้อ ซึ่งผู้เล่นจะต้องหาทางรักษาเชื้อเหล่านี้ให้หาย เล่นกันไป 2 วันจนมาถึงช่วงสรุปแล้วค่อยโยงเข้าสู่เรื่องพระเจ้าเป็นการประกาศแบบเนียนๆ
ช่วงสองวันแรกจึงมีคนเข้าร่วมกว่าพันคนเพื่อมาร่วมเล่นเกม ส่วนหลังจากนั้นคนก็น้อยลงไปกว่าครึ่ง เพราะเริ่มเข้าสู่กิจกรรม Follow Up ประมาณว่ามีวิทยากรมาพูดในหัวข้อต่างๆ เช่น ทำไมเราต้องมีพระเจ้า, พระเจ้ากับวิทยาศาสตร์ ฯลฯ เป็นการประกาศตรงๆ ให้เขารู้จักกับพระเจ้าอย่างจริงจัง ดังนั้นคนที่เข้าร่วมกิจกรรมก็จะเป็นกลุ่มคนที่สนใจเรื่องของพระเจ้า เพราะรู้ว่าเรามีจุดหมายเพื่อประกาศนะ ถ้าสนใจก็อยู่ต่อ ไม่สนใจก็ออกไปได้–ความตรงไปตรงมานี้แหละที่ผมชอบ
…
พระคุณพระเจ้าที่ทำให้ผมมาถึงที่นี่ทำให้ผมมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เห็นสังคมใหม่ และได้เพื่อนใหม่
อาจเป็นวิถีในการใช้ชีวิตของคนสิงคโปร์ด้วยที่มีความกระตือรือร้นตลอดเวลา เป็นเหล่าประชากรที่ทำงานหนัก เห็นจากเพื่อนๆ ที่นี่ดูจะจริงจังกับทุกเรื่อง ทั้งชีวิตส่วนตัวจนไปถึงงานประกาศ แม้ระบบการศึกษาจะมีการแข่งขันสูง แต่พวกเขาก็ยังให้เวลากับการรับใช้และนับเป็นเรื่องสำคัญพอกับการเรียนเลย บางคนเหน็ดเหนื่อยจากงานหรือเรียนมาแต่เวลารับใช้พวกเขาก็เต็มที่ นับถือในพลังของคนพวกนี้มากๆ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เพื่อนคนหนึ่งบอกผมว่าจุดอ่อนของพวกเขาคือไม่รู้วิธีที่จะพักผ่อนอื่นๆ นอกจากการนอน คือมันแปลกมากสำหรับผม ช่วงที่อยู่ด้วยกันเลยมีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น ผมเรียนวิธีทำงานจากพวกเขา ส่วนพวกเขาก็เรียนวิธีพักผ่อนจากผม 5555
และสิ่งที่เห็นชัดๆ ในการมาครั้งนี้คือความกระตือรือร้นอยู่เสมอนี่แหละที่ทำให้งานของพระเจ้าเติบโตขึ้น มันเตือนให้ผมรู้ว่าความเฉื่อยชานั้นอันตราย มีคนอีกหลายคนที่ยังต้องรู้จักพระเจ้าเพราะพวกเขาต้องการความรอด
…
และความรอดก็เป็นเรื่องที่รอไม่ได้
#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป ( <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://choojaiproject.org/choojai-forward/ )
Related Posts
- Author:
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน