บทความนี้เป็นบทความแปล และเรียบเรียงใหม่จาก
Jack Wellman https://www.whatchristianswanttoknow.com/
และ Max Lucado https://maxlucado.com/first-things-first/
คริสเตียนทำงานวันอาทิตย์ผิดไหม?
คริสเตียนไม่ควรทำงานในวันสะบาโตใช่ไหม?
แล้วถ้าเราไม่มีทางเลือกล่ะ? ถือว่าเป็นความบาปหรือเปล่า?
การงานในวันอาทิตย์
ผมรู้จักกับคริสเตียนหลายคนที่ทำงานในวันอาทิตย์เพราะเขาไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงเข้าร่วมนมัสการในช่วงคืนวันเสาร์แทน หรือบางคนก็ได้แค่เรียนพระคัมภีร์ที่โบสถ์ในคืนวันพุธเท่านั้น หรือบางคนอาจเลือกไปเข้าร่วมนมัสการในคืนวันอาทิตย์ด้วย เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่กำหนดเองไม่ได้ ทั้งคนที่เป็นคริสเตียนและไม่ใช่คริสเตียนบางคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำงานในวันอาทิตย์ ในเมื่อแต่ละคนมีความจำเป็นไม่เท่ากัน และบางคนอาจไม่มีงานให้เลือกมากนัก อันที่จริง ในฐานะศิษยาภิบาลและอาจพูดแทนศิษยาภิบาลท่านอื่นได้เลยว่า พวกเราเองก็ต้องทำงานทุกวันอาทิตย์เลย
เราต่างไม่ได้รอดด้วยธรรมบัญญัติ
“โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นคนชอบธรรมได้เลย”
(กาลาเทีย 2:16)
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ธรรมบัญญัติไม่ได้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเรา พระเจ้าทรงรู้ดีว่าเราทำตามไม่ได้ จุดประสงค์ของธรรมบัญญัติคือเพื่อให้เห็นว่าเรามีบาปและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์หรือไร้ที่ติได้ พระเยซูคริสต์ได้รักษาธรรมบัญญัตินั้นไว้ได้อย่างครบถ้วนเพื่อเราแล้ว เพราะแค่บัญญัติสิบประการ เราก็ยังรักษาไม่ได้ทุกข้อเลยด้วยซ้ำ ผมขอบพระคุณพระเจ้าที่การรักษาและประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้นไม่ได้เป็นเงื่อนไขสำหรับความรอด เพราะไม่มีใครที่จะทำตามข้อกำหนดเหล่านั้นได้หมด เราทุกคนต่างก็ขาดจากพระสิริของพระเจ้า ไม่มีผู้ใดชอบธรรมในสายพระเนตรของพระองค์ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการพระผู้ช่วยให้รอด เพราะว่า “พระเจ้าทรงทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์” (2 โครินธ์ 5:21)
อย่ากล่าวโทษกันเพราะเรื่องของ ‘วัน’
“ส่วนคนที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่นั้น จงรับเขาไว้ แต่มิใช่เพื่อให้โต้เถียงกันในเรื่องความเชื่อที่แตกต่างกันนั้น คนหนึ่งถือว่าจะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่คนที่มีความเชื่อน้อยก็กินแต่ผักเท่านั้น อย่าให้คนที่กินนั้นดูหมิ่นคนที่ไม่ได้กิน และอย่าให้คนที่มิได้กินกล่าวโทษคนที่ได้กิน เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดรับเขาไว้แล้ว… คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด คนที่ถือวันก็ถือเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่กินทุกสิ่งก็กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระเจ้า และคนที่ไม่กิน ก็ไม่กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และยังขอบพระคุณพระเจ้า เราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง และเราไม่ได้ตายเพื่อตัวเอง ถ้าเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าเราตายก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า.” (โรม 14:1-8)
บางคนถือเอาเรื่องวันสะบาโตเป็นเหตุหาข้อบกพร่อง ตำหนิ และต่อว่าในผู้เชื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตักเตือนด้วยความรัก หรือยื่นมือช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหา ท่าทีแบบนี้ก็ไม่ได้เสริมสร้างและแก้ปัญหาอะไรได้เลย โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้เชื่อที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่ ดังนั้น เราต้องเข้าใจที่มาที่ไป พื้นเพปัญหา ความจำเป็นของชีวิตผู้เชื่อคนอื่นๆ ก่อนที่จะรีบไปตัดสินว่าการที่เขาต้องทำงานวันอาทิตย์นั้นผิดบาป แต่หาทางช่วยเหลือและหนุนใจซึ่งกันและกันดีกว่า ทั้งนี้ก็เพื่อ ‘ถวายเกียรติ’ องค์พระผู้เป็นเจ้า
___________________________
หมายความว่าเราไม่ต้องแคร์ใคร ไม่ต้องพยายามเข้าสังคมคริสเตียน ไม่ต้องไปร่วมนมัสการวันอาทิตย์ที่โบสถ์อย่างนั้นหรือ? จากบทความ First Thing First ของ Max Lucado ก็พูดเอาไว้อย่างน่าคิด ในเรื่องของการทำให้สิ่งสำคัญเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ
การใช้เวลากับคนของพระเจ้าในวันแรกของสัปดาห์
“จงระลึกถึงวันสะบาโตและถือเป็นวันบริสุทธิ์” (อพยพ 20:8)
ในพันธสัญญาเดิม วันสะบาโตคือวันเสาร์ สำหรับคริสเตียนเราให้วันอาทิตย์เป็นวันบริสุทธิ์ถึงแม้ว่าคริสเตียนจำนวนมากยังถือว่าวันสะบาโตคือวันเสาร์ก็ตาม แต่สารที่พระเจ้าต้องการจะบอกเรา ที่สำคัญยิ่งกว่าการกำหนดให้มีวันสะบาโตคือ คือ ทรงมีพระประสงค์ให้เราเข้ามานมัสการพระองค์และพักผ่อน พระองค์จึงได้ตั้งวันแรกของสัปดาห์เป็นวันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการปฏิบัติของคริสเตียนในยุคพันธสัญญาใหม่ (ดูใน กิจการ 20:7)
ดังนั้น หากเราใช้เวลาหกวันสำหรับการทำงานและสรรหาสิ่งต่างๆ และตั้งวันหนึ่งไว้สำหรับการฟื้นร่างกายและจิตวิญญาณ หากเรามีเป้าหมายที่จะมอบวันแรก (หรือวันหนึ่ง) ของสัปดาห์ให้เป็นวันของพระเจ้า และเป็นเวลาที่ได้นมัสการร่วมกับคนของพระเจ้าแล้วละก็ นั่นสะท้อนถึงท่าทีแห่งการ…
- วางใจพระเจ้าด้วยการหยุดพัก คุณตัดสินใจที่จะละความกังวลจากความจำเป็นต่างๆ ในโลก หยุดพึ่งกำลังและความสามารถของตัวเองในการทำงาน หรือไม่ได้หวังพึ่งเงินที่จะได้เพิ่มมาในวันนั้น ยอมจำนน เชื่อฟัง และต้องการรับฟังสิ่งที่พระเจ้าอาจจะตรัสกับคุณผ่านบทเพลงนมัสการ ผ่านเพื่อน ผ่านการอธิษฐาน หรือผ่านคำเทศนา
- ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนของพระเจ้า ด้วยการใช้เวลาเพื่อสามัคคีธรรม หนุนใจ และรับใช้ร่วมกับพี่น้องในคริสตจักร
มีเรื่องเล่าของเจ้าของฟาร์มในเท็กซัสตะวันออกที่ไปที่คริสตจักรเดิมมาเป็นศตวรรษ หลายปีให้หลัง ถึงแม้ตาเริ่มจะมองไม่เห็น หูจะเริ่มไม่ได้ยิน เขาก็นั่งอยู่ที่แถวหน้า มีวันหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ถามเขาว่า “คุณมองแทบจะไม่เห็น ฟังแทบจะไม่ได้ยิน ทำไมยังคงมาที่คริสตจักร?” เจ้าของฟาร์มผู้แก่เฒ่าได้ตอบเขาไปว่า
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตัวฉันเองหรอกนะ แต่ฉันมาเพื่อเธอ”
___________________________
ระวังว่าจะติดเป็นนิสัย!
การมาร่วมสามัคคีธรรมที่คริสตจักรนั้นยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการรักษาความเชื่อยังคงต้องการการสามัคคีธรรม แม้บางคนอาจมีตารางเวลาที่ไม่แน่นอนแต่เรายังคงสามารถจัดเวลาแสวงหาพระเจ้าได้ ดังเช่นที่ ฮีบรู 10:25 บอกว่า
“อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น…”
หัวใจหลักไม่ใช่การเช็คว่าใครมาใครขาด แต่คือเราจำเป็นต้องได้รับการหนุนใจ และได้รับฟังพระวจนะของพระเจ้าผ่านพี่น้องผู้เชื่อตัวเป็นๆ และหากเราจัดเวลาเข้ามาร่วมรายการที่คริสตจักรได้แล้ว ขอหนุนใจให้มาพบหน้ากัน คริสตจักรบางแห่งมีประชุมอธิษฐาน อธิษฐานตอนเช้า รายการระหว่างสัปดาห์ กลุ่มตามบ้าน หรือชั้นเรียนพระคัมภีร์ ปัญหาของจิตวิญญาณที่ห่างไกล และความเฉื่อยชาในความเชื่อนั้น อาจไม่ใช่การทำงานวันอาทิตย์ หากแต่เป็น “นิสัย“ บางอย่างที่ทำให้เราปฏิเสธที่จะใช้เวลากับพระองค์ ทั้งนี้พระเจ้าเชิญชวนให้เราเข้ามาแสวงหาพระองค์และรอคอยที่จะมีความสัมพันธ์กับเราทุกวัน ไม่เพียงแค่วันอาทิตย์เท่านั้น
“จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้” (มัทธิว 6:33)
สรุป :
- การถือวันสะบาโต ไม่ใช่เรื่องที่เอามาตัดสินกัน หรือกล่าวโทษกันว่าบาปหรือไม่บาป เพราะไม่มีใครที่ดีพร้อมได้ตามธรรมบัญญัติ เราต่างรอดด้วยพระคุณเพราะความเชื่อ
- สำหรับคนในคริสตจักรก็ควรหนุนใจให้พี่น้องที่ไม่สามารถมาร่วมนมัสการวันอาทิตย์มีทางออกด้วยการสนับสนุนส่งเสริมให้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างฝ่ายวิญญาณในเวลาอื่นแทน
- คริสเตียนบางคนที่จำเป็นต้องทำงานวันอาทิตย์ ก็ไม่ผิด… แต่ใช้เป็นข้ออ้างก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะถ้าเราเหินห่างจากพระเจ้าจนเป็นนิสัย เราก็จะยิ่งห่างไกลพระองค์ไปเรื่อยๆ
- คริสเตียนที่ต้องทำงานวันอาทิตย์ ต้องสำรวจในเรื่องของท่าทีกับพระเจ้าส่วนตัว และควรจัดเวลาอื่นเข้าเฝ้าพระเจ้า และเข้าร่วมการนมัสการกับพี่น้องเพื่อรับการเสริมสร้างซึ่งกันและกันสำรวจท่าทีตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า ที่ต้องทำงานวันอาทิตย์เพราะความจำเป็น หรือเพราะเราวางใจพระเจ้าไม่ได้?
ด้วยรักและพักใจ
.
บทความนี้อ้างอิงจาก
Jack Wellman, (2013). should christians work on sundays? a bible study [online]. October 4, 2017 From https://www.whatchristianswanttoknow.com/should-christians-work-on-sundays-a-bible-study/
Max Lucado , (2017). What Does The Bible Say About Horoscopes and Astrology? [online]. January 1, 2017 From https://maxlucado.com/first-things-first/
.
Related Posts
- Translator:
- Aui Wijitra
- ผู้แปลอาสาฯ จากเมืองเจียงฮาย ผู้เชี่ยวชาญร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วเมืองเชียงรายและปริมณฑล และถึงแม้งานประจำจะล้นมือแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากวางมือจากการเป็นผู้แปลให้ชูใจ โอ้ย ขอมงให้นางด้วยค่ะ!
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Rungwit K.
- คุณพ่อตาขีดเดียวของลูกชายวัยซน แต่ถึงจะเป็นพ่อคนก็ยังห่วงใยเยาวชนอยู่นะจ๊ะ เลยมาอาสารับใช้ร่วมกับชูใจไง
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
- Editor:
- Perapat T.
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)