EP.31

Dating Series: 10 คำถามเช็คให้ชัวร์ก่อนคบจริงจัง


ผู้เขียน: Diane Eble
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: 10 Questions to Ask Before Getting Serious


สมมติว่าคุณได้ไตร่ตรอง ถามคำถามกับตัวเองมาสักพัก และระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์กับคนที่คุณคุยด้วยมาตลอด จนเมื่อถึงระดับหนึ่งแล้ว คุณอาจรู้สึกถูกใจใครสักคนมาก ๆ จนคิดอยากจะสานสัมพันธ์ต่ออย่างจริงจังเข้าซะแล้ว หากคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หรืออาจตัดสินใจคบกันไปแล้วก็ตาม ก่อนจะไปไกลกว่านี้ ฉันอยากให้คุณทั้งคู่ได้กลับมาคิดและถามเรื่องสำคัญๆ เหล่านี้กันก่อน

 

1. เราเชื่อใจกันได้ไหม?

 

เราไปไม่รอดแน่ ถ้าไม่ซื่อสัตย์และไม่ยอมเปิดเผยต่อกันอย่างตรงไปตรงมา ถ้ายังปล่อยให้คำโกหกค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในความสัมพันธ์ ก็คงถึงเวลาแล้วล่ะที่เราจะต้องใช้ความจริงใจเข้าหากัน ไม่อย่างนั้นแล้วก็เตรียมตัวนับถอยหลังรอวันเลิกกันได้เลย

 

2. อยู่กับฉัน เธอเป็นตัวเองหรือเปล่า?

 

ถ้าคุณต้องคอยทำตัวแบบคนนั้นคนนี้ทั้งที่ไม่ใช่ตัวเองเลย หรือจะทำอะไรซักอย่างก็รู้สึกว่าต้องแสร้งทำไปงั้นๆ นี่เป็นสัญญาณว่าความสัมพันธ์ของคุณมันไม่ปกติแล้ว

 

3. เธอห่วงหรือหวง?

 

ถ้าเราคนใดคนหนึ่งจะขยับตัวทำอะไรแต่ละทีแล้วต้องคอยรายงานให้อีกฝ่ายรู้แล้วล่ะก็ ไอ้ความรู้สึกหึงหวง อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่มีแต่คำว่า “ควบคุม” และ “หวาดระแวง” หากเป็นเช่นนี้ คุณทั้งสองคงต้องเว้นช่องว่างให้กันสักหน่อยแล้วล่ะ เพื่อต่างคนจะได้กลับไปตั้งหลักกันใหม่ ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เพราะความสัมพันธ์แบบนี้เข้าเขตอันตรายแล้ว

 

 

4. เราชอบคุยกันไหม? เธอรู้จักฉันดีขึ้นจากเรื่องที่เราคุยกันหรือเปล่า?

 

การพูดคุยเล่นเรื่องทั่วๆ ไปนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่จากนี้ไป คุณจำเป็นต้องคุยเรื่องที่ลงลึกกันมากยิ่งขึ้น เพื่อคุณสองคนจะรู้จักสิ่งที่อีกฝ่ายชอบและไม่ชอบ รู้จุดอ่อนและจุดแข็งของกัน รวมไปถึงสิ่งที่เค้าคาดหวังและใฝ่ฝันด้วย ดังนั้นให้สังเกตุตัวเองว่าเราชอบคุยกับคนนั้นแค่ไหน แล้วการพูดคุยนั้นทำให้เรารู้จักกันดีขึ้น ยอมรับตัวตนของอีกฝ่ายได้มากน้อยยังไงบ้าง?

 

5. แค่ไหนคือเกินเลย?

 

นี่เป็นคำถามสำคัญที่เรามักจะตอบยาก โดยเฉพาะในกรณีของบางคู่ที่เกินพอดีไปแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ถลำลึกจนเกินกว่าจะควบคุมได้ คุณต้องตกลงกันก่อนตั้งแต่แรกว่าได้แค่ไหน และทำไมเราถึงต้องกำหนดขอบเขตนี้ขึ้นมา

 

ฉันขอตอบคุณด้วยคำถามล่ะกันว่า คุณทั้งสองคนเข้าใจไหมว่าทำไมพระเจ้าถึงต้องการป้องกันเราจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน? คุณทั้งคู่เข้าใจจริง ๆ หรือเปล่าว่าทำไมการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานเป็นเรื่องร้ายแรง? และถ้าพรุ่งนี้คุณต้องเลิกกัน คุณแน่ใจไหมว่าจะจบได้โดยไม่รู้สึกผิดทางกายต่อกัน? หากคุณยังตอบคำถามพวกนี้ไม่ได้ ฉันแนะนำให้คุณปรึกษากับศิษยาภิบาลหรือใครสักคนที่เค้าจะสามารถแนะนำคุณในเรื่องสำคัญแบบนี้ได้

 

6. เราไปเที่ยวกันกับเพื่อนๆ บ้างไหม?

 

ถ้าพวกเพื่อนหรือครอบครัวของคุณเริ่มทักว่าไม่ค่อยได้พบคุณเลย นั่นแสดงว่าคุณสองคนเริ่มจะติดกันมากเกินไปแล้วแหละ

 

7. เราได้วางแผนการใช้เวลาร่วมกันไหม?

 

ถ้าเวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วพวกคุณ “ไม่รู้จะทำอะไร” มันก็มักจะจบลงแบบที่มีความสัมพันธ์ทางกายเข้ามาเกี่ยวมากกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นพยายามวางแผนกันให้ชัดเจนซะก่อนว่าคุณจะไปไหนหรือทำอะไรด้วยกัน

 

8. เรารู้จักการให้อภัยจริงๆ หรือเปล่า?

 

คนทั่วไปค่อนข้างสับสนและยังไม่เข้าใจเรื่องการให้อภัยอย่างแท้จริง และนี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้สำคัญนัก การเก็บความไม่พอใจเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายทำผิดต่อคุณมีแต่จะทำลายความสัมพันธ์ ในทางกลับกัน ก็ไม่ควรใช้คำว่า “ขอโทษ” ในทำนองที่ว่า “ช่วยยอมรับความผิดของฉันเถอะ แต่อย่าหวังว่าฉันจะเปลี่ยนแปลงนะ”

 

เพราะหากคุณอยากให้เค้ากลับมาเชื่อใจหรือยังอยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเกิดขึ้น ในพระคัมภีร์กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ว่า “การกลับใจ” (กิจการ 26:20) และนั่นหมายความว่าด้วยการทรงนำของพระเจ้า คุณจะหยุดพฤติกรรมที่เป็นต้นตอให้เกิดปัญหาเหล่านั้นได้

 

 

 

9. เราทำตัวแบบไหนเวลาไม่พอใจกัน?

 

คุณจะรับมือแบบไหนเวลาที่ไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่าย แน่ใจนะว่าจะไม่โวยวาย ชักสีหน้า ขว้างโทรศัพท์ หรือทุบประตู อย่าลืมที่จะประนีประนอมกันด้วย ความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องแพ้ชนะ แต่เป็นความพยายามที่จะสร้างสิ่งดีที่สุดร่วมกัน หากคุณคิดแต่จะต้องเอาชนะอีกฝ่ายล่ะก็ พวกคุณก็แพ้แล้วทั้งคู่

 

10. เราให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางในความสัมพันธ์นี้หรือเปล่า?

 

เราต้องให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางในชีวิตและความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ พวกคุณควรหาเวลาดี ๆ ที่จะแบ่งปันกันถึงสิ่งที่แต่ละคนได้เรียนรู้จากพระองค์ เพื่อเสริมสร้างกันให้เติบโตขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณ รวมถึงการมีกลุ่มเพื่อนคริสเตียนที่จะช่วยส่งเสริมคุณแต่ละคนในความเชื่อ และที่สำคัญเลยก็คือ ประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในความเชื่อจะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีด้วย

 

ไม่มีความสัมพันธ์ใดที่สมบูรณ์แบบ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีจะเริ่มต้นจากการแสวงหาพระเจ้า ความสัมพันธ์นั้นจะส่งเสริมกัน สนับสนุนกัน และเสริมสร้างกันและกันมากกว่าทำลาย และเมื่อคนสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีก็จะสามารถสำแดงความรักของพระคริสต์อย่างเต็มที่เพื่อให้คนทั่วไปได้สัมผัสความรักนั้นด้วย

 

เริ่มต้นดีมีชั้ยไปกว่าครึ่ง คำถามสิบข้ออาจจะดูเยอะ แต่เพื่อความสัมพันธ์ที่ “มีคุณภาพ” ไม่โดนเทกลางทาง มันก็คุ้มอยู่ใช่ไหมล่ะคะ


<3 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคารสีชมพูววว์ หรือ ใครที่มีเรื่องความรักแน่นอก อยากให้พี่ชูใจช่วยยกออก ก็ Inbox เข้ามาได้จ้า <3


Previous Next

  • Translator:
  • Jonah
  • นักแปลในชีวิตจริง และในทีมชูใจ รักพระเจ้า รักเมีย รักหมาแต่ไม่รักเด็ก เฟสบุ้คมีไว้อัพแค่เรื่องบอล หมา และเมีย อ้อ! และของกินที่เมียทำ
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • W. Wanee
  • นักแปลสาวสวยเสียงทอง ผู้ซึ่งอยากรับใช้พระเจ้าด้วยความสามารถด้านภาษาของเธอ งานใดที่ให้เธอรับผิดชอบ ไม่มีพลาดแน่นอน!