EP. 3

เมื่อหว่านดาวลงดิน เมื่อเพาะเมล็ดข่าวประเสริฐในใจยาย (EP. 3/6)


ซีรีย์ : กว่าถั่วจะเป็นดาว
ตอนที่ :  3/6
อ่าน ‘กว่าถั่วจะเป็นดาว’ ทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/when-god-guides-me-to-be-a-farmer/


ฉันมองเมล็ดถั่วดาวที่อยู่ในมือ นี่เป็นการจับเมล็ดพันธุ์ครั้งแรกในชีวิต (ถ้าไม่นับถั่วเขียวตอนหัดปลูกถั่วงอก) ฉันเคยปลูกกระบองเพชรสมัยมัธยม แต่สุดท้ายตายเรียบทุกต้น ตัดภาพมาตอนนี้ ถั่วดาวอินคาที่ฉันกำลังจะปลูกจะรอดไหมนะ? และฉันจะสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นเกษตรกรได้รึเปล่า? คำถามมากมายที่ยังรอให้ฉันพิสูจน์​ ซึ่งจะเริ่มต้นหลังจากการหว่านเมล็ดถั่วดาวลงในดิน

 

____________________

 

ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ทั้งตื่นเต้นและตื่นกลัว ยายบอกว่าเมล็ดถั่วดาวคล้ายเมล็ดลูกเนียงหรือสะตอ ซึ่งยายเองก็ไม่เคยเห็นและไม่เคยปลูกมาก่อน เราสองยายหลานเลยกลายเป็นเด็กในห้องเรียนที่พึ่งเปิดเทอมใหม่ด้วยกันทั้งคู่

 

ตามทฤษฎีที่ศึกษามาเขาว่า เมล็ดพันธุ์จะเริ่มแตกรากออกมาหลังจากเพาะได้ 5-7 วัน ดังนั้นหลังจากหยอดเมล็ดลงในกล่องโฟมเพาะแล้ว ฉันก็คอยเฝ้ามองดูเจ้าถั่วที่เพาะไว้อยู่ทุกวันว่าจะเริ่มงอกเมื่อไหร่ ไม่ต่างกับหญิงสาวที่คอยมองดูมือถือเพื่อรอข้อความจากคนรัก

 

“งอกแล้วยายๆ”

 

ห้าวันผ่านไปกว่าถั่วดาวจะเริ่มออกราก วันนั้นเป็นวันแรกที่รู้สึกว่าต้นไม้มันก็ไม่ได้ปลูกยากอย่างที่คิดแหะ

พอรากมันออกก็เอาไปลงถุงดินที่เตรียมไว้ ฝังลงไปนิดนึงประมาณ 1-2 ซม. หลังจากนั้นก็ลุ้นต่ออีกว่าจะเป็นต้นกล้ามั้ย ที่รู้ๆ คือความกล้าเริ่มมาก่อนต้นกล้าแล้ว ผ่านไป 15 วันต้นกล้าเริ่มมีใบให้เห็น เป็นความประทับใจครั้งแรกที่ได้เห็นกับตาว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างมา มันเจริญงอกงามในเวลาของมันจริงๆ

 

 

ในระหว่างที่ฉันรอให้ต้นกล้าโต เราก็ต้องช่วยกันเตรียมแปลงให้เสร็จ คือต้องมีโครงสร้างและระบบน้ำที่พร้อมสำหรับเจ้าถั่วดาว มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องทำให้ทุกอย่างเสร็จทันเวลา อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่า “ถ้าพระเจ้าจะให้เราทำอะไร พระเจ้าจะดึงดูดทรัพยากรทุกอย่างที่จำเป็นมาให้เราเพื่อให้ทำงานของพระองค์สำเร็จ ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดอะไร” แต่ตอนนั้นฉันเองรู้สึกว่าตัวเองขาดแคลนมาก ความรู้ด้านเกษตรก็ยังด้อย แถมยังต้องมาเรียนรู้เรื่องการคำนวณโครงสร้าง ขนาดพื้นที่ และระบบน้ำไปพร้อมๆ กัน (นี่คือสิ่งที่เด็กภาษาอย่างฉันหนีมาตลอดชีวิต!) แต่ก็เอาเถอะ เมื่อพระเจ้าให้ทำ พระเจ้าก็จะช่วยให้สติปัญญาเราด้วย เราก็ต้องเชื่อและลงมือทำไปก่อน

 

และด้วยความที่ถั่วดาวเป็นพืชล้มลุก จึงต้องมีค้างให้มันไต่ จากการเพาะ การคำนวณ ก็เข้าสู่โหมดงานแบกหามจ้า เราต้องลงเสาซีเมนต์และขึงลวดเพื่อเป็นโครงสร้างให้ถั่วดาวเลื้อยไป พ่อแม่เราและน้าที่ช่วยดูแลสวนก็มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ลงโครงสร้าง เสาแต่ละต้นได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกายของทุกคนจริงๆ ในที่สุดแปลงปลูกก็วางระบบสำเร็จ ตามพระสัญญาแห่งการจัดเตรียม

 

พอถั่วดาวอายุได้ 30-45 วัน เราก็ค่อยๆ ทยอยลงปลูกในแปลง ทีละร่องๆ เป็นครั้งแรกที่เราลงปลูกต้นไม้กับดินด้วยตัวเอง มือไม้ก็เปื้อนขี้วัวขี้ดินไปหมด ต้องทำงานกลางแดดร้อนจ้า เหงื่อไหลไคลย้อย แต่ตอนนั้นคือไม่ห่วงสวยแล้ว คิดแค่ว่าเจ้าถั่วเดอะสตาร์จะต้องรอด!

 

ในระหว่างนั้น ฉันค่อยๆ ได้ใคร่ครวญทบทวนไปว่า การที่เราลงมาอยู่ชุมพรเพื่อทำให้โครงการถั่วดาวสำเร็จ มันอาจจะไม่ใช่แค่เป้าหมายเดียวที่เราจะทำก็ได้นะ อาจมีอีกสิ่งที่สำคัญกว่าด้วยซ้ำ…​

____________________

 

ชุมพรเป็นเมืองที่ต่างคนต่างอยู่กันอย่างสันโดษเสียเป็นส่วนมาก และประชากรผู้เชื่อเท่าที่ฉันเห็นก็มีไม่มากนัก ดังนั้นการจะหาคริสตจักรที่จะไปเข้าร่วมนมัสการก็ต้องใช้ความพยายามพอสมควรเลย ที่เห็นเด่นชัดมีเพียงแต่แผ่นป้ายสีเหลืองบนเสาไฟฟ้าที่เขียนเอาไว้ว่า “พระเยซูเป็นทางนั้น ความจริง ชีวิต” เท่านั้น

 

ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันเคยมีโอกาสไปดูงานการสร้างสาวกที่โบสถ์แห่งหนึ่งในภูเก็ต และได้พบพี่คนหนึ่งที่มีภาระใจในการทำพันธกิจที่จังหวัดชุมพรซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา จึงริเริ่มโครงการบุกเบิกคริสตจักรในชุมพรด้วยการจัดทริปเยี่ยมเยียนและประกาศเดือนละ 2-3 ครั้ง ฉันจึงคว้าโอกาสนี้ไว้ด้วยการนัดหมายให้ทีมประกาศแวะมาแบ่งปันที่บ้านของตากับยายด้วย

 

 

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ไม่ง่ายนักที่ตากับยายจะได้ยินเรื่องราวของพระเจ้า

ฉันจึงยิ่งรู้สึกขอบคุณพระเจ้าเอามากๆ  ฉันอธิษฐานในใจเยอะมากเพราะไม่รู้ว่าตา ยาย และน้า จะตอบสนองยังไง

.

ลุ้นยิ่งกว่ารอถั่วดาวงอกซะอีก

 

แต่ปรากฏว่าพระเจ้าก็ควบคุมอยู่ทุกสถานการณ์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นมาเสมอ เมื่อทีมมาที่บ้านตายายก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี และก่อนที่ทีมจะลากลับไป ทีมเยี่ยมเยียนก็ได้มีโอกาสอธิษฐานเผื่อยายเรื่องอาการปวดเข่า แถมยังได้ไปเยี่ยมแปลงถั่วดาวของเราเพื่ออธิษฐานเผื่ออีกด้วย

 

สำหรับฉันแล้วในการเป็นหลาน ในที่สุดฉันก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ในการเป็นพยานและแสดงความรักกับตายายแล้ว
ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่นอกจากจะนำฉันให้มาหว่านเมล็ดถั่วดาวแล้ว ยังได้หว่านเมล็ดพันธุ์ที่เป็นมากกว่าต้นไม้ต้นหนึ่ง
ซึ่งก็คือเมล็ดแห่งข่าวประเสริฐที่ถูกเพาะลงไปในใจของตากับยายนั่นเอง

 

จากนี้ ก็เพียงแค่รอคอยวันเวลาที่เมล็ดเหล่านั้นจะเติบโตต่อไปเท่านั้น!


คอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของเด็กต้นเรื่อง และการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเหล่าคริสเตียนรุ่นใหม่ได้ ทุกวันศุกร์ เวลา 1 ทุ่มตรงนะจ๊ะ


Previous Next

  • Author:
  • จากเด็กสาวในเมือง เปลี่ยนงานมาแล้วหลายรูปแบบ แต่สุดท้ายกลับมาเจอ 'งานที่ใช่' ในบ้านนาฟ้าอมร!
  • Illustrator:
  • tumtim
  • เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
  • Editor:
  • Namita
  • สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย