บทความนี้ใช้เวลาอ่าน ประมาณ 12 นาที
.
Wonder Woman อีกหนึ่งหนังฮีโร่จากค่าย DC ที่หลายคนได้ดูกันไปแล้ว ด้วยคะแนนรีวิวที่สูงปรี๊ดชูใจจึงต้องลองตีตั๋วเข้าไปดูบ้าง ตัวหนังดีมากนอกจากฉากบู๊สนั่น และเนื้อเรื่องที่เข้มกว่าหนังประเภทเดียวกันแล้ว ยังมีประเด็นน่าสนใจที่เรานำมาฝากกันด้วย
เรื่องย่อ:
ในจักรวาลของ DC comic มนุษย์โลกและนักรบชาวอะเมซอนถูกสร้างขึ้นโดยเทพเจ้าโอลิมปัส เหล่าทวยเทพต่างรักมนุษย์เพราะมนุษย์คือสิ่งสร้างชิ้นเอก พวกเขามีความคิดจิตใจและล้วนดีงาม
เอเรส(Ares) เทพเจ้าแห่งสงครามจงเกลียดจงชังและแสนอิจฉามนุษย์ จึงก่อกบฏ
ราชินีอะเมซอนและนักรบหญิงทั้งหลายต่อสู้ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับมนุษย์และเหล่าเทพเพื่อขับไล่ เทพแห่งสงครามจนล่าถอยไป นับจากวันนั้น เอเรสเร้นกายหายไปและคอยชักใยให้มนุษย์ทำสงครามกันเองแทน จากผลของสงครามกับ เอเรส ก่อนที่จะสิ้นพลังมหาเทพซุส(Zeus) ได้สร้างบาเรียซ่อนนักรบชาวอเมซอนเอาไว้ และมอบอาวุธที่สามารถใช้ฆ่าเอเรสเอาไว้ให้เหล่าเธอดูแล
ชาวอเมซอนถูกสร้างขึ้นจากดินและมหาเทพซุสได้เป่าลมใส่ทำให้พวกเธอมีชีวิตขึ้นมา พวกเธอเป็นนักรบหญิงทั้งหมด และอาศัยอยู่ในเกาะเทอมิสคีร่าที่สวยงามดุจสวรรค์ มีชีวิตดีดีอยู่ในบาเรียที่ทำให้ไม่มีใครค้นพบได้ เพื่อเตรียมตัวฝึกฝนอย่างหนักในการรับมือกับการกลับมาของเทพแห่งสงคราม เป้าหมายในการดำรงอยู่ของนักรบชาวอเมซอนก็คือเพื่อนำสันติภาพกลับสู่โลก
เวลาผ่านมายาวนานจนนับแทบไม่ได้ ภายใต้บาเรียที่ปกปิดเกาะเทอมิสคีร่าไว้จากโลกภายนอก ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งอะเมซอนถูกฟูมฟักอย่างดีโดยไม่เคยได้เรียนรู้วิชาการสู้รบ สิ่งที่พระมารดาของเธอสอนก็คือ ความรู้เกี่ยวกับตำนานเทพเจ้า มหาสงครามศักดิ์สิทธิ์ และเรื่องราวของมนุษย์ภายนอกนิดหน่อย ด้วยเหตุผลบางอย่างพระมารดาของเธอปฎิเสธที่จะให้เธอได้ฝึกฝนการต่อสู้เยี่ยงนักรบพึงกระทำ แต่ไดอาน่าก็แอบฝึกฝนการต่อสู้ลับๆ
วันหนึ่งในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เครื่องบินของ สตีฟ เทเวอร์ นักบินสายลับชาวอังกฤษ เกิดบินมาตกที่ขอบดินแดน เป็นครั้งแรกที่มีมนุษย์ผ่านม่านบาเรียซึ่งเหตุการณ์แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โลกภายนอกกำลังมีสงครามโลกแต่ชาวอเมซอนไม่เคยรู้เลย เบื้องหลังสงครามทั่วโลกนี้อาจมีบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
ราวกับปาฏิหาริย์รักตกสวรรค์ ไดอาน่าก็ได้ตัดสินใจกระโจนลงน้ำเพื่อช่วยชีวิตชายหนุ่มที่ติดอยู่ในซากเครื่องบิน และพาขึ้นฝั่ง เหตุการณ์นั้นทำให้ชีวิตของเจ้าหญิงได้เปลี่ยนไปตลอดกาลเพระเธอได้รู้ความจริงบางอย่าง การมาของมนุษย์ผู้ชายคนนี้ได้นำพากองทัพเยอรมันที่ตามไล่ล่าเขาผ่านเข้ามาสู่เทมิสคีร่าด้วย ในที่สุดสงครามก็ได้คืบคลานเข้าสู่เกาะ ชาวอเมซอน ได้สัมผัสกับดินปืน และระเบิดเป็นครั้งแรก นักรบสาวผู้เกรียงไกรหลายคนต้องจบชีวิตลงด้วยกระสุนปืน
____________________________________
*บทความหลังจากนี้เป็นการเล่าเรื่องหลังชมอาจมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนแต่เล็กน้อย*
คุยกันเรื่อง ผู้หญิง (ถูก)ยิง และ เรือ กับสาเหตุที่ทำให้ชาวอเมซอนเกือบตาย
นอกจากการวิธีการถูกสร้างและตำนานของนักรบอเมซอนที่ดูคุ้นๆ แล้ว ภาพการใช้ชีวิตและการรบของชาวอเมซอนซ้อนทับกับภาพของคริสเตียนด้วย แบบดูไปคุ้นไปหลายอย่างเหมือนกัน แม้จะรบชนะปกป้องเกาะไว้ได้แต่ชาวอเมซอนมากมายก็ล้มตายในการรบครั้งนี้ อะไรคือที่มาของโศกนาฏกรรมริมหาดทรายขาวนี้กันนะ?
เวลาเปลี่ยนวิธีการก็เปลี่ยน
ครั้งหนึ่งในตำนานสงคราม ซึ่งก็นานมาแล้วชาวอเมซอนเคยทำสงครามอย่างไร ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เหล่าแม่หญิงก็ยังใช้ยุทธวิธีที่ถูกฝึกมาอย่างนั้น เหล่าเธอยังคงขี่ม้าแกว่งดาบในขณะที่จักรวรรดิเยอรมันประจันหน้ามาด้วยเรือกลไฟและไกปืน ภาพของการรบจึงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างอาวุธยุคสำริด-เหล็ก ปะทะกับยุคโมเดิร์น
แม้ว่าจะไม่ได้ละเลยการฝึกปรือฝีมือ แต่ธนูปักเข่าหรือจะสู้กระสุนปักอก อาวุธที่ล้าสมัยจะทำให้เราก้าวเข้าสู่สงครามอย่างเสียเปรียบ ในฐานะซาวอเมซอนธรรมดาที่ไม่ใช่ Wonder Woman เราจะทำอย่างไรถ้าศัตรูของเราก้าวหน้าไปไกลกว่าเราหลายขุม?
หากเปรียบเทียบสงครามในสมรภูมิที่เรากำลังอยู่ในศตวรรตที่ 21 อาจไม่ใช่ยุคที่เข่นฆ่ากันด้วยอาวุธยุทโปกรณ์จริงๆ เท่านั้นแต่ยังมีการสู้กันด้วยการสื่อสารและข้อมูล มารนั้นมาเพื่อลักฆ่าและทำลาย ตั้งแต่ไหนแต่ไร ซาตานก็เป็นพวกซุ่มยิงอยู่แล้ว ศรเพลิง ระเบิดมือ และ อินเทอร์เน็ต ล้วนเป็นอาวุธระยะไกล และอาวุธระยะไกลของมารพัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เสียงกระซิบของงู จนกระทั่งข้อมูลบิดเบือนในอินเทอร์เน็ต
ในการรับใช้พระเจ้ามีวิธีการมากมายที่เราจะอัพเดทกลยุทธ์ของเราให้เข้ากับยุคสมัย แน่นอนว่าแก่นแท้ของความเชื่อยังคงเหมือนเดิมแต่วิธีการอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้างให้เข้ากับผู้คนที่เปลี่ยนไป เช่น การที่เรามีการแปลพระคัมภีร์ให้มีภาษาเข้าใจง่ายขึ้น หรือการรุกคืบเข้าสู่โลกออนไลน์ ก็เป็นการอัพเกรดเทคโนโลยีของคริสเตียนเรา
การยึดติดกับประวัติศาสตร์อันยาวนานและเกียรติภูมิในอดีต จนทำให้เราไม่สามารถพัฒนาหรือก้าวหน้าไปต่อได้ หากเรายังคงใช้วิธีการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ เพื่อต่อสู้กับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ก็เหมือนกับเราถือดาบออกไปสู้กับปืน และนั่นอาจทำให้เราถูกซุ่มยิงตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวออกจากฐานที่มั่นนะครับ
ชาวอเมซอนอาจอยู่ในบาเรียแห่ง comfort zone นานเกินไป
เฉกเช่นเดียวกับชาวอเมซอน เราคริสเตียนอยู่ในโลกนี้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เราไม่สามารถสร้างสันติภาพได้โดยการขลุกอยู่ในเกาะ ถ้าเราไม่ออกไปมีอิทธิพลต่อโลก วันหนึ่งโลกจะเข้ามามีอิทธิพลต่อเราเอง
เกาะสวรรค์แห่งเทอมิสคีร่ามีม่านบาเรียที่บดบังพวกเธอจากโลกภายนอก นัยหนึ่งการหลบเร้นตัวเองกจากโลกภายนอกก็มีข้อดีที่ทำให้เราปลอดภัยแต่ก็มีข้อเสียด้วยถ้ามันทำให้เราติดอยู่ในโลกอุดมคติ โลกภายนอกนั้นก้าวหน้าไปเร็วมาก การที่เราอาแต่ขลุกตัวอยู่ในเกาะแห่งความคิดของเราเอง อาจทำให้เรามีมุมมองต่อโลกแห่งความเป็นจริงที่ผิดเพี้ยน สังคมที่เป็น Comfort Zone อาจทำให้เรารู้สึกปลอดภัย แต่ไม่ว่าวันใดวันหนึ่งเราก็ต้องออกมาเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง หรือไม่สุดท้ายความจริงก็จะทะลุผ่านม่านบาเรียเข้ามาโจมตีเราจนได้ ถึงตอนนั้นถ้าเราปรับตัวไม่ทันเราอาจเป็นหนึ่งในหญิงชาวอะเมซอนที่เคราะห์ร้ายถูกยิงตายที่ริมหาดทรายก็เป็นได้
ตำราพิชัยยุทธของซุนวูกล่าวไว่ว่า “รู้เขารู้เรา รบ 100 ครั้งชนะ 100 ครั้ง” บางครั้งการรับรู้ข้อมูลภายนอกก็มีความจำเป็น ในขณะที่คนเราพยายามรักษาจุดยืนของตัวเองไว้ เราก็ยังจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับโลกภายนอกด้วย อาจารย์เปาโลบอกใน 1 โครินธ์ 9:22 ว่า ” ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคน เพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง” ซึ่งพระเยซูเองก็ทรงเป็นแบบอย่างในการเข้าไปคลุกคลีกับคนประเภทต่างๆ เพื่อให้คนเหล่านั้นได้มีโอกาสรู้จักพระเจ้า อย่างเช่นเรื่องหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ หรือ การที่ทรงเรียกซักเคียส พระองค์ทรงรู้ความต้องการในใจของผู้คนและตอบสนองเธอได้อย่างถูกต้อง คนเหล่านั้นจึงเปิดใจออก
อะไรคืออาวุธที่แท้จริง!
“เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิต และทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใด ๆ
แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ” -(ฮีบรู 4:12)
ในตัวหนังมีอาวุธชิ้นหนึ่งซึ่งอ้างว่าฆ่าได้แม้แต่เทพเจ้าคือดาบที่ชื่อว่า god killer ซึ่งเทพซุสมอบให้ราชินีแห่งอเมซอนเก็บรักษาไว้ในหอคอยแต่พอถึงเวลาต้องใช้ดาบจริงๆ Wonder Woman ก็กลับไม่ได้ใช้มัน แต่เอาตัวรอดมาด้วยฝีมือการรบ พลังใจและไหวพริบแทน
พระคัมภีร์เปรียบว่าพระวจนะของพระเจ้าเป็นอาวุธ (เอเฟซัส 6:17) ความจริงในโลกนี้ก็มีอาวุธอยู่มากมาย ความรู้ก็เป็นอาวุธ เงินทองก็เป็นอาวุธ เส้นสาย ประสบการณ์ หน้าตาก็ยังเป็นอาวุธได้ แต่ไม่มีอาวุธไหนที่จะต่อสู้พญามารได้นอกจากพระวจนะอันเป็นอาวุธแห่งพระวิญญาณบริสุทธ์
“กระบี่อยู่ที่ใจ หากเยี่ยมยุทธแล้วไซร้ แม้กิ่งไผ่ก็ยังไร้เทียมทาน” – กิมย้ง
ในนิยายกำลังภายในของกิมย้งได้เปรียบเปรยเอาไว้แบบนี้ เอาเข้าจริงๆ พระคำของพระเจ้าก็แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ถ้าเราสามารถจดจำและมีชีวิตที่ติดสนิทกับพระองค์ เราก็เหมือนมีกระบี่แล้ว แม้ไม่พกพระคัมภีร์ เพราะมีพระคำอยู่ในใจ
หากผู้อ่านเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Book of Eli ก็จะเป็นอีกภาพหนึ่งที่ชัดเจน ตัวเอกของเรื่องเป็นชายตาบอดที่มีภารกิจนำพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายของโลกไปยังห้องสมุด แต่สุดท้ายพระคัมภีร์ก็ถูกคนร้ายแย่งชิงไป ความจริงพระคัมภีร์เล่มนั้นเป็นอักษรเบรลล์(คนตาบอดเท่านั้นที่อ่านออก) แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะตัวละครเอกท่องจำเอาไว้ได้ทุกตัวอักษร พระคัมภีร์ที่แท้จริงเล่มสุดท้ายของเรื่องจึงนั้นก็คือตัวละครเอกซึ่งเป็นชายตาบอด
พระเยซูเองในตอนที่เดินทางเข้าสู่ถิ่นธุรกันดาร 40 วัน มารได้มาผจญโดยพยายามใช้ข้อพระคัมภีร์ในการล่อลวงพระเยซู แต่พระองค์ก็สามารถมีชัยชนะได้ด้วยความเข้าใจพระพระคัมภีร์ที่ถูกต้อง (อ้างใน มัทธิว 4:1-11)
จงต่อสู้กับมารแล้วมารจะหนีไป ตัวหนังสือในกระดาษเย็บเล่มไม่ใช่สิ่งที่มารซาตานกลัว แต่มารซาตานไม่อาจต้านทานพระวจนะที่มีชีวิตได้ เพราะไม่มีใครกลัวดาบในฝัก และไม่มีนักรบที่ไหนกลัวดาบที่ในมือของเด็กทารก แต่หากดาบอยู่ในมือของยอดนักรบแล้วนั่นคือสิ่งที่เราควรกลัว
ชาวอเมซอนไม่สามารถสู้รบชนะได้ หากไม่มี Wonder Woman ส่วนคริสเตียนก็ไม่สามารถเอาชนะมารได้หากไม่มีพระเยซูคริสต์
ถ้าไม่มีพลังเหนือธรรมชาติของเจ้าหญิงไดอาน่าก็อาจต้องปิดตำนานนักรบสาวชาวอเมซอนตั้งแต่ป็อบคอร์นยังไม่หมด(โดนทหารเยอรมันฆ่าตายเรียบชัวร์ๆ ) ถึงจุดนี้เราเองต้องเปิดใจยอมรับว่าเราทุกคนเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาในสงครามฝ่ายจิตวิญญาณหากปราศจากพระเยซูคริสต์ผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า เราก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรปกป้องจากมารซาตานได้ การรบพุ่งในสงครามที่ปราศจากการนำจากพระเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับการนำชีวิตของเราไปทิ้งขว้างนั่นเอง
ชัยชนะของนักรบอเมซอน เกิดขึ้นได้เพราะพวกเธอมี Wonder Woman ส่วนคริสเตียนมีพระเยซูผู้ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง
“เช่นนี้แล้วเราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครเล่าจะต่อสู้เราได้?” – (โรม 8:31)
ด้วยรักและชูโรง
.
ติดตามบทความในคอลัมน์ #Featured คอลัมน์ในกระแสที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยกันในมุมมองของคริสเตียน มีประเด็นน่าสนใจเมื่อไหร่เจอกันแน่น๊อนนนน ☺
Related Posts
- Author:
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Narit
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก