ซีรีย์ : เรื่องเหล้าของผม
ตอนที่ : 5/6
อ่านเรื่องเหล้าของผมทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/my-alcohol-story/
ผมมีเพื่อนทั้งที่กินเหล้า และไม่กินเหล้า
ทั้งในโบสถ์ และนอกโบสถ์
ผมอยู่ทั้งในสองสังคม และบางครั้งก็เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ
.
_________________________________
.
“อะไรที่ลดลงได้ก็ลดนะเว้ย เห็นช่วงนี้ทุกวันเลย เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“อย่ากินเยอะดิวะ เดี๋ยวแกต้องขับรถกลับบ้านอีกนะ”
“อยากเก็บตังค์ไม่ใช่เหรอวะ นายก็ลดสังสรรค์ลงหน่อย ไม่กี่เดือนก็ได้กีต้าร์ตัวใหม่แล้ว”
.
นี่เป็นประโยคที่ผมมักพูดกับนักดริ๊งก์ที่ผมรู้จักและเป็นเพื่อนกัน ผมไม่คิดว่าคำพูดที่ทำให้รู้สึกผิดจะทำให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม คนที่ทำไม่ดีเขามักจะรู้ตัวอยู่แล้วแหละว่าสิ่งที่เขาทำน่ะมันไม่ดี แต่คนเราจะรับฟัง หรือยอมเปลี่ยนก็เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เรามีต่อเขาอย่างแท้จริงต่างหาก นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมีเพื่อนที่ไม่ใช่คริสเตียนอยู่เยอะ
.
กับคนที่ติดเหล้า ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่ ผมก็มองว่าเขาเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ และเราน่าจะแสดงความรักกับเขาให้มาก เป็นห่วงเขาด้วยใจจริง (โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพวกเดียวกับเขา) วันนึงความห่วงใยของเราอาจเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขาอยากหยุดก็ได้ ซึ่งนั่นจะทำให้พระเจ้าของเราดูเด่นชัดและน่าสนใจสำหรับเขามากกว่าการครองตัวสีขาวอย่างโดดเดี่ยว
.
มีเพื่อนหลายคนเข้ามาถามผมว่าทำไมผมอยู่ได้ถึงทุกวันนี้โดยไม่กินเหล้า ผมก็บอกไปตรงๆ ว่า “เออ กูมีความหลังกับมัน เหล้าทำให้ครอบครัวกูไม่มีความสุข ทำให้เสียเพื่อน และกูคิดว่ามันไม่มีเรื่องดีที่ได้จากมันเลย” การพูดความจริงด้วยความรักไม่เคยทำให้ผมเสียเพื่อน เพื่อนที่ดีจะเข้าใจ เห็นใจ ไม่กีดกัน แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่กีดกัน ล้อเลียน ไม่เข้าใจ เขาก็ไม่ใช่เพื่อนที่เราน่าจะคบด้วย… ไม่ใช่เพราะเขากินเหล้านะ แต่เพราะนิสัยของเขาต่างหาก
.
“ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก
แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก เราได้เลือกท่านออกจากโลก เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่าน”
(ยอห์น 15:19)
.
_________________________________
.
“ทำไมคุณถึงไปกินเหล้า?”
“ทำไมคุณถึงไปเล่นดนตรีกลางคืน?”
“รู้ไหมว่าทำอย่างนี้มันไม่ถวายเกียรติ?”
“เป็นคริสเตียนมาตั้งนาน ทำไมถึงยังไปผับไปบาร์อย่างนั้นอยู่? ทำไมไม่โตกับพระเจ้าซักทีนะ?”
.
นี่เป็นคำถามและประโยคแห่งความบั่นทอนที่ผมมักได้ยินในโบสถ์ แม้กระทั่งตัวเองบางครั้งก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่บ่อยๆ น่าแปลกที่ว่าผมรักพระเจ้าและชอบพี่น้องคริสเตียน แต่ก็อึดอัดทุกครั้งกับท่าที คำพูด และสายตาแห่งการตัดสินเหล่านี้ บางทีเราอาจลืมไปว่า การที่เรามาอยู่รวมกันในฐานะคริสเตียน คือเพื่อ “ตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนน้ำใจผู้ที่ท้อใจ ชูกำลังคนที่อ่อนกำลัง และมีใจอดเอาเบาสู้ต่อคนทั้งปวง” (1 เธสะโลนิกา 5:14)
.
ช่วงปี 1-2 ผมเคยดูถูกเพื่อนคริสเตียนที่เขาไม่จริงจังกับพระเจ้า เพราะภูมิใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง ตัดสินคนอื่นที่ไปไม่รอด และยังชอบกระแนะกระแหนด้วยคำพูดโดยไม่รู้ตัว แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มีพี่ๆ กับอาจารย์บางคนที่เข้ามาเตือนให้ผมระวังคำพูด อันที่จริงทุกคนมาโบสถ์ก็เพราะเขารู้ว่าตัวเองอ่อนแอทั้งนั้น
“อย่าคิดว่าตัวเองแน่”
เป็นคำพูดที่ผมจำไม่ลืม ผมเริ่มเปลี่ยนความคิด คุยกับคนเหล่านี้ใหม่ด้วยความห่วงใย ไม่หักหน้าหรือทำให้เขาดูแย่ท่ามกลางคนอื่น แต่ก็ถามตรงๆ นั่นเพราะเรารู้สึกห่วงใยเขาจริงๆ ในสิ่งที่เขาเจอและต่อสู้อยู่
.
“เป็นไงบ้าง ทำไมช่วงนี้เห็นไปกินบ่อยจัง?”
“เออ หลังๆ นี้ทำไมไปเที่ยวกลางคืนล่ะ เหงารึเปล่า?”
“แหม กลิ่นแรงเลยนะ เคี้ยวหมากฝรั่งหน่อยไหม? ยังสูบอยู่เหรอ? เครียดอะไรรึเปล่า มีอะไรให้ช่วยไหม?”
.
การเติบโตเป็นเรื่องระหว่างเขากับพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องของเรา สิ่งที่เราทำได้และควรถามมากกว่าก็คือ เราช่วยให้เขาเติบโตแล้วรึยัง? ถ้าช่วยแล้วไม่ดีขึ้นมันก็อีกเรื่องนึง เพราะส่วนที่เขาต้องทำคือเก็บเกี่ยวสิ่งที่หว่านด้วยตัวเอง แต่ใครล่ะจะอยู่เคียงข้างคนเหล่านี้ในขณะที่เขายังล้มลุกคลุกคลานอยู่ แล้วการมองเห็นความรักพระเจ้าในชีวิตของคริสเตียนด้วยกันจะไม่ยิ่งถวายเกียรติกว่าหรือครับ
.
“พระบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เราได้รักท่าน”
(ยอห์น 15:12)
.
_________________________________
.
“ทำไมพี่คนนั้นไปกินเหล้ามา แล้วยังได้เล่นนมัสการอยู่?”
“พี่คนนั้นยังกินเหล้าได้เลย ทำไมผมจะกินบ้างไม่ได้?”
.
คนในทีมต่างก็ตั้งคำถามอยู่ในใจ เมื่อ…
บางคนอยู่ในทีมนมัสการแต่โพสต์ภาพตัวเองถือแก้วเหล้าอยู่ในวงเหล้า
บางคนตื่นมาโบสถ์ด้วยอาการแฮงค์และฟุ้งกลิ่นเหล้า
หรือกระทั่งบางคนต้องถูกพักจากทีมนมัสการเพราะดริ๊งก์ไม่เลิก ทั้งๆ ที่ถูกเตือนมาก่อนแล้ว
.
ผมก็เป็นนักดนตรีกลางคืนเล่นดนตรีที่ลานเบียร์ เช้าวันอาทิตย์ต้องขึ้นไปเล่นในทีมนมัสการเพื่อรับใช้ ผมรู้ตัวว่าไปอยู่ในที่ลื่นจึงต้องระมัดระวังและคอยหาทางหนีทีไล่อยู่เสมอ ชีวิตนักดนตรีกลางคืนมันไม่ง่ายและต้องเผชิญการทดลองแทบจะตลอดเวลา ผมรู้ว่ามันอาจเป็นแอกที่หนักหนาเอาการสำหรับพี่น้องบางคน แต่ขอให้คุณถามตัวเองให้ดีว่าคุณเชื่อพระเจ้าเพราะอะไร และจะทำยังไงเพื่อพิสูจน์ความเชื่อที่คุณมี สิ่งเหล่านี้มันต้องพิสูจน์ด้วยชีวิต ไม่ใช่แค่คำพูด เพราะปากที่ดื่มและปากที่ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าก็เป็นปากเดียวกัน
.
“จงพิสูจน์การกลับใจของเจ้าด้วยผลที่เกิดขึ้น”
(มัทธิว 3:8)
.
แม้กระทั่งพระเจ้าที่ทรงรู้ถึงความคิดและท่าทีในใจของคน ยังเรียกร้องให้เราพิสูจน์สิ่งที่เชื่อออกมาให้เห็น จะไปถือสาอะไรกับมนุษย์ด้วยกันที่อยากเห็นพฤติกรรมที่ดีงามและถูกต้อง ผมเองก็เชื่อว่าการเป็นทีมนมัสการต้องมีชีวิตที่บริสุทธิ์เพราะมันเป็นงานฝ่ายวิญญาณอย่างหนึ่ง แต่ผมก็รู้ว่าการมีชีวิตที่บริสุทธิ์เกิดจากการอยากมีชีวิตที่บริสุทธิ์ก่อน
.
ทั้งนี้ความบริสุทธิ์ไม่ได้เกิดขึ้นจากมนุษย์อย่างเรา เพราะเราเป็นคนบาป (และถึงไม่บาปเรื่องเมาก็มีเรื่องอื่นอยู่ดี) แต่เราจะยอมให้พระเจ้าชำระให้เราบริสุทธิ์หรือไม่ต่างหากเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่เห็นเพื่อนนักดนตรีคริสเตียนบางคนไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้าในเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็เป็นคนมีฝีมือและเชื่อพระเจ้าจริง จนสุดท้ายก็ยอมที่จะอ่อนแอ พ่ายแพ้ และนอนจมอยู่ตรงนั้น
.
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ สุดท้ายแล้วผมมักไม่ค่อยเห็นว่าคนกลุ่มนี้ในโบสถ์มีชีวิตที่เข้มแข็งขึ้น ถ้าไม่ทุลักทุเลทางความเชื่อไปตลอด ก็หายหน้าออกจากโบสถ์ไปเลย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเขาไม่ได้ถูกให้มีหน้าที่รับใช้ใดๆ ไม่ได้รับการดูแลฝ่ายวิญญาณอย่างใกล้ชิด ตัวเขาเองไม่ยอมเปลี่ยนวิถีชีวิตเดิมๆ หรือโดนซ้ำจากคนในโบสถ์ เป็นความเศร้าซ้ำซ้อนซึ่งผมเชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น และแกะที่หลงหายพระองค์ก็ทรงออกตามหา
…
ไม่ว่าจะอย่างไร เราคริสเตียนต่างเป็นคนที่อยู่ในโลก แต่ไม่ใช่ของโลกด้วยกันทั้งนั้น
ผมอยากให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความเข้าใจ และอธิษฐานเผื่อกันแบบที่พระเยซูทรงอธิษฐานเผื่อพวกเรานะครับ
.
.
“ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก
แต่ขอปกป้องเขาไว้ ให้พ้นจากมารร้าย…
ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว
แต่เพื่อคนทั้งปวงที่วางใจในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา
เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน…
เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ และกับข้าพระองค์ด้วย
เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”
(ยอห์น 17:15, 20-21)
คอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของเด็กต้นเรื่อง และการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเหล่าคริสเตียนรุ่นใหม่ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 1 ทุ่มตรงนะจ๊ะ
Related Posts
- Author:
- เป็นคนคูลๆ เป็นคริสเตียน เรียนดนตรี บุหรี่ไม่สูบ รูปโปรไฟล์ไม่ค่อยเปลี่ยน แม้ตัวจริงไม่ได้แก่แต่เพื่อนๆ ให้ฉายาว่า "ผู้ใหญ่บ้าน" เรื่องเขียนเพลงพี่ชูใจไม่ห่วง แต่เรื่องเขียนบทความนี่พี่ชูใจอยากให้ลองอ่าน
- Illustrator:
- tumtim
- เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง