EP. 3 [Depression the Series]

ความหวังสำหรับคริสเตียนไม่แฮปปี้


ผู้เขียน Phillip Holmes
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ Hope for the Unhappy Christian


ถ้าดูแบบผิวเผินแล้ว เหมียวก็ดูจะมีชีวิตที่ดีทีเดียว เธอเป็นสาวโสด มีหน้าที่การงานดี และร่วมกิจกรรมที่โบสถ์เป็นประจำ แต่เธอกลับเหงา เบื่องาน และรู้สึกแปลกแยกจากคนในโบสถ์ เปลือกนอกที่คนอื่นยกย่องชื่นชมเธอได้ปิดบังความไม่พึงพอใจและความหดหู่ของเธอเอาไว้

 

ชีวิตที่เหมียววาดฝันไว้แตกต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ที่จริง ณ ตอนนี้ เธอคิดว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิตแต่กลายเป็นว่าเธอกำลังขมขื่น  เธอเคยคิดว่าตอนอายุเท่าน้ีจะได้แต่งงาน  ยังได้ติดต่อกับแก๊งเพื่อนสาวสมัยมัํธยม มีครอบครัว และในขณะเดียวกันก็เป็นพี่เลี้ยงให้กับสาวๆ คริสเตียนรุ่นน้องไปด้วย  แต่ความเป็นจริงกลับทำให้เธอผิดหวัง ความไม่พึงพอใจนำเธอสู่เส้นทางแห่งความบาป เธอขวนขวายหาทางออกแต่กลับเจอทางตัน

 

ความหวังเดียวของเหมียวที่จะหลุดจากความไม่พึงพอใจและความทุกข์นี้คือ การเรียนรู้ศิลปะแห่งความพึงพอใจและยอมรับมุมมองของพระเจ้าตามพระคัมภีร์  สองสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เธอมีความชื่นชมยินดี

 

“ไม่ใช่คนอื่น ตัวเราเองนั่นแหละ”

 

เหมียวเป็นตัวอย่างของคริสเตียนหลายคนที่พยายามแก้ไขสถานการณ์ของตัวเอง  ความรู้สึกของแธอไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนโสดเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับคนที่แต่งงานแล้วด้วย  ทุกๆ เช้ามีคริสเตียนจากทั่วโลกที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความไม่พอใจในชีวิตตัวเอง ไม่ว่าจะชีวิตโสด ชีวิตแต่งงาน อาชีพ โบสถ์ หรือชุมชนที่ตัวเองอยู่ และฝันถึงชีวิตแบบอื่นที่อยากได้มากกว่า

 

ความไม่พึงพอใจของเรานำไปสู่ ‘ความหวังลมๆ แล้งๆ’ (และบางทีถึงขั้นคิดสั้นเลยทีเดียว)  เราพยายามจะเปลี่ยนแปลงหรือกำจัดทุกอย่างที่เราคิดว่าเป็นสาเหตุของความไม่พึงพอใจออกไป

 

“ฉันเกลียดการเป็นโสด เพราะฉะนั้นฉันควรแต่งงานซะที”

“คู่ครองของฉันไม่ได้เรื่องเลย  ฉันน่าจะหาคนใหม่”

“งานนี้ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด ฉันควรจะลาออก”

“โบสถ์นี้น่าเบื่อจัง  ย้ายโบสถ์ดีกว่า”

“ชีวิตมีแต่ความขมขื่น จบมันซะตรงนี้เลยละกัน”

“พระเจ้าไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุข  ฉันจะเลิกเชื่อแล้ว”

 

แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การเป็นโสดหรือแต่งงาน อาชีพ โบสถ์ หรือพระเจ้า  ทางออกของปัญหาไม่ใช่การเปลี่ยนสถานการณ์เสมอไป Jeremiah Burroughs เขียนไว้ในหนังสือ Contentment, Prosperity, and God’s Glory ว่า

 

เป็นที่รู้กันโดยทั่วว่า มีคนมากมายไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองสบายดีเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนหิวโซหรืออิ่มท้อง  บางคนก็เป็นมนุษย์ขี้หงุดหงิดและเอาใจยากซะเหลือเกินจนไม่ว่าพวกเขาจะถูกเรียกให้อยู่ในภาวะไหนก็จะทำตัวไม่น่ารักอยู่เสมอ  บางคนมีหัวใจแห่งความไม่พอใจ และจะไม่พอใจอยู่เสมอในทุกสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญ…

 

ไม่ว่าเจ็บป่วยหรือแข็งแรง  โสดหรือแต่งงาน  ร่ำรวยหรือยากจน  เกิดผลหรือไม่เกิดผล  หิวโซหรืออิ่มท้อง ไม่ว่าสถานการณ์เป็นยังไงก็ตาม เราก็มีข้ออ้างที่จะไม่พึงพอใจเสมอ เป็นเรื่องยากที่มนุษย์จะพอใจกับฐานะไม่ยั่งยืนหรือสิ่งของในโลกนี้ เรามักอยากได้มากขึ้น ‘ชีวิตยังดีได้กว่านี้’ อยู่เสมอ  เป็นอย่างที่ Charles Haddon Spurgeon เคยพูดไว้เลยว่า “จงจำไว้ว่าความพอใจของมนุษย์อยู่ที่จิตใจ ไม่ใช่สิ่งที่เรามี อเล็กซานเดอร์มหาราชได้ครอบครองทุกเมืองในโลกนี้แล้ว แต่ก็ยังมองหาโลกใหม่เพื่อจะครอบครองอีก”

 

แต่ผมมีวิธีที่ดีกว่านั้นมาเสนอ วิธีที่นำไปสู่ความพึงพอใจและความสุขที่แท้จริง

ความพึงพอใจอันหอมหวาน

ความทุกข์และความไม่พึงพอใจของคริสเตียนนั้นเชื่อมโยงกับมุมมองที่เรามีต่อพระเจ้า ความไม่พึงพอใจมักส่งเสียงโวยวายว่า “เธอสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้นะ!” และแอบกระซิบเบาๆ ว่า “พระเจ้าไม่ได้กำลังให้สิ่งที่เธอควรจะได้รับอยู่หรอก”  เสียงตะโกนแรกนั้นผิดทีเดียว แต่เสียงกระซิบนั้นก็ฟังดูน่าเชื่อถือ นี่แหละครับ ซาตานเป็นเจ้าแห่งการคลุกเคล้าความจริงและเรื่องโกหกเข้าด้วยกัน

 

ประโยคที่ว่า เราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า นั้นโกหกทั้งเพ!  แถมยังเป็นการทึกทักเอาเองว่าเรารู้ว่าอะไรดีที่สุดและของขวัญจากพระเจ้าไม่ใช่สิ่งดีที่สุดสำหรับเรา  คำโกหกนี้หลอกให้เราเชื่อว่า ตัวเราฉลาดกว่าพระเจ้าและตีความการทรงนำของพระองค์ว่าเป็นพระเพลิงมากกว่าพระพร

 

มันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าพระเจ้าไม่ได้ให้สิ่งที่เราสมควรจะได้รับ  เพราะเราสมควรได้รับพระพิโรธของพระองค์ แต่กลับได้รับพระคุณใหม่เสมอในทุกวัน  แล้วเจ้าความเจ็บป่วย ความทุกข์ทรมาน เรื่องดราม่าต่างๆ มันจะถือว่าเป็นพระพรได้ยังไง?  ก็การที่ในทุกๆ เช้าเราไม่ได้ตื่นขึ้นมาในนรกนั่นแหละคือพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อเรา  แม้ในเวลาที่เรารู้สึกแย่ที่สุด พระเจ้าก็ทรงสำแดงความเมตตาแก่เรามากกว่าที่เราสมควรได้รับ  ไม่มีภัยพิบัติหรือโศกนาฎกรรมใดเลยที่เลวร้ายไปกว่าพระพิโรธอันศักดิสิทธิ์ของพระเจ้าแล้ว  ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีความเพลิดเพลินใดๆ ในโลกนี้จะเทียบได้กับศักดิ์ศรีที่จะเปิดเผยแก่เรา  นี่เป็นมุมมองที่อัครฑูตเปาโลใช้เผชิญหน้ากับความทุกข์ลำบาก  “เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบันไม่สมควรที่จะเอาไปเปรียบกับศักดิ์ศรี ซึ่งจะเผยให้แก่เราทั้งหลาย” (โรม 8:18)

 

เมื่อเราระลึกอยู่เสมอว่า  ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของเรา พระเจ้ายังทรงสมควรได้รับคำสรรเสริญและการขอบพระคุณในทุกสิ่งที่พระองค์กระทำ มุมมองต่อความดีของพระเจ้าแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจที่ถ่อมลงต่อ  พระเจ้าผู้บริสุทธิ์และดีงาม มุมมองนี้ยังช่วยให้เราอดทนต่อความเจ็บปวดได้ดีขึ้น โดยรู้ว่าสิ่งดีจะมาถึงในที่สุด

 

ยิ่งไปกว่านั้นอีก ในทุกวันที่เราต่อสู้กับความไม่พึงพอใจ เราควรให้ทุกสิ่งที่เราเผชิญเป็นเหตุให้เกิดความชื่นชมยินดี Burroughs ยังเขียนไว้อีกว่า

 

ให้เรามีมุมมองที่ดีต่อพระเจ้าและคิดบวกต่อสิ่งที่พระองค์ทำในชีวิตเรา  ลองนึกดูว่ามันยากมากนะที่จะคบเพื่อนได้อย่างสบายใจไร้กังวล ถ้าเพื่อนคนใดคนหนึ่งตีความคำพูดและการกระทำของอีกคนไปในทางร้าย  ทางเดียวที่จะรักษาความชื่นชมยินดีและความชูใจท่ามกลางสังคมคริสเตียนไว้คือ การคิดบวกให้มากที่สุด  และในทำนองเดียวกัน  วิธีที่จะรักษาความชื่นชมยินดีและความชูใจของเราเองก็คือการคิดบวกต่อสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำในชีวิตเรา (Contentment, Prosperity, and God’s Glory, 7)

 

ลองคิดดูว่า ถ้าเราเชื่อสิ่งที่พระคัมภีร์บอกเกี่ยวกับมุมมองที่พระเจ้ามีต่อเราจริงๆ ล่ะก็ เราจะมองเห็นพระคุณในทุกสิ่งที่พระองค์ทำก็เป็นได้  ผมรู้ว่าท่ามกลางการต่อสู้กับความไม่พึงพอใจและความบาปที่เข้ามารุมเร้านั้น เป็นเรื่องยากที่เราจะไม่ตีความไปว่านี่เป็นคำแช่งสาปหรือการลงโทษของพระเจ้า

 

พระเมตตาของพระเจ้า เป็นความชื่นชมยินดีของเรา

เราก็เหมือนกับเหมียวนั่นแหละ ความไม่พึงพอใจในชีวิตจะนำเราสู่วังวนแห่งความไม่พึงพอใจ ความบาป ความรู้สึกผิด และความหดหู่ใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ถ้าปล่อยเอาไว้นาน  ความไม่พึงพอใจนำไปสู่ความบาป  ความบาปนำมาซึ่งความรู้สึกผิด  ความรู้สึกผิดนำไปสู่ความหดหู่ใจ แล้วความหดหู่ใจก็นำเรากลับไปยังความไม่พึงพอใจอีกครั้ง  วังวนนี้จะค่อยๆ ทำลายทุกอย่างที่เราประสบพบเจอ  ทิ้งเราไว้กับความรู้สึกว่างเปล่าและขาดสันติสุข สิ่งที่จำเป็นในการจะหลุดออกจากวังวนนี้ก็คือ การแสวงหาสันติสุข

 

“ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่าการทดลองความเชื่อของท่านนั้นทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย”
(ยากอบ 1:2-4)

 

ถ้าเรามองทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย ความตาย การสูญเสีย หรือความยากจนว่าเป็นพระคุณของพระเจ้าแทนที่การลงโทษ ชีวิตคริสเตียนของเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลง  เราควรแสวงหาพระคำของพระเจ้าเพื่อรับการปลอบประโลมว่าพระองค์ทรงรักเราและกระทำสิ่งดีเพื่อเรา ดังที่พระคัมภีร์บอกไว้ว่า

 

  • พระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วย ดังนั้นเราจะไม่กลัว (อิสยาห์ 41:13)
  • ความรักของพระเจ้าได้สำแดงและพิสูจน์ต่อเราโดยการที่พระองค์ทรงใช้บุตรของพระองค์มาเพื่อตายแทนเรา (1ยอห์น 4:10)
  • ไม่มีสิ่งใดจะแยกเราจากความรักของพระเจ้า ไม่มีเลยจริงๆ (โรม 8:35-39)
  • พระองค์ทรงรักเราด้วยความรักนิรันดร์ (เยเรมีย์ 31:3)
  • พระเยซูทรงรักเราด้วยความรักอย่างพระบิดา (ยอห์น 15:9)

 

พระเยซูทรงถูกทอดทิ้งและทนรับความเจ็บปวด (อิสยาห์ 53:3) พระองค์ทรงถูกดูหมิ่นและทอดทิ้งจากมนุษย์ พระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานและตายเพื่อความผิดที่พระองค์ไม่ได้ทำ พระองค์ทรงรับพระพิโรธของพระเจ้าเพราะความบาปของมนุษย์  ทำไมพระเจ้าจึงให้เกิดสิ่งเหล่านี้? ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราน่ะสิ (ยอห์น 3:16) เพราะพระองค์ทรงรักเรา เราจึงควรจะร่วมการทนทุกข์ในชีวิตนี้เหมือนที่พระเยซูทรงทนทุกข์ เพราะ

 

“ความทุกข์ยากทำให้เกิดความอดทน และความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เราเห็นเช่นนั้นทำให้เกิดมีความหวังใจ และความหวังใจมิได้ทำให้เกิดความเสียใจเพราะผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว”
(โรม 5:3-5)

 

แต่ขอบพระคุณพระเจ้าเพราะ “เรามีส่วนทนทุกข์กับพระคริสต์มากฉันใด ความชูใจของเราเนื่องจากพระคริสต์ก็มากฉันนั้น” (2 โครินธ์ 1:5) การคิดบวกต่อสิ่งที่พระเจ้าทำในชีวิตเรานำไปสู่สันติสุขและความพึงพอใจ ถ้าเราไม่สามารถมองเห็นการจัดเตรียมของพระองค์ในแง่ดีได้ เราจะไม่มีวันพอใจเลย และหากไม่มีความพึงพอใจแล้ว เราจะไม่มีทางได้พบกับความชื่นชมยินดีที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้เราได้เช่นเดียวกัน


แสงแห่งความหวังมีเสมอแม้ในเงาของความเศร้า  ติดตามบทความทั้งหมดในซีรีส์คริสเตียนกับโรคซึมเศร้า Depression the Series ได้ทางลิงค์นี้นะคะ >> https://choojaiproject.org/category/articles/psychology/depression-the-series/


Previous Next

  • Translator:
  • Nava
  • หนึ่งในทีมผู้แปลชูใจ ผู้สืบทอดกิจการสายไหมของครอบครัว จบศึกษาอิงค์ แต่ไม่ได้อยากเป็นครูในระบบ มีความมุ่งมั่นที่จะตามหาฝันไปไกลถึงเมืองที่มีแกะมากกว่าประชากรในประเทศ
  • Illustrator:
  • ลาเบย (Labiere)
  • จับงานวาดมาตั้งแต่มัธยม จบออกแบบมาก็ยังวาดไม่ยั้ง ยังอยู่ร่วมกันในแวดวงงานรับใช้ไม่เคยหาย พร้อมๆกับความฝันในงานมิชชั่นนารี
  • Editor:
  • Por Paula
  • พอลล่า รักเด็กและหน้าก็เด็ก บุคลิกร่าเริงสดใสวัยรุ่นชอบ จึงคร่ำหวอดในงานพันธกิจวัยรุ่น ชอบเดินทางเน้นกินและถ่ายรูป มีความสามารถทั้งการเขียน การแปล เห็นงานชูใจเลยคันไม้คันมืออยากมาร่วมแจมกัน!