บทความนี้ใช้เวลาอ่าน ประมาณ 10 นาที
.
รถติด รอแฟน ปลดทุกข์ กินข้าว ตั้งวงเม้าท์ นั่งเลคเชอร์ ฟังเทศน์ในโบสถ์…. สิ่งเหล่านี้ดูเป็นกิจกรรมธรรมดาในชีวิตประจำวันที่เราบวก “มือถือ” ไปด้วยในทุกภาคส่วน เคยลองนับดูมั้ยคะว่าแต่ละวันเราใช้เวลารูดจอมือถือนานแค่ไหน?
จากสถิติในบทความ How Much Time Do People Spend on Social Media? บอกว่า คนเราใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียไปทั้งหมดเกือบๆ 2 ชั่วโมงต่อวัน! ซึ่งถ้าลองคำนวณแล้ว ตลอดอายุขัยเราจะใช้เวลาอยู่บนโลกโซเชียลนานถึง 5 ปี 4 เดือน!!! ซึ่งเค้าก็ลองเอามาคำนวณเล่นๆ อะนะว่า ไอ้เวลา 5 ปี 4 เดือน เนี่ย เราจะทำอะไรได้บ้าง ก็ไม่มีอะไรมาก…
- บินไปกลับระหว่างโลกและดวงจันทร์ได้ 32 รอบ
- ปีนขึ้นไปปกธงบนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ 32 ครั้ง
- วิ่งมาราธอนได้ 10,000 กิโลใสๆ
- แถมให้อีกอย่าง อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี จบไป 5 รอบครึ่งด้วย!!! โอ้วววว ขุ่นพระ!
ภาพประกอบจาก www.socialmediatoday.com โดย mediakix.com
คือ โซเชียลมีเดียไม่ได้แย่นะ แต่ก็ต้องยอมรับ ถ้าปล่อยตัวปล่อยใจไม่ยับยั้งมันจะดูดกลืนสิ่งมีค่ามากที่สุดที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมานั่นก็คือ “เวลา” และการใช้เวลามากเกินไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมหมายความว่าเรากำลัง “เสพติด”
วิธีเช็คว่าเราเสพติดชีวิตโซเชียลแล้วรึยัง ให้ลองตอบคำถามต่อไปนี้
- น้องมักจะชอบความตื่นเต้นในโลกอินเทอร์เน็ตมากกว่าการใช้เวลากับเพื่อนหรือแฟนใช่มั้ย
- คนรอบตัวของน้องมักจะบ่นว่าน้องใช้เวลาเล่นเน็ตมากไปใช่มั้ย
- เวลาเจอเรื่องไม่สบายใจในชีวิตจริง น้องๆ มักจะใช้เวลานั่งเล่นเน็ตเพื่อให้สบายใจใช่มั้ย
- น้องมักจะคิดหรือรู้สึกว่า เมื่อไหร่จะได้เล่นเน็ตอีกใช่มั้ย
- เวลาถูกขัดขวางไม่ได้เล่นเน็ต มันจะมีความหงุดหงิด หัวร้อน โวยวายใช่มั้ย
- น้องมักจะเล่นเน็ตจนดึกๆ ดื่นๆ นอนน้อย ตื่นสาย ไปทำงานหรือเรียนสายใช่มั้ย
- น้องมักจะบอกตัวเองเวลาเข้าอินเทอร์เน็ตว่า “ขอเช็คแป๊ปนึง” ใช่มั้ย
- น้องมักจะพยายามลด ละ เลิกท่องอินเทอร์เน็ต แต่ก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าใช่มั้ย
- น้องมักจะเลือกใช้เวลาเล่นเน็ตมากกว่าออกไปเจอเพื่อน หรือทำกิจกรรมนอกบ้านใช่มั้ย
- น้องมักจะรู้สึกหดหู่ อารมณ์เสียง่าย กระวนกระวายเวลาที่ไม่ได้เล่นเน็ต ซึ่งพอได้เล่นแล้วก็จะอารมณ์ดีใช่มั้ย
ถ้าใช่เกินครึ่ง ก็เข้าข่ายละจ้า แต่ถ้าอยากเช็คโดยละเอียด อยากรู้ว่าตัวเองติดงอมแงมแค่ไหน เข้าไปทำในลิงค์นี้ดูนะ แต่เป็นภาษาอังกฤษนะจ๊ะ
ในทางวิชาการ อาการติดอินเทอร์เน็ตก็ถือเป็นปัญหาทางจิตชนิดหนึ่ง
ผู้เสพติดโซเชียลนั้น เวลาอยู่ในโลกโซเชียลจะมีความสุขและสมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) สร้างความสุขแบบไม่ยั้ง แต่พอออกมาเจอโลกความจริง โดปามีนไม่หลั่ง จะเริ่มออกอาการข้างเคียงคือซึมเศร้า กระวนกระวาย อารมณ์เหวี่ยง ไม่ต่างกับคนน้ำหนักเกินที่เวลาไม่ได้นำ้ตาลจะหงุดหงิดโมโหง่าย เป็นต้น ยุคนี้ถึงเป็นยุคแห่งโรคซึมเศร้าของคนเจนวาย เจนเอ็มไงเล่า!
นอกจากเรื่องร่างกาย และจิตใจแล้ว การเสพติดโซเชียลมันมีผลต่อฝ่ายวิญญาณด้วยมั้ย? ของมันแน่อยู่แล้ว!
_______________________________
ผลร้ายของการติดมือถือ ที่ต้องรู้!
-
คริสเตียนกำลังป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นฝ่ายวิญญาณ
โซเชียลมีเดียและการสื่อสารยุคดิจิตอลที่ต้องการการโต้ตอบทันที มันทำให้ใจของเราสูญเสีย “สติและสมาธิ” ในการจดจ่อ ผลกระทบก็คือ เราจะสูญเสียความนิ่งที่จะจดจ่อกับการอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน หรือแม้แต่ฟังเทศน์ หลับตาอธิษฐานพอได้ยินเสียง ‘ติ๊ง’ ทีนึงก็หลุดละ อ่านพระคัมภีร์ได้วรรคหนึ่งใจก็คิด “เอ๊ะ สเตตัสเมื่อกี้มีคนมาไลค์เท่าไหร่แล้วนะ” หรือ ฟังเทศน์อยู่ อาจารย์คนนี้เทศน์น่าง่วงนอนจัง ไม่ไหวๆ ขอเช็คเฟสแก้เบื่อหน่อยละกัน อาการนี้ฝรั่งเค้าเรียกว่า Spiritual ADD (Attention Deficit Disorder) แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ “สมาธิสั้นฝ่ายวิญญาณ” นั่นเอง เกร๋ปะล่า
การที่ทุกวันนี้มีแต่สิ่งรบกวนทำให้ไขว้เขวได้รายนาที ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำให้จิตใจสงบ พร้อมที่จะเชื่อมต่อกับพระเจ้า และเมื่อเราจิตใจเราว้าวุ่น เราจึงมักไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าที่ต้องการตรัสกับเรา ความสัมพันธ์ที่เราจะมีกับพระเจ้าจึงกระตุกเหมือนดูหนังผ่าน 3G หืม… แค่คิดก็น่าหงุดหงิดแล้ว
-
คำชมทำให้ความคิดบิดเบี้ยว “ไลค์ เม้นท์ แชร์”
ในโลกของสื่อโซเชียลที่ทุกคนต่างกระหน่ำโพสต์ความดีงามของตัวเอง แม้จะเป็นความสุขอายุขัย 5 วินาทีก็ตาม แต่อย่าได้แคร์ค่ะซิส! เราต้องโพสต์ความแฮปปี้ 5 วินั้นให้โลกรู้ค่ะ! มันเลยทำให้เรามัก “คิดไปเอง” ว่าเรานั้นดีงามกว่าใคร มันคือแหล่งที่เรารวบรวมคนที่ “ชื่นชม” ตัวเราผ่านไลค์ แชร์ หรือคอมเม้นท์ ซึ่งมันทำให้เราเห็นโลกที่ไม่เต็มใบ นั่นก็เพราะเรามองโลกผ่านคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
คือในพระคัมภีร์ก็มีบอกอยู่ว่า “ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า “วันนี้” เพื่อว่าจะไม่มีผู้ใดในพวกท่านมีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป” ฮีบรู 3:13 และการอยู่ท่ามกลางคนที่ชื่นชมเราอยู่ตลอดเวลาก็ใช่ว่าจะดี เพราะนั่นกำลังหมายความว่า เราเป็นเหล็กที่กำลังทื่อลงไปทุกวัน เพราะไม่มีคนเตือนเรา “เหล็กลับเหล็กให้คมได้ฉันใด คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนให้เฉียบแหลมได้ฉันนั้น” สุภาษิต 27:17
-
ความสุขของเรากำลังผกผันกับการอิจฉาความสุขของคนอื่น
ผลกระทบอีกด้านของการเสพแต่ความดีงามของคนอื่น คือมันทำให้เราเปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลา รู้สึกด้อยค่าที่เราไม่มีเท่าคนนั้น ดูแฟนเขาสิหล่อจัง หูย ทำไมหน้าเรียวได้ขนาดนั้นเอาเงินที่ไหนไปทำคางใหม่มา หรืออยากเที่ยวชิคๆ ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ถ่ายแต่รูปแก้วกาแฟทั้งวันงี้บ้าง คิดแล้วก็เฮ้อ…. กับตัวเอง
พอเราเปรียบเทียบ ไม่พอใจกับตัวเอง มันทำให้เหงาง่าย วิตกบ่อย เพ้อเจ้อ ในฝ่ายวิญญาณมันทำให้เราลืมมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงที่พระเจ้าสร้างไว้ในตัวเรา ลืมมองขั้นตอนกระบวนการที่พระเจ้าจะขัดเกลาเราที่ไม่เหมือนคนอื่น และเราปล่อยให้เสียงของโลกนี้มากำหนดคุณค่าที่พระเจ้ามีไว้ให้เราแต่แรก
ผลเสียที่ลิสต์มาให้ก็เยอะเว่อร์วังอยู่ เอาละ ถ้าอยากจะหาทางออก ทำไงดี?
- ลองดูสิว่า ตัวเราใช้เวลาไปบนมือถือนานแค่ไหนต่อวันอันนี้จะได้รู้ไว้ว่าเราติดเบอร์ไหน ใช้เวลาเล่นช่วงไหนเป็นประจำ ข้อมูลพวกนี้จะได้วิเคราะห์ตัวเองถูก และจากการอ่านรีวิวมาหลายสิบสำนัก ชูใจขอเสนอแอพที่ฟรีและดีมีอยู่จริงชื่อว่า UBHind แอพฟรีขั้นเทพตัวนี้จะช่วยบอกว่าวันนึงเราใช้มือถือไปนานแค่ไหน เปิดหน้าจอวันละกี่ครั้ง ใช้แอพอะไรไปกี่ชั่วโมง มีทั้ง iOS และ Andriod (ปล. แอพนี้เปลืองแบต เปลืองเน็ตอยู่นะจ๊ะ) หลังจากที่รู้ข้อมูลตัวเองละ บางคนอาจมีอึ้งกับจำนวนเวลาที่โดนดูดไป ไปดวงจันทร์ได้กี่รอบกันละจ๊ะ แต่ละคน 555)
- ตั้งใจไม่พอ ตั้งเป้าด้วย “คนเราทนทำอะไรได้ไม่นาน ถ้าเขาไม่รู้ว่าทำไปทำไม” วิธีนี้สำคัญสุดนะพี่ว่า คือ ต่อให้เรามีวิธีการเพียบพร้อม มีแอพ มีความตั้งใจ แต่ไม่มีเป้าหมาย จะทำให้เราเป็นแค่ม้าตีนต้น คนจริงมันวัดกันยาวๆ อ๊ะ สมมติลองถามตัวเองดูว่า “ถ้าเราได้เวลาคืนมาจากหน้าจอมือถือ 2 ชม.ต่อวัน จะเอาไปทำอะไร” ปลูกผัก ดำน้ำ ดูปะการัง ขายของออนไลน์ เขียนรีวิวหนัง อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่ม เปิดเพจวาดรูป เตรียมสอบภาษาอังกฤษ โอ้ยยยย ลิสต์ไปสิจ๊ะ ชีวิตนี้อยากทำอะไรดีๆ สนุกๆ ให้ตัวเองบ้าง อยากจะเห็นตัวเองเป็นยังไง ไปถึงไหน ถ้าได้เวลาคืนมา 14 ชม./สัปดาห์! ที่สำคัญยิ่งกว่าการงดเล่นมือถือ คือชีวิตที่เราอยากเป็น หลัง จากที่เราได้กู้เวลาชีวิตเราคืนจากหน้าจอพวกนั้นต่างหาก!
- ค่อยๆ เพิ่มจำนวนชั่วโมงในการงดเล่นมือถือในแต่ละสัปดาห์ จนถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ แนวคิดนี้จะคล้ายๆ กับการเพิ่มเวลาในการออกกำลังกาย คือคนที่ไม่เคยออกกำลัง อยู่ดีๆ ให้ไปวิ่ง แค่ 15 น.ก็หอบจนท้อแล้ว คือมันไม่ควรจะวิ่งให้ได้ 10 โลตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเพราะมันเป็นไปไม่ได้! และเราจะท้อไปซะก่อน ให้เริ่มต้นทีละน้อย สม่ำเสมอ และเพิ่มระยะ ร่างกายจะเริ่มคุ้นชิน ก็จะทำให้มีกำลังใจวิ่งได้ไกลขึ้น กล้ามเนื้อเริ่มขยาย ร่างกายเริ่มปรับตัว และจิตใจสามารถรับมือกับการฝืนหรือการอดทนได้มากขึ้น คือตั้งใจดีแล้วก็ดีค่ะ แต่ตั้งใจโดยไม่รู้จักจิตใจตัวเองว่าทนได้เบอร์ไหน จะทำให้ความตั้งใจมันมีแค่ตอนเริ่มต้นและฝ่อไปอย่างรวดเร็ว
รู้ทันตัวเองก่อนจะเฟล
ความเฟลของการฝึกนิสัยใหม่ก็คือ เราไม่รู้ทันตัวเอง ทีนี้ต้องมาดูว่า อะไรเป็นตัวชักนำพาความเฟลมาสู่จิตใจเรา
- หยุดตั้งเป้าในใจ เพราะมันจะจบตั้งแต่อยู่ในใจละ ตามสถิติของการตั้งเป้ารับปีใหม่ คนอเมริกันเฟลถึง 25% ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากตั้งเป้า (ที่มา why you should write down you goal) ตั้งเป้าแล้วต้องเขียนติดฝาบ้านไว้จ้า ให้เห็นบ่อยๆ อ่านบ่อยๆ จะได้ไม่ลืมมมมมมม อ๊ะ วิธีนี้อยู่ในพระคัมภีร์ด้วยนะ
- กับดักสีแดง พวกบรรดาตัวเตือน notification ทั้งหลาย มักจะทำให้อดใจไม่อยู่ ปิดมันค่ะ ไม่ให้เด้ง ไม่ให้เตือน หาอ่านวิธีปิด notification facebook ในมือถือได้ที่นี่
- วางมือถือให้ห่างตัว โดยเฉพาะคนที่ติดการเช็คเฟสตอนเช้าและก่อนนอนนี่ถือเป็นวิธีการอันดับต้นๆ ที่ทุกข้อมูลชี้ตรงกันว่า อย่าทำ! บางคนก็บอกว่ามันต้องใช้มือถือปลุกตอนเช้าด้วยไง ก็แยกกันเถอะค่ะ ใช้วิธีวินเทจตั้งนาฬิกาปลุกแทนแอพในมือถือ ส่วนพระคัมภีร์ที่วางไว้ตรงหัวเตียงเนี่ย ปัดฝุ่นแล้วหยิบมาอ่านช่วงเวลานั้นแทนก็ดีนะจ๊ะ 555
- ใช้ตัวช่วย แอพ UBhind นี่แหละ คือความเมพของแอพนี้มันมีโหมด Lock now ให้ด้วยนะ (อันนี้สำหรับความเสพติดประเภทระงับใจตัวเองไม่ได้ ขอตัวช่วยหน่อย) เราสามารถตั้งเวลาได้ว่า เราจะใช้มือถือนานแค่ไหน ถ้าถึงเวลาที่ตั้งไว้แล้วมันจะล๊อกมือถือให้กดไม่ได้จ้า! พร้อมกับบอกว่าจะใช้ได้ต่อเมื่อถึงเวลานี้ๆ เท่านั้นพร้อมให้อ่านคำคมปลอบใจไปแทนว่า “ต้นไม้ของความอดทน จะออกผลที่หวานฉ่ำ” โอ๊สสส บาดไปอีก!
- หาอะไรทำแก้เบื่อแทนการหยิบมือถือขึ้นมารูด อ๊ะ หาหนังสือไซส์ขนาดพกพาได้ติดกระเป๋า สมุดเล่มบางกับดินสอเอาไว้สเก๊ตช์รูปเล่นงี้ หันไปคุยกับคนแปลกหน้าที่ยืนรอรถเมล์อยู่ข้างๆ งี้ นัดคุยกับเพื่อนตัวเป็นๆ งี้ ออกไปเที่ยวฝึกถ่ายรูป หัดเล่นกีต้าร์ ไปช่วยทีมนมัสการงี้ โอ้ย… เยอะแยะไปค่ะคุณณณณณ
สุดท้ายยยยย ข้อนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด
อธิษฐานสิจ๊ะรอไร นี่คือสิทธิพิเศษที่เราคริสเตียนมี นั่นคือ พระเจ้าพร้อมช่วยเราโดยที่เราไม่ต้องพยายามไปเองซะทั้งหมด แต่อย่ามองแค่ว่าพระเจ้าเป็นตัวช่วยนะ พระองค์เป็นผู้เริ่มต้นการดีในชีวิตของเราต่างหาก ยังไงซะพี่ๆ ชูใจเชื่อว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างชีวิตน้องให้ติดแหงกอยู่หลังจอคอม จอมือถือหรอก พระองค์สร้างเราเพราะอยากสร้างความสัมพันธ์กับเรา และอยากให้เราๆ รู้จุดประสงค์และคุณค่าที่พระองค์ทรงสร้างเรามา ตัวเราเหอะ รู้ตัวรึยังเท่านั้นเอง
ด้วยรักและชูใจ
.
.
ที่มาข้อมูล
– https://www.schoolofchangemakers.com/knowledge/9986
– www.socialmediatoday.com/marketing/how-much-time-do-people-spend-social-media-infographic
– http://www.desiringgod.org/articles/smartphone-addiction-and-our-spiritual-add
– http://www.desiringgod.org/articles/facebook-obsession-and-the-anguish-of-boredom
– http://netaddiction.com/internet-addiction-test/
– https://www.theguardian.com/news/datablog/2015/dec/31/how-long-do-people-keep-their-new-year-resolutions
– https://michaelhyatt.com/5-reasons-why-you-should-commit-your-goals-to-writing.html
– https://relevantmagazine.com/article/6-practical-tips-to-free-yourself-from-your-phone/
– http://iannnnn.com/2015/1797
ติดตามบทความในคอลัมน์ #Featured คอลัมน์ในกระแสที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยกันในมุมมองของคริสเตียน มีประเด็นน่าสนใจเมื่อไหร่เจอกันแน่น๊อนนนน ☺
Related Posts
- Author:
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Perapat T.
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)