ผู้เขียน: Jade Mazarin
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: Your Relationships All Have the Same Problem
ลองคิดถึงครั้งสุดท้ายที่คุณทะเลาะกับใครสักคนดูสิ
อาจจะเป็นเพื่อน คู่ครอง หรือสมาชิกสักคนในครอบครัว
___________________________________
อะไรที่ทำให้คุณสติหลุดได้ขนาดนั้น? เชื่อมั้ยล่ะว่า เรื่องน่ารำคาญใจพวกนั้นมันมักจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย อย่างเช่น สามีไม่เคยจะจัดการงานบ้านชิ้นนั้นได้สำเร็จ หรือ แม่ที่พยายามบงการชีวิตคุณ จริงๆ แล้วสิ่งที่กวนใจคุณในสถานการณ์เหล่านี้คือท่าทีของพวกเขาที่ทำให้คุณรู้สึกว่า “พวกเขาไม่ได้รับฟังคุณ”
.
ลองหยุดคิดซักนิดสิ…
ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่คุณทะเลาะไม่ว่ากับใคร เกิดจากที่คุณหรืออีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่ได้ถูกรับฟัง บ่อยครั้งที่คุณตั้งใจให้บทสนทนาดำเนินไปด้วยดี หวังว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่คุณพยายามจะสื่อ แต่เอาเข้าจริงเรื่องกลับบานปลายและพวกเขาก็ยังไม่เข้าใจคุณอยู่ดี
ปัญหาก็คือ ขณะที่คุณยังอธิบายเรื่องของคุณไม่จบ อีกฝ่ายก็สนใจแต่ว่าคุณจะต้องเข้าใจพวกเขา แล้วทำไมการที่ใครสักคนรับฟังเราถึงได้สำคัญนักล่ะ? ทำไมถึงมีคู่รักหรือครอบครัวมากมายที่ต้องแตกแยกไปกันคนละทางเพียงเพราะว่าพวกเขาไม่รับฟังกันล่ะ? ง่ายๆ เลยนะ การรับฟังทำให้เรารู้สึกว่าเป็นที่รัก ความจริงแล้ว เราจะรู้สึกว่าใครซักคนรักเราไม่ได้เลยถ้าเค้าไม่ฟังเราก่อน
เรารู้ได้ด้วยสัญชาตญาณมาแต่ไหนแต่ไรว่าคนเราจะเอาใจใส่ในสิ่งที่พวกเขาสนใจที่สุด เพราะงั้น เราจะรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากๆ ถ้ามีใครสักคนคอยรับฟังเราจริงๆ ยิ่งคนนั้นรู้ว่าเรารู้สึกยังไง ก็ทำให้เห็นว่าเราเป็นคนสำคัญ นี่แหละคือความต้องการพื้นฐานที่ทุกคนในโลกต้องการ
.
จะเป็นยังไงถ้าเราลองถอยกันคนละก้าว แล้วทำความเข้าใจใหม่ว่าปัญหาความสัมพันธ์นั้นมันไม่ได้เกิดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มาจากความรู้สึกที่จะเอาใจใส่ต่อเรื่องนั้นๆ หากเราหยุดพิจารณาดูซักนิดว่าความจริงแล้ว อีกฝ่ายก็ต้องการสิ่งเดียวกันกับเราล่ะ?
แท้จริงแล้ว ทุกความสัมพันธ์จะถูกพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้ถ้าเรารับฟังกันและกันมากขึ้น
___________________________________
วันนี้เราขอแนะนำ
3 วิธีช่วยเพิ่มพูนความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น
ผ่านการพูดและการรับฟังกันและกัน
.
1. พูดออกมาจากใจ
เวลามีคนทำให้เราเสียใจ เราเลือกได้ว่าจะรับมือกับเขายังไง อาจจะตะโกนใส่หน้าหรือพูดจาเหน็บแนมเพื่อทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด หรือว่าจะซื่อตรงต่อตัวเองและเอ่ยความในใจออกไป อธิบายว่าตอนนั้นเรารู้สึกอะไรอยู่
.
บ่อยครั้งคนเราไม่รู้ว่าภายใต้ความโกรธนั้นมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ เราควรปล่อยให้ตัวเองได้พูดออกไปอย่างสงบ ไม่ใช่กล่าวโทษที่เขาทำให้เราเจ็บ บ่อยครั้งคนอื่นก็ทำให้เราเจ็บปวดโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เขาไม่รู้ว่าทำอะไรได้แค่ไหน เพราะแบบนี้ เราเลยไม่ควรตอบโต้ด้วยความโกรธ นี่แหละหัวใจหลักที่ต้องคำนึง เหมือนที่พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขา เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลูกา 23:34)
การแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาและเผยความอ่อนแออกมาบ้างอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันอาจจะเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ เมื่อเราไม่อยู่ในโหมดที่จะโจมตีใคร อีกฝ่ายก็จะวางโล่ลง เมื่อเรานิ่งพอและแสดงความจริงใจ เขากลับจะฟังเรามากขึ้นแทนที่จะลุกขึ้นต้านเรา
.
2. ฟังให้มากขึ้น
ตามธรรมชาติเราอยากให้คนอื่นมารับฟังเราก่อนเสมอ แต่จะเป็นไปไม่ได้เลยหากเราเอาแต่สนใจความต้องการของตัวเองเท่านั้น ถ้าเราอยากให้คนอื่นฟังเรามากขึ้น เราก็ควรที่จะฟังคนอื่นให้มากขึ้นเช่นกัน พระคัมภีร์บอกว่า ให้เรา “ไวในการฟังและช้าในการพูด” (ยากอบ 1:19)
เมื่อเราหยุดให้ใจเย็นลงและบอกตัวเองให้ยอมรับฟัง ก็จะเปิดโอกาสให้เราได้แสดงความรัก แสดงการเคารพผู้อื่น และเมื่อเราให้ความเคารพ เราก็จะได้รับมันกลับมาด้วย
มีวิธีหนึ่งที่อาจช่วยให้เรื่องง่ายขึ้น คือเมื่อเรากำลังโกรธ ลองพิจารณาดูซิว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่ได้อยากทำร้ายให้เราเจ็บมากเท่ากับที่เขารู้สึกหรอก มีคำพูดที่ว่า “คนที่ทำผู้อื่นเจ็บ เป็นเพราะเขาเองก็มีบาดแผล”
หากเรายังทำพฤติกรรมที่รังแต่จะสร้างความเจ็บปวด อาจด้วยการไม่ยอมที่จะรับฟังอีกฝ่ายจริงๆ เราจะเข้าไปอยู่ในวัฏจักรอันโหดร้ายซึ่งมีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์จืดจางลง
.
3. พระเจ้าพร้อมรับฟังเสมอ แสวงหาพระองค์ก่อน
ไม่มีใครรับฟังเราอย่างสุดจิตสุดใจได้ตลอดเวลาหรอกนะ แม้ว่าเขาจะเป็นคนใจดีที่สุด เพื่อนรักที่สุด หรือแม้กระทั่งสามีภรรยา บางทีเขาก็เหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน หรือเครียดกับปัญหาครอบครัว บางครั้งเขาก็รับฟังคุณอยู่แหละแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไงให้คุณรู้สึกดีขึ้น หรืออาจเป็นเพราะตัวคุณเองที่รู้สึกว่าพวกเขาไม่เข้าใจคุณเอาซะเลย
.
“คนเราไม่ได้สมบูรณ์แบบ และความไม่พร้อมนี้เองทำให้พวกเขามีขีดจำกัด”
.
เราบางคนก็เปราะบางเหมือนแก้วที่พร้อมจะแตกเมื่อความต้องการไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะเราเคยมีแผลจากความไม่มั่นคงทางใจที่ไม่มีใครรักษาได้ ถ้าเราตั้งความหวังให้พวกเขาให้เติมเต็มช่องว่างที่เราต้องการทั้งความรักและการยอมรับ เราจะผิดหวังและมีแต่ความเครียดและขมขื่น
แทนที่จะปล่อยให้เป็นแบบนั้น เรามีพระเจ้าที่ยังคงเชื้อเชิญให้เราเข้ามาแสวงหาพระองค์ เหมือนเป็นคู่คิดที่ดีที่สุดของเรา เราสามารถบอกความรู้สึกนึกคิดกับพระองค์ได้ ไม่ว่าจะทางคำพูดหรือหรือการคร่ำครวญ พระองค์ทรงเข้าใจคุณดีเชียวล่ะ พระองค์รู้ซึ้งถึงอารมณ์ที่คุณกำลังรู้สึกอยู่และและรู้ด้วยว่าทำไมคุณถึงได้รู้สึกแบบนั้นโดยไม่มีการตัดสิน ไม่ว่าเราสมควรจะได้รับมันหรือไม่ พระองค์ทรงเมตตาและมีพระคุณแก่เราเสมอ
.
นี่คือส่วนลึกในหัวใจเรา ความปรารถนาการยอมรับและการปลอบโยนที่ลึกที่สุดสามารถเติมให้เต็มล้นได้ด้วยความรักจากพระผู้สร้างเราเท่านั้น และถ้าเราติดสนิทกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ เราจะได้รับความรักจากพระองค์ที่ไม่ใช่แค่สำหรับตัวเราเองเท่านั้น แต่เพื่อทุกคนรอบข้างเราก็จะได้รับมันด้วย ตอนนี้เรารู้แหล่งที่มาของความรักที่เราสามารถเติมเต็มได้เสมอ เราจึงสามารถสำแดงความรักความอดทนต่อคนอื่นเพราะเราได้รับการหล่อเลี้ยงมาแล้ว และเป็นที่เดียวกับที่เราจะได้รับความรักคืนกลับมา
<3 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคารสีชมพูววว์ หรือ ใครที่มีเรื่องความรักแน่นอก อยากให้พี่ชูใจช่วยยกออก ก็ Inbox เข้ามาได้จ้า <3
Related Posts
- Translator:
- Aui Wijitra
- ผู้แปลอาสาฯ จากเมืองเจียงฮาย ผู้เชี่ยวชาญร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วเมืองเชียงรายและปริมณฑล และถึงแม้งานประจำจะล้นมือแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากวางมือจากการเป็นผู้แปลให้ชูใจ โอ้ย ขอมงให้นางด้วยค่ะ!
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- W. Wanee
- นักแปลสาวสวยเสียงทอง ผู้ซึ่งอยากรับใช้พระเจ้าด้วยความสามารถด้านภาษาของเธอ งานใดที่ให้เธอรับผิดชอบ ไม่มีพลาดแน่นอน!
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง