ซีรีย์ : เรื่องเหล้าของผม
ตอนที่ : 2/6
อ่านเรื่องเหล้าของผมทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/my-alcohol-story/
ในช่วงอายุที่เรียกได้ว่าเป็นวัยของการ “ค้นหาตัวเอง” ค่อนข้างสำคัญตรงที่ว่า ผมจะเลือกตัวตนของผมอย่างไร บางทีการตัดสินใจแม้เพียงสักเล็กน้อยในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ อาจส่งผลให้ชีวิตในภายหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ได้
_________________________________
.
การทดลองแรกช่วงม.ต้น
ผมมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่สนิทสนมมาจนทุกวันนี้ เรารู้จักกันตอน ม.ต้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกเราเริ่มค้นเจอหนทางของตัวเองนั่นคือการเล่นดนตรี และเพื่อนบางคนในกลุ่มเริ่มมีโอกาสได้ทำงานพิเศษด้วยการเล่นดนตรีกลางคืน แต่ขณะเดียวกันมันก็เหมือนดาบสองคมที่งานนี้กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะนิสัยการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ไป
แน่นอน ผมถูกชวนไปดื่มด้วย แต่ถึงแม้ตัวผมเองก็อยากไปสนุกและใช้เวลากับเพื่อน ผมกลับมีความรู้สึกขัดแย้งขึ้นมา คงเพราะประสบการณ์จากครอบครัวทำให้ผมรู้สึกแขยงที่จะแตะต้องแอลกอฮอล์ จนไม่อยากแม้จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงในสภาพแวดล้อมซึ่งอาจนำไปสู่การกระทำนั้น
.
เรียกได้ว่าอยากรู้ แต่ก็ไม่อยากลอง
.
ในวัยแค่เด็กม.ต้น ยอมรับเลยว่าตัวผมยังมีอาการปอดๆ ไม่เชื่อมั่นในตัวเองว่า ถ้าไปร่วมวงด้วยแล้วจะสามารถปฏิเสธการดื่มได้ ยังกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจถ้าได้อยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย ทางออกของผมตอนนั้นจึงเป็นการหนี แม้จะเสียดายแต่ก็กลั้นใจทิ้งเวลาที่น่าจะสนุกสนานนั้นไป นึกขอบคุณพระเจ้าว่าการยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง ทำให้เป็นข้ออ้างว่าปฏิเสธเพื่อนไปได้ง่ายๆ
_________________________________
…
การทดลองถัดมาเริ่มขึ้นอีกตอนมัธยมปลาย
ผมถูกชักชวนบ่อยครั้งมากขึ้น เหตุเพราะมีเพื่อนสนิทเพิ่มขึ้นมาอีกกลุ่ม คราวนี้เป็นกลุ่มใหญ่ที่รวบรวม “เด็กหลังห้อง” ของทุกห้องเข้าด้วยกัน ซึ่งจะมีกิจวัตรประจำสัปดาห์คือรวมตัว ‘นั่งดริ๊งค์’ กันทุกคืนวันศุกร์ และเพิ่มเติมในวันพิเศษอื่นๆ
“ลองสักหน่อยมั้ยๆ ไปสนุกกัน” เป็นประโยคที่ได้ยินจนชินหูในตอนนั้น
ถึงแม้หลายครั้งที่รู้สึกใจอ่อน ไม่อยากฝืนกระแสสังคม แอบกลัวเพื่อนจะมองเราแปลกแยก น่าเบื่อ หรือน่ารำคาญจนเลิกคบ แต่ภาพที่ทำให้ผมใจแข็งปฏิเสธได้ทุกครั้งก็คือ ภาพของแม่และยาย ที่ต้องอดทนกับพ่อและตาที่เมากลับบ้านเสียงดังทุกคืน ทำให้ผมตัดสินใจและปักหมุดความคิดตัวเองในช่วงม.ปลายว่า ถ้าเพื่อนมันจะเลิกคบเราด้วยเรื่องพวกนี้ก็แล้วแต่
ผมมักปฏิเสธการดื่ม แต่ก็ไม่เคยกล้ากล่าวเตือนเพื่อนๆ นักดริ๊งค์ทั้งหลายจนเหตุการณ์สูญเสียได้เกิดขึ้น
ผมเสียเพื่อนร่วมชั้นไปถึง 2 คนเพราะเหล้า คนหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ เสียชีวิตในเช้าที่เขากำลังขี่รถกลับบ้านหลังกิจกรรมสังสรรค์ อีกคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียชีวิตคาที่เพราะรถชนเข้ากับเสาไฟฟ้า แน่นอน… เมาแล้วขับคือสาเหตุของความสูญเสีย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เพื่อนในห้องทั้งหมดสะเทือนใจเลิกกินเหล้าไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และทำให้ผมตระหนักมากขึ้นว่า บางครั้ง เรื่องที่พอจะทำได้เพื่อรักษาชีวิตอีกคนหนึ่งไว้ก็คงมีแค่การกล่าวเตือนเท่านั้น เพราะอย่างไรก็ตาม ผมไม่มีอำนาจบังคับใครให้เข้ามาเดินในทิศทางที่ตัวผมคิดว่าถูกต้อง สิ่งเดียวที่ผมมีคือ “ความหวัง” เท่านั้นเอง
…
เช่นเดียวกับสถานการณ์ในบ้าน ที่ผมมีความหวังใจว่ามันจะดีขึ้นได้บ้าง เพราะมีเพียงความถี่ในการดื่มของพ่อที่ลดลง (เล็กน้อย) แต่อื่นๆ คงเดิมไม่เปลี่ยน พ่อยังคงกลับดึก ขณะที่ผมต้องรีบนอนเพื่อไปโรงเรียนแต่เช้า และแม่ก็ไม่สามารถคุยกับคนเมาได้รู้เรื่อง ดังนั้นพวกเราจึงไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่ มันทำให้ผมค่อนข้างกังวลเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว จนเกิดคำถามขึ้นมาในใจ
_________________________________
.
“คริสเตียนกินเหล้าได้ไหมฮะพี่? ”
ผมเคยถามคำถามนี้ตอนเป็นผู้เชื่อใหม่ พี่เลี้ยงตอบอย่างเรียบง่ายว่า พระคัมภีร์ก็ไม่ได้ห้าม แต่มันก็ดูไม่เป็นพระพรกับคนอื่นที่เขามองมาที่ชีวิตของเรา ผมคิดตาม…
ถ้าผมนั่งดริ๊งค์อยู่กับเพื่อนผม แน่นอนเพื่อนไม่ว่าผมแน่ คงชอบใจด้วยซ้ำที่ได้ผมไปเป็นพวกเพิ่ม แต่ถ้าวันหนึ่งผมอยากจะประกาศกับเขาขึ้นมา ถ้าผมกินเหล้า สูบบุหรี่ ผมจะบอกเขาอย่างเต็มปากเต็มคำได้ยังไงว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่พอโดยที่ผมไม่ต้องพึ่งสิ่งเหล่านี้ในการเข้าหาสังคม หาที่พึ่งทางใจ หรือเพื่อผ่อนคลาย
.
นอกจากเรื่องแม่ นี่เป็นเหตุผลที่สองที่ผมเริ่มปักหลักค่านิยมของตัวเองที่จะไม่กินเหล้า
ผมมีเพื่อนคริสเตียนเยอะ แต่มีคริสเตียนบางคนที่เชื่อแต่เหมือนไม่เชื่อ ทั้งลูกผู้รับใช้ ทั้งคนที่มาเชื่อพระเจ้าด้วยตัวเอง แต่ก็เที่ยว กินเหล้า และใช้ชีวิตกลมกลืนกับความเป็นสีเทาๆ ดำๆ ของโลกนี้ บางครั้งก็มีความคิดแว็บเข้ามาในหัวผมเหมือนกันว่า ถ้าคนเหล่านั้นทำได้ ผมทำก็คงไม่แปลก แต่… จิตใจผมไม่ได้ถูกโน้มน้าวไปในทางนั้น ผมกลับยิ่งฮึดที่จะใช้ชีวิตให้เหมือนสีขาวที่แยกออกจากสีดำ แต่คงอยู่ในผืนผ้าใบเดียวกันของโลกนี้
“แต่ท่านทั้งหลายเป็นชนชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์”
(1 เปโตร 2:9)
“กูไปได้ แต่กูไม่กินนะ พวกมึงกินกันไปเลย เดี๋ยวกูเก็บมึงเข้าห้องเอง”
.
ผมมักจะบอกเพื่อนแบบนี้ทุกครั้งที่ต้องไปอยู่ในวงเหล้า ผมก็สนุกกับพวกเขาตามประสาเด็กมัธยม ขณะที่นั่งกินโค้กก็ดูพวกมันทำพฤติกรรมชวนหัวเราะในเวลาที่โดนฤทธิ์แอลกอฮอล์
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่เพื่อนรับรู้ว่าถึงแม้จะชวนผมหนักขนาดไหน แต่เมื่อผมพูดแล้วผมก็ทำอย่างที่พูด ไม่กินก็คือไม่กิน ผมว่าการจะเป็นแบบนั้นได้ ครั้งแรกๆ นั้นสำคัญที่สุด
เวลาเพื่อนชวน ถ้าเราปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรก ครั้งต่อๆ มาจะง่ายขึ้นตามลำดับ แต่ถ้าคุณมีเพื่อนสายตื๊อ ซึ่งผมก็มีและโดนมาเยอะ การเอาชนะเพื่อนแบบนี้ได้คุณต้องมีภาพในหัวที่ชัดเจนว่า ทำไมคุณถึงไม่กินเหล้า สำหรับผมมันคือเหตุผลข้างบนสองข้อนั้น การที่คนเราใจอ่อนบางครั้งน่าจะเพราะเราไม่มีภาพของเหตุผลนั้นชัดเจนมากพอ
…
และท้ายที่สุดก็ไม่เป็นอย่างกังวล ผมยังเป็นเด็กมัธยมคนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตปกติสุขดี รายล้อมไปด้วยเพื่อน ไม่มีใครเลิกคบ ไม่มีใครแบ่งแยกผมจากความคิดและการกระทำที่แตกต่างนี้ พวกเรายังสนุกด้วยกันได้ พร้อมกับที่ผมก็มีแนวทางของตัวเองได้ด้วย
แต่การรุกเร้าของเพื่อนในสมัยม.ปลายมันไม่ได้รุนแรงเท่าในช่วงเวลาต่อมา… เมื่อเข้ามหาลัย
คอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของเด็กต้นเรื่อง และการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเหล่าคริสเตียนรุ่นใหม่ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 1 ทุ่มตรงนะจ๊ะ
Related Posts
- Author:
- เป็นคนคูลๆ เป็นคริสเตียน เรียนดนตรี บุหรี่ไม่สูบ รูปโปรไฟล์ไม่ค่อยเปลี่ยน แม้ตัวจริงไม่ได้แก่แต่เพื่อนๆ ให้ฉายาว่า "ผู้ใหญ่บ้าน" เรื่องเขียนเพลงพี่ชูใจไม่ห่วง แต่เรื่องเขียนบทความนี่พี่ชูใจอยากให้ลองอ่าน
- Illustrator:
- tumtim
- เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง