นาทีนี้ต้องยอมรับกันไปตรงๆ เลยว่า “ร้อนกว่าอากาศก็คือลีลาการฟาดงวงฟาดงาของบรรดาเมนเทอร์(พี่เลี้ยง) ในเดอะเฟสนี่แหละครับ” ☺
และล่าสุด กับชัยชนะของ เกรซ ณัฐธยาน์ แห่งทีมเมนเทอน์คริส(และมาช่า) ^^
The Face Thailand คือ รายการค้นหานางแบบและดาราที่มีเรตติ้งสูงปรี๊ดดดดดด ด้วยความที่เป็นรายการเรียลลิตี้หลายคนจึงมักรู้สึกอินไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจอ ดังระเบิดแบบนี้คริสเตียนหลายคนก็เลยอดที่จะไม่ดูไม่ได้ ไหนๆ ก็ต้องดูอยู่แล้วชูใจก็อยากจะร่วมดูให้เกิดสาระด้วย เรามาลองพยายามดูกันครับว่านอกจากความดุเด็ดเผ็ดมันยังมีมุมไหนที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตคริสเตียนจากได้บ้าง นี่พูดจริ๊งงงง
.
1. ชีวิตคริสเตียนก็มีโจทย์โปรดตีให้แตก
.
“ในสมัยนั้นไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล ต่างก็ทำตามที่ตนเองเห็นชอบ” (ผู้วินิจฉัย 21:25)
การทำตามโจทย์เป็นเรื่องสำคัญครับ ในเดอะเฟสจะมีช่วงให้ความรู้ที่เรียกว่า “มาสเตอร์คลาส” และช่วงแข่งขันจริงจังแพ้คัดออกที่เรียกว่า “แคมเปญ” ที่นอกจากจะมีไว้เพื่อขายของเนียนๆ แล้ว ยังเป็นการวัดกึ๋นของเมนเทอร์และผู้เข้าแข่งขันด้วย รายการจะกำหนดโจทย์ต่างๆ มาให้และกรรมการก็จะมาจากแบรนด์สินค้านั้นๆ ที่เป็นเจ้าของโจทย์ การตัดสินของกรรมการส่งผลชี้ขาดความเป็นไปของผู้เข้าแข่งขันและแม้ว่าแต่ละทีมจะคิดว่าตัวเองทำได้ดีกว่าแค่ไหนเมื่อผลออกมาแล้วก็ต้องเป็นไปตามนั้นครับ ถ้าผู้เข้าแข่งขันขาดสติหลุดโฟกัสจนตีโจทย์ไม่ดีเมนเทอร์ก็มีส่ายหัว หลายครั้งที่เมนเทอร์เองตีโจทย์ไม่แตกเองก็ทำเอาหน้าแตกได้เหมือนกัน (เช่น ในแคมเปญ EP.7 ที่เมนเทอร์บีตีโจทย์ของแบรนด์ “เมเบอร์ลีน นิวยอร์ก” ไม่ชัดจนกลายเป็นอวย “วิคตอเรีย ซีเคร็ท” ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่ใช้ในการถ่ายทำจนเด่นกว่าตัวเครื่องสำอางค์ที่เป็นโจทย์)
ผลงานของทีมบี ในแคมเปญ Make New York angel happen (EP.7)
หลายครั้งในชีวิตคริสเตียนเราตีความน้ำพระทัยของพระเจ้าผิด ถ้าเราตีโจทย์ของพระเจ้าไม่แตกเราก็อาจหน้าแตกได้เหมือนกัน และไม่ว่าเราเองจะคิดว่าเราทำหน้าที่บนโลกนี้ได้ดียอดเยี่ยมซักแค่ไหนถ้ามันไม่ตอบโจทย์เราก็โทษพระเจ้าไม่ได้ เพราะพระเจ้าให้โจทย์เราทุกคนเหมือนกันครับคู่มือก็คือพระคัมภีร์ไง เอ้าไปอ่านแล้วทำแคมเปญกัน!!!
ทุกคนก็ต่างคิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วแต่… มันไม่ Make it Happen อะ!!!
ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’ (มัทธิว 7 : 21-23)
การตีโจทย์ที่ผิดผลคือความพ่ายแพ้และต้องถูกส่งเข้า “ห้องดำ” และนี่คือส่วนที่ตื่นเต้นที่สุดของรายการ เมนเทอร์ของทีมที่แพ้จะเลือกสมาชิกทีม 1 คนเข้าสู่ห้องดำอันอำมหิต เมนเทอร์ทีมที่ชนะจะเลือกเพียงคนเดียวให้กลับไปแข่งขันต่อ ส่วนอีกคนที่ไม่ได้รับโอกาสก็จะถูกมองด้วยสายตาเรียบๆ แล้วยื่นแฟ้มให้ “ขอโทษค่ะ…น้องไม่ใช่เดอะเฟส” จากนั้นฉากก็ตัด คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเองหิ้วแฟ้มสีดำสวยๆ เดินออกไปร้องไห้ ซีนนี้ต้องซับน้ำตาหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเลยครับผม
คริสเตียนก็มีโมเมนต์ห้องดำนะครับ!!! ถ้าเราไม่เข้าใจโจทย์เราก็จะพลาดน้ำพระทัยของพระเจ้า ทุกสิ่งอย่างที่เราทำบนโลกนี้จะได้รับการพิพากษาในวันสุดท้าย(ทุกคนก็ต่างคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นดีหมด) และแม้เราจะทำผลงานที่ผ่านมาได้ดีแค่ไหนในสายตามนุษย์แต่คนตัดสินจริงๆ ไม่ใช่ตัวเราแต่เป็นพระเจ้า
โจทย์ของคริสเตียนคือการทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า อย่ารอให้ถึงวันเข้าห้องดำ(วันพิพากษา) แล้วได้ยินคำว่า “เราไม่รู้จักเจ้า” เพราะห้องดำของจริงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ
น้องไม่ใช่ The Face เชิญค่ะ!!!
-
พึงมีสติในการรับใช้ โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเธอนะเกด!!
“อย่าทำสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย” (ฟิลิปปี 2:3-4)
เป้าหมายสูงสุดของรายการเดอะเฟส ก็คือ หาคนที่เหมาะสมเข้าสู่วงการบันเทิง (ส่วนเป้าหมายสูงสุดของคริสเตียนก็คือประกาศและสร้างสาวก) แต่ด้วยลักษณะที่เป็นเกมโชว์เรียลลิตี้จึงเร้าให้เกิดการแข่งขันและแน่นอนต้องมีความขัดแย้งตามมา เพราะเกมตั้งอยู่บนฐานของการแพ้-ชนะ นอกจากเป้าหมายสูงสุดแล้วเมนเทอร์และผู้เข้าแข่งขันก็ต่างมีเป้าหมายส่วนตัว ศักดิ์ศรีของเมนเทอร์ทั้ง 3 คนที่ค้ำคอทำให้ทีมตัวเองแพ้ไม่ได้ ดังนั้นทุกคนจึงงัดวิธีการต่างๆ นานาขึ้นมาเพื่อไปถึงเป้าหมายส่วนตัว คือ การได้เป็นผู้ชนะด้วยในขณะเดียวกันก็ทำเป้าหมายของรายการไปด้วย
ความสนุกของรายการอยู่ตรงที่ความย้อนแย้งระหว่างเป้าหมายหลักซึ่งดูเป็น เป้าหมายแบบแม่พระ ปะทะ เป้าหมายส่วนตัวที่ดูเป็นนางมารร้าย คนดูไม่อาจรู้ได้ว่าสัปดาห์ไหนใครจะสวมบทบาทเป็นเมนเทอร์หรือใครจะเป็นมอนส์เตอร์ บ่อยทีเดียวที่ผู้เข้าแข่งขันที่เพียบพร้อมกว่าถูกตัดออกจากเกมด้วยเหตุผลที่ดูจะเป็นเหตุผลส่วนตั๊วส่วนตัว อย่างเช่น นโยบาย ทุบ-ทุบ-ทุบ ของเมนเทอร์ลูกเกดที่ประกาศกร้าวว่า หากทีมเมนเทอร์มาช่าแพ้และได้เข้าห้องดำ เธอจะคัดออกโดยไม่ต้องรีรอ หลังจากที่ทีมของเธอถูกเมนเทอร์มาช่าคัดออกในสัปดาห์ก่อน โดยไม่สนว่าเด็กที่ถูกส่งเข้ามาจะเป็นใคร จนถึงนโยบายใช้อารมณ์ก็เป็นแบบนี้ของพี่มาช่าที่ตอกกลับทีมลูกเกดอย่างเลือดเย็น ในขณะที่ทีมเมนเทอร์บีเข้าวินไปแบบสบายๆ เพราะไม่ต้องรบรากับใคร
การแก่งแย่งชิงดีอาจทำให้เสียทิศทางและเป้าหมายที่สำคัญที่สุดไป ในทางโปรดักด์ชั่นคือความเมามันและสนุกน่าติดตาม(เพราะเป้าหมายจริงๆ ของรายการคือเรตติ้งไม่ใช่หาผู้ชนะ) แต่เป้าหมายที่แท้จริงของคริสเตียนไม่ใช่การแข่งกันว่าใครเก่งกว่าแต่คือการประกาศสร้างสาวกของพระเยซู เพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้า และมันต้องไม่ใช่ไม่ใช่สร้างอาณาจักรของตัวเอง ดังนั้นดึงสติกลับมาครับ เราทุกคนทีมเดียวกัน!!!
การแข่งขัน และแบ่งฝ่ายมีมาตั้งแต่ในสมัยพระคัมภีร์นู้นแล้ว
“เพราะเมื่อคนหนึ่งกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของเปาโล’ และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของอปอลโล’ ท่านทั้งหลายก็เป็นเหมือนคนทั่วไปไม่ใช่หรือ?” (1 โครินธ์ 3:4)
#ทีมบี #ทีมลูกเกด #ทีมมาช่า #ทีมคริส สังคมข้างนอกเค้าแบ่งกันแบบนี้จริงๆ ครับ แต่สำหรับคริสเตียนไม่น่าเป็นภาพนี้เพราะไม่ว่าเราจะเป็นน้องเลี้ยงใคร หรือสังกัดหน่วยงานไหน ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าองค์เดียวกัน
“อปอลโลคือใคร? เปาโลคือใคร? คือผู้ปรนนิบัติซึ่งได้สอนพวกท่านให้เชื่อ ตามงานที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้แต่ละคน … เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน และทุกคนก็จะได้บำเหน็จตามการงานของตน เพราะว่าเราร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์” (1 โครินธ์ 3:5-9)
-
อย่าอินครับชีวิตดราม่ามันไม่น่าดูเหมือนในทีวี
.
“อยู่ที่มุมบนหลังคาเรือน ดีกว่าอยู่ในเรือนร่วมกับหญิงขี้ทะเลาะ” (สุภาษิต 25:24)
ข้อนี้อาจจะแหวกแนวออกมาหน่อย เชื่อว่าคริสเตียนไทยมีวิจารณญาณในการรับชมสื่อมากพอสมควรแต่ก็อยากจะบอกเอาไว้ให้รู้กัน… เพราะการดราม่านอกจอมันไม่น่าดูเหมือนในจอ เชื้อดราม่าเพียงนิดก็ทำให้เกิดเหตุการณ์วิปริตในชีวิตได้เชียว หลายๆ คนอาจจะเห็นปรากฏการณ์การกลายเป็นเมนเทอร์ในชีวิตจริงกันบ้างตามกระแส เพราะรายการเค้าทั้งดังและปัง มีวลีเด็ดมากมายที่ถ้าเราพูดกันเล่นๆ ขำๆ ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เป็นสิ่งที่ทำแล้วก็เลิกไปตามวาระ(ถ้าเราไม่ได้ทำร้ายจิตใจใครนะครับ)
ในจอการพูดจาท่าทางทั้งหมดก็ผ่านกระบวนการตัดต่อและดูแลภายใต้การถ่ายทำ เมื่อเป็นรายการบันเทิง (The Face เป็นรายการบันเทิงนะครับย้ำอีกที) ผู้คนก็มีแนวโน้มที่จะยอมรับและเข้าใจภาพตรงหน้าได้แต่หากเราจะลอกเลียนพฤติกรรมเหล่านั้นมาใช้ในชีวิตจริงเป็นจริงเป็นจังก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้ เพราะว่าชีวิตจริงไม่มีซีนแก้ตัวเหมือนในจอ ถ้าเราทำพฤติกรรมเหล่านั้น คนจะพาลเกลียด โกรธ กระโดดกอด เอานะครับ “อย่าอินเกิน”
______________________________________
สุดท้ายนี้อยากบอกชาวชูใจว่า… การรับสื่อนั้นก็ควรรับด้วยสติและวิจารณญาณนะครับ ในทุกอย่างย่อมมีข้อดีและข้อไม่ดีให้เราเรียนรู้ สิ่งสำคัญก็คือให้เราเองรู้เท่าทันสื่อและไม่ปิดกั้นตัวเองจนเกินไป ไม่ว่าจะทำอะไรก็ให้เราทำบนพื้นฐานของความรักนะครับ และอย่าลืมว่าเราอยู่บนโลกนี้เพื่อดำเนินตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ด้วยรักและสติ
ติดตามบทความในคอลัมน์ #Featured คอลัมน์ในกระแสที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยกันในมุมมองของคริสเตียน มีประเด็นน่าสนใจเมื่อไหร่เจอกันแน่น๊อนนนน ☺
Related Posts
- Author:
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
- Illustrator:
- Narit
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง