เราเป็นมนุษย์คริสเตียนธรรมดาๆ คนนึง …
มีหน้าที่ในโลกต้องรับผิดชอบ ทั้งเรื่องเรียน ทำงาน ดูแลครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง บลาๆๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่เดินไปจ๊ะเอ๋กับ ‘คุณอุปสรรค’ การตอบสนองของเราก็ไม่ต่างจากคริสเตียนส่วนใหญ่ คือ อึ้ง! กลัว!
ก่อนจะกลับไปเปิดพระคัมภีร์อ่านซักนิด อธิษฐานซักหน่อย แล้วค่อยกลับมากลัวใหม่ ท้อแท้ ร้องไห้ ฟุ้งซ่าน จนต้องบอกตัวเองให้ไปอ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานอีก วนลูปซ้ำไปมาแบบนี้ เฮ้อออ พระเจ้าคะ ช่วยหยิบปัญหานี้ออกไปซะที!
ภาพโดย Lisa Davies
ยิ่งโตขึ้นปัญหาที่เจอก็หนักขึ้น
จนเราเริ่มรู้สึกว่าการปฐมพยาบาลจิตวิญญาณขั้นต้นมันไม่พอจะประคับประคองให้กลับมาสดชื่นได้เหมือนเคย หมดหนทางจนลองหยิบเอาสิ่งของใกล้ตัวมาเป็นตัวช่วย แล้วก็กลายเป็นว่าพบทางสว่าง! เพราะเจ้าสิ่งนี้ทำให้เราสามารถจดจำพระคุณและนับพระพร(แบบเป็นรูปธรรม) เพื่อจะรักษาความเชื่อและผ่านช่วงเวลาแห่งการทดสอบนั้นมาได้
สิ่งของใกล้ตัวที่ว่านั่นก็คือ..
คือ…
….
‘โพสต์อิท!!!’ (ใช่! ไอ้กระดาษมีกาว ที่เราชอบเอาแปะเตือนความจำนั่นแหละ)
ภาพโดย Steinar La Engeland
___________________________________
ช่วงเวลาอันแสนจะยุ่งยาก ของเราเริ่มจากความมุ่งมั่นที่อยากไปเมืองนอก สาเหตุก็เพราะชอบภาษาอังกฤษมาก แต่ไม่มีอะไรในมือนอกจากคำว่า “อยากไป”
แล้วก็ไม่มีเงิน (สิ่งสำคัญที่ซู้ดดด) และไม่มีแผน แถมพ่อยังไม่เห็นด้วยอย่างแรง สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้เราต้องออกจาก “คอมฟอร์ทโซน” (comfortzone) ของตัวเองเพื่อทำตามฝัน ทั้งที่เป็นคนเกลียดการเปลี่ยนแปลงหรือเริ่มต้นทำอะไรใหม่สุดๆ
ปีแห่งการเดินตามความฝันปีแรกเต็มไปด้วยการดิ้นรน ร้องไห้ กลัว กระวนกระวาย (ชนิดสติแตก) และการถามคำถามเดิมๆ ซ้ำไปมาว่า “แล้วจะทำยังไงต่อ? ต้องล้มเลิกความฝันใช่มั้ย?” จากที่เคยรู้ดีว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระองค์ ก็กลายเป็นไม่รู้อีกแล้วว่าพระเจ้าจะนำเราผ่านเหตุการณ์ยากๆ เหล่านี้ไปได้ยังไง (เชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้สึกแบบเดียวกัน)
เรารู้สึกว่าตัวเองถอยหลังไม่ได้เพราะคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตถ้าไม่ได้ทำสิ่งนี้ ทางเลือกเดียวที่มีคือการเดินหน้า แต่แค่การลงมือทำความฝันที่ว่ายากแล้ว ก็ไม่เท่าการต่อสู้กับความกลัวขั้นมโนของตัวเองที่ทำให้ทุกอย่างยากขึ้นไปอีก ถึงอย่างนั้น แม้เราจะควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ได้ แต่เราควบคุมการตอบสนองของเราได้
เราถามตัวเองว่า “จะปล่อยให้ความกลัวโจมตีเราทุกวันแบบนี้โดยไม่จัดการเลยเหรอ?”
เคยได้ยินกันไหม “ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากใจ ถ้าใจแพ้ คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไร” ขอคอนเฟิร์มอีกคนว่ามันจริงค่ะ สิ่งที่สำคัญพอๆ กับการลงแรงต่อสู้กับปัญหาชีวิตก็คือการทำให้ใจเราอยากจะต่อสู้อยู่นี่แหละ
ถ้าใจเราอ่อนแอ เราก็พร้อมที่จะ “เท” ทุกอย่างได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการคอยรักษาระดับและเพิ่มพูนความเชื่อของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ หลายครั้งคนเราชอบท้าทายให้ตัวเองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มสีสันให้ชีวิต แต่กลับไม่เคยลองสู้กับใจตัวเองเลยซักครั้ง
ชีวิตเราต้องพบเจอกับความไม่แน่นอนเสมอ โดยเฉพาะชีวิตที่เดินไปกับพระเจ้าบนเส้นทางแห่งความเชื่อ (แน่นอนว่าเป็นเส้นทางที่ไม่สามารถมองเห็นได้ก่อนล่วงหน้า) ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงเรื่องที่เจอมันหนักหนาเกินไปหรอก เพราะไม่มีอะไรเลยที่หนักเกินกว่าพระเจ้าจะรับมือไหว แต่ปัญหาอยู่ที่จิตใจขี้กลัวของเราต่างหาก เราอธิษฐานอย่างหนัก และให้คนอื่นช่วยอธิษฐานเผื่อ พร้อมกับคอยบอกตัวเองให้ระลึกถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าและวางใจในพระองค์ แต่แค่การบอกตัวเอง ก็ยังไม่สามารถหยุดความกลัวขั้นเอ็กซ์ตรีมของเราได้ เราเลยต้องมองหาตัวช่วยเสริมอีก
ปกติเราก็ใช้ โพสต์อิทในการเตือนตัวเองให้ทำอะไรอยู่บ่อยๆ ทำไมไม่ใช้เพื่อเตือนสิ่งที่พระเจ้าทำในชีวิตเราบ้าง? สิ่งที่เราทำก็เหมือนกับการจดใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านมาย่อยให้สั้นลง ได้ใจความและเข้าใจง่ายมากขึ้นโดยการ… “จดมันลงไป แล้วแปะในที่ๆ เราจะมองเห็นชัดๆ !!!”
เราเขียนๆ แล้วก็แปะเอาไว้แปะนี้แหละให้เห็นกันไปเลย
วิธีการของเราเป็นแบบนี้ค่ะ
โพสต์อิทแผ่นแรก:
จดปัญหาของเราลงไปอย่างสั้นๆ แบบที่ตัวเองจะเข้าใจได้ง่าย พร้อมวันที่
โพสต์อิทแผ่นที่สอง:
ใช้ปากกาคนละสีเขียนสั้นๆ ว่าพระเจ้าให้คำตอบหรือช่วยเราจากปัญหานั้นยังไง โดย
ติดไว้คู่กับแผ่นแรก เพื่อให้รู้ว่านี่คือประเด็นเดียวกัน
* ถ้ามีปัญหาใหม่เข้ามา (ซึ่งมันมีแน่) ก็ทำเป็นคู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
**อาจเว้นระยะแปะของแต่ละคู่ไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการแยกประเด็น
หลังจากทำตามนั้นแล้วก็เหลือแค่มองและนับบันทึกการเดินทางฉบับย่อระหว่างเรากับพระเจ้าบนโพสต์อิทแต่ละคู่ดูว่าพระคุณของพระเจ้าช่วยให้เราผ่านเหตุการณ์แบบไหนมาบ้างในปีนี้
ภาพโดย Daria Nepriakhina
โพสต์อิทช่วยอะไร?
- ช่วยย้ำเตือนเราถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า
การจดจำความช่วยเหลือของพระเจ้าไว้ในสมองอันน้อยนิดของเราคงไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เพราะมนุษย์มักขี้ลืม ดังนั้นการจดเอาไว้ในสมุดบันทึกจึงถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีทีเดียว แต่วิธีที่เราคิดว่าเจ๋งกว่านั้นคือการแปะมันเอาไว้ในที่ที่เราเห็นบ่อยที่สุด เพราะจะมีอะไรที่ทำให้เราจดจำได้ดีไปกว่าการเห็นผ่านตาอยู่เรื่อยๆ ล่ะ จริงไหม?
ในเวลาที่กลายร่างเป็นมนุษย์ฟุ้งซ่าน เรามักจินตนาการไปเองว่าเรื่องแย่ที่สุดกำลังเกิดขึ้น และความหวังของเรากำลังจะพังทลาย สถานการณ์แบบนี้มักลงท้ายด้วยการร้องไห้และวุ่นวายใจมากกว่าจะอธิษฐานด้วยความเชื่อ ซึ่งในช่วงเวลานั้นแหละ โพสอิทจะทำหน้าที่เหมือนเสียงตะโกนบอกกับความกลัวในใจเราว่า “เฮ้ยย ดูนี่สิ นี่พระเจ้านำเรามาตั้งหลายครั้งแล้วนะ พระองค์ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง แล้วครั้งนี้พระองค์จะพลาดได้ไง?” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วความฟุ้งซ่านจะเบาลง ทำให้เราสามารถอธิษฐานเพื่อจัดการความฟุ้งซ่านของตัวเองได้
- เป็นการท้าทายเราให้วางใจในพระเจ้ามากขึ้น
ถ้าเราเขียนปัญหาในโพสต์อิท แล้วแปะไว้ที่ข้างฝา โดยที่ยังไม่ได้คำตอบจากพระเจ้า มันจะสร้างความรู้สึกกดดันเบาๆ แบบว่า.. จะเขียนไว้งี้เลยเหรอ? ถ้าพระเจ้าไม่ตอบล่ะ? แต่ในขณะเดียวกันความกังวลเล็กๆ ว่าพระเจ้าอาจไม่ตอบคำอธิษฐานนั้นจะเตือนเราให้กลับไปคอยมองดูโพสต์อิทแผ่นก่อนๆ ที่ยืนยันถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า จนกลายเป็นแรงผลักดันให้เราอธิษฐานด้วยความเชื่อมากขึ้น และแน่นอน อย่างที่เรารู้กันว่า “มีความเชื่อเท่าเมล็ดพืช ก็เคลื่อนภูเขาได้” (มัทธิว 17:20) เราจะได้เห็นความสัตย์ซื่อและยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอีกครั้งผ่านคำตอบของพระองค์ ถึงแม้คำตอบนั้นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคาดไว้ก็ตาม การฝึกทำแบบนี้บ่อยๆ จะทำให้จิตวิญญาณที่ไวต่อความกลัวเปลี่ยนไปตอบสนองด้วยความเชื่อมากขึ้น
___________________________________
จำนวนโพสต์อิทที่เพิ่มขึ้นนั้นตอกย้ำถึงพระคุณและแผนการที่พระเจ้าคอนเฟิร์มให้กับความฝันของเรา
สำหรับเราแล้ว ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ ‘กล้ามเนื้อแห่งความเชื่อ’ ของตัวเองได้ออกแรงและเติบโตขึ้นอย่างมากโดยผ่านอุปสรรคที่ต้องเจอ แล้วคุณล่ะ ใช้วิธีไหนในการเสริมกำลังกองทัพแห่งความเชื่อ? ลองทำกันดูได้นะคะ
ด้วยรักและโพสต์อิท
ติดตามบทความในคอลัมน์ #Featured คอลัมน์ในกระแสที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยกันในมุมมองของคริสเตียน มีประเด็นน่าสนใจเมื่อไหร่เจอกันแน่น๊อนนนน ☺
Related Posts
- Author:
- หนึ่งในทีมผู้แปลชูใจ ผู้สืบทอดกิจการสายไหมของครอบครัว จบศึกษาอิงค์ แต่ไม่ได้อยากเป็นครูในระบบ มีความมุ่งมั่นที่จะตามหาฝันไปไกลถึงเมืองที่มีแกะมากกว่าประชากรในประเทศ
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน