EP. 23

8 ขี้ที่ทำให้ชีวิตคริสเตียนแปดเปื้อน


.
ขึ้นชื่อว่า “ขี้” รับรองเลยว่าคงไม่มีใครชอบ! ☺

ตามความหมายทางพจนานุกรมแล้ว คำว่า “ขี้” มีความหมายความถึงกากอาหารและสิ่งที่ไม่พึงประสงค์

“ขี้” เป็นได้ทั้งคำนาม คำกริยา และคำวิเศษ โอ้โหครับช่างมีความลึกซึ้งหลากหลาย แต่ไม่ว่าขี้จะทำเอาไปวางไว้ตรงไหนของประโยคมันก็ยังไม่น่าพิศมัยอยู่ดี ชีวิตคริสเตียนก็เหมือนกัน มีอาการไม่พึงประสงค์หลายอย่าง มาดูกันว่าลักษณะไม่พึงประสงค์มีอะไรบ้างและผลร้ายของมันมีมากขนาดไหน (ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่เรื่อง ขี้ๆ นะครับ) ☺

_________________________

1. ขี้เกียจ

 

“ประตูหันไปมาด้วยบานพับของมันฉันใด
คนเกียจคร้านก็ทำอย่างนั้นบนที่นอนของเขาฉันนั้น”
(สุภาษิต 26:14)

เอ้า! จะสโลว์ไลฟ์อะไรปานนั้น เราอาจคิดว่าอาการขี้เกียจนั้นไม่น่าจะถึงขั้นความบาปเพราะว่าเราไม่ได้ไปรบกวนใคร ขี้เกียจก็ขี้เกียจของเราคนเดียวนิ แต่ความจริงของโลกก็คือ “ถ้าคนหนึ่งไม่ทำ อีกคนจะต้องเป็นคนทำแทนในส่วนของคนขี้เกียจนั้น” ถ้าลูกไม่ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่จะลำบากมากขึ้น ถ้าเราอู้งานบริษัทก็จะเสียหาย ถ้าเรากินแรงเพื่อนก็เหนื่อยมากขึ้น และนั่นเป็นการเบียดเบียนคนอื่น ชัด ๆ เลย

บางคนอาจจะถามว่าถ้ารวยล่ะนอนเฉย ๆ ได้ไหม? จ้างให้คนอื่นทำแทนหมดแล้วรับรองไม่มีใครลำบากเพราะเราฟรี ๆ แต่ในเอเฟซัสบอกไว้อย่างนี้ว่า “พระเจ้าสร้างเราให้ประกอบการดี” (อฟ 2:10)  ถ้าเราดีแต่นอนเห็นทีจะไม่ได้แล้วครับ เพราะเรายังมีงานของพระเจ้าที่ต้องทำอยู่ ที่สำคัญงานของพระเจ้าฝากคนอื่นทำไม่ได้และพระเจ้าจะคิดบัญชีรายบุคคล ในมัทธิวบทที่ 25 บอกว่า คนที่ที่ไม่ทำอะไรเลยนั้นเป็นเหมือน  ‘​บ่าว​ชั่ว​และ​เกียจ‍คร้าน’ แบบนี้ต้องแอ๊คทีฟหน่อยแล้ว

_________________________

 

2.ขี้ขโมย

 

“คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า
เพื่อจะได้มีอะไร ๆ แจกให้แก่คนที่ขัดสน”
(เอเฟซัส 4:28)

บางทีเราก็ขโมย สิ่งที่มองไม่เห็น เช่นเราขโมยเกียรติของพระเจ้า

เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเราไม่ควรไปหยิบฉวยของที่ไม่ใช่ของเรา คำสอนที่ไหนก็เตือน บัญญัติ 10 ประการก็เขียนเอาไว้ แต่หลายครั้งเราไปหยิบฉวยสิ่งที่มองไม่เห็นจากคนอื่น การกระทำเหล่านั้นก็เข้าข่ายการขโมยด้วยครับ เช่น การขโมยเกียรติของผู้อื่น พระเยซูเองก็เป็นแบบอย่างในเรื่องนี้พระองค์ไม่เคยขโมยเกียรติของใคร เช่นในการอัศจรรย์ครั้งแรกที่หมู่บ้านคานาเมื่อทรงเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่นทางเจ้าภาพก็ได้รับเกียรติ หรือ เมื่อประชาชนสรรเสริญพระองค์พระองค์ก็บอกให้เขาสรรเสริญพระเจ้า หลายครั้งเราเองขโมยเกียรติจากพระเจ้าหรือพี่น้องของเรา เกียรติเป็นของใครก็ควรเป็นของคนนั้นเราไม่ควรออกหน้ารับแทนเขา การรับเกียรตินั้นรับได้ครับ แต่การรับเกียรติที่ควรเป็นก็คือควรใช้ใจรับไม่ใช่ใช้หน้ารับนะครับ

_________________________

3. ขี้โกง

 

“ตราชูขี้ฉ้อนั้นเป็นที่เกลียดชังต่อพระเจ้า แต่ลูกตุ้มที่ยุติธรรมเป็นที่ปีติยินดีแด่พระองค์”
(สุภาษิต 11: 1)

 

ทุกคนล้วนเกลียดคนขี้โกง และพระเจ้าก็ทรงชังคนเหล่านั้น การโกงมนุษย์นั้นมีบทลงโทษเอาไว้ให้ติดคุก แต่การโกงพระเจ้านั้นบทลงโทษถึงตาย ถ้าเรายังจำได้ถึงเรื่องราวของอานาเนียกับสัปฟีราได้ ที่พวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและยักยอกเงินจากการขายที่ดินบางส่วนเอาไว้ผลก็คือพวกเขาต้องตาย (กิจการ บทที่ 5) ให้เราซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า และถวายสิ่งที่ดีที่สุดให้พระองค์ ซึ่งก็คือการเชื่อฟังและหัวใจที่ซื่อตรง เพราะมีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

“… ดูเถิดที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตว์บูชาและซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้”
(1 ซามูเอล 15:22)

_________________________

4. ขี้โกหก

 

“พระองค์ทรงทำลายผู้ที่มุสา
พระเจ้าทรงสะอิดสะเอียนต่อผู้กระหายเลือด และคนหลอกลวง”
(สดุดี 5:6)

 

ขี้จุ๊ ขี้ฮก ขี้ตั๊ว เบเบ๋ คือคุณสมบัติเด่นของมารจนได้รับตำแหน่ง พ่อของการมุสา และการโกหกนี้เองที่เรามักเผลอทำกันบ่อยที่สุด คนเราโกหกเพื่อปกป้องตัวเองและเอาตัวรอด แต่พระคำของพระเจ้าบอกว่า “สัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท” (ยอห์น 8:32) การที่เราโกหกนั้นทำให้เราตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดและเป็นทาสของความหลอกลวง ยิ่งโกหกชีวิตยิ่งยุ่งเหยิง เช่น ตอนที่อับราฮัมโกหกฟาโรห์ว่าภรรยาเป็นน้องสาว จนนางซารายเกือบจะได้กลายเป็นมเหสีแห่งมหานครลุ่มแม่น้ำไนล์ คริสเตียนเป็นลูกของความสว่างไม่ใช่ลูกของมาร เราจึงควรยืนอยู่ข้างความจริงจะคูลกว่า

_________________________

5. ขี้บ่น และขี้ทะเลาะ

“อยู่ในแผ่นดินทุรกันดาร ดีกว่าอยู่กับผู้หญิงที่ขี้ทะเลาะและจู้จี้ขี้บ่น”
(สุภาษิต 21:19)

บลาๆๆ ไม่มีอะไรจะน่าหน่ายใจไปกว่าการอยู่ใกล้คนที่พ่นน้ำลายออกมาเป็นคำบ่น ทันทีที่เราเปิดปากบ่นระบบการรับฟังของเราก็จะปิดลง การบ่นกับการทะเลาะมักมาเป็นของคู่กัน การบ่นเป็นการระบายออกที่ไม่ช่วยให้สถาการณ์ดีขึ้นและยังแสดงถึงการไม่วางใจพระเจ้าด้วย พระเจ้าไม่ปรารถนาให้เราเป็นคนขี้บ่นแต่อยากให้เราเข้ามาหาพระองค์ เพื่อระบายความในใจต่อพระองค์ “ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระองค์ตลอดเวลา จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา” (สดุดี 62:8)

การบ่น กับการระบายความในใจไม่เหมือนกัน เพราะในการบ่นไม่มีที่ว่างให้กับความวางใจ การบ่นกับการทะเลาะมักมาเป็นของคู่กัน ส่วนการระบายความในใจนั้นคู่กับการปลอบประโลมหัวใจ

_________________________

 

6. ขี้อวด

“บ้างก็โอ้อวดเรื่องรถรบ บ้างก็เรื่องม้า
แต่เราอวดเรื่องพระนามพระเจ้าของเรา”
(สดุดี 20:7)

 

มีคำกล่าวว่า “คนเราไม่ควรอวดอะไรทั้งนั้นไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะอวดอะไรเราก็กำลังอวดดี อยู่ดี”

มีของดีใคร ๆ ก็อยากอวดแต่ไม่ค่อยจะมีใครอยากฟังคนขี้อวดเท่าไหร่หรอกครับ การอวดอ้างนั้นอาจดูเหมือนเป็นการยกตัวเองขึ้นมาเหนือคนอื่นแต่การทำแบบนั้นคนฟังก็เท่ากับถูกกดลงไป คนเราจึงอวดข่มกันไปข่มกันมาผลก็คือ ต่างคนต่างถูกกดจนแทบจะจมดิน เผลอๆ จะพลอยเกลียดขี้หน้ากันไปซะอีก สำหรับคริสเตียนแล้วหากจะอวดอะไรนั้นให้เราอวดพระคริสต์ในชีวิตของเราดีกว่า

 

“ให้​ผู้​โอ้‍อวด อวด​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า”
(1โครินธ์ : 31:3)

 

เพราะเมื่อเรากดตัวเองลงพระเจ้าจะถูกยกขึ้นเหนือชีวิตของเรา แต่การอวดพระคริสต์ให้อวดพระองค์เทียบกับชีวิตของเรา อย่าไปยกพระเจ้าของเราข่มคนอื่นนะครับ มีหลักการสำหรับการพูดคุยกับคนอื่นโดยไม่โอ้อวดอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือ “การให้เกียรติ” ถ้าเราให้เกียรติผู้อื่นเขาก็จะให้เกียรติเราเช่นกัน และถ้าเป็นแบบนั้นต่างคนก็จะถูกยกขึ้นไม่ต้องมาอับอายและเสียเกียรติ

_________________________

 7. ขี้เหนียว

“เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านก็ไม่ได้ให้เรากิน เรากระหายน้ำ พวกท่านก็ไม่ได้ให้เราดื่ม”
(มัทธิว 25:42)

ทุกคนย่อมอยากเอาตัวรอด และเก็บสะสมไว้สำหรับความมั่นคงปลอดภัยของตัวเอง แต่การให้ออกไปนั้นทำให้เกิดความสุขมากกว่า เมื่อเราแจกจ่ายเราเองก็ได้รับด้วย ในมัทธิวข้อข้างบนเป็นตอนที่พระเจ้าพิพากษาบรรดาคนขี้เหนียว สำหรับพระเจ้าการตระหนี่เท่ากับความอธรรมทีเดียว แต่ผู้ที่แจกจ่ายให้กับคนยากจนพระคัมภีร์นับคนเหล่านั้นรวมเข้ากับคนชอบธรรม ในข้อต่อๆ มา มัทธิวได้บันทึกว่า ผู้ที่ดูแลคนยากจนก็เท่ากับได้ปรนนิบัติพระเจ้า และแผ่นดินของพระเจ้าก็ต้อนรับคนเช่นนั้น

_________________________

 

8. ขี้อิจฉา

“เพราะว่าเมื่อยังอิจฉากันและขัดเคืองใจกัน ท่านไม่ได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนังหรือ
และไม่ได้ประพฤติตามมนุษย์สามัญดอกหรือ”

(1โครินธ์3:3)

อย่าให้ใจของท่านเดือดร้อน ความริษยาเป็นดั่งไฟสุมทรวงแผดเผาใจ ไม่เคยมีใครมีความสุขจากการเป็นคนขี้อิจฉา แต่หลายคนก็ยังชอบเห็นนางอิจฉาในละคร และเอามาทำท่าเลียนแบบ ความขี้อิจฉาแตกต่างจากขี้อื่น ๆ ตรงที่มันเป็นความรู้สึก ดังนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคนเมื่อมีสิ่งเร้า ดังนั้น อาจารย์เปาโลจึงบอกว่าอาการอิจฉา เป็นอาการฝ่ายเนื้อหนัง และแน่นอนมนุษย์สามัญก็อิจฉากันเป็นปกติ แต่สำหรับคริสเตียนไม่ควรขี้อิจฉาแต่ให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่เรามี

 _________________________

สุดท้ายนี้ อยากให้เราแต่ละคนลองมาสำรวจตัวเองดูกันว่า
เรามีอะไรที่อาจทำให้พี่น้องของเราสะดุดได้รึเปล่า?

.

การที่เรามีอาการ 8 ขี้ จนชีวิตของเราแปดเปื้อน นั้นอาจเพราะเราปล่อยทุกอย่างไปตามหัวใจมากเกินไป ให้เราดึงตัวเองกลับมาผูกติดกับพระเจ้าดีกว่า

ในพระวัจนะของพระองค์ได้ พูดถึงยารักษาอาการขี้ทั้ง 8 ไว้แล้วครับใน 1 โครินทร์บทที่ 13 ก็คือ ให้เราสวมความรัก เพราะ …

“ความรักนั้นก็ อดทนนาน และกระทำคุณให้
ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง
ไม่หยาบคาย ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ
และเชื่อในส่วนดีอยู่เสมอ”

.

แบบนี้สิครับถึงจะเรียกได้ว่าเป็น คริสเตียนใสๆ ใจสะอาดปราศจาก “ขี้”

.
#ด้วยรักและอนามัย

.


ติดตามบทความในคอลัมน์ #Featured คอลัมน์ในกระแสที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยกันในมุมมองของคริสเตียน
ทุกวันพฤหัสสีส้มนะคะ ☺


Previous Next

  • Author:
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน