คนต้นเรื่อง : อ่านล่องไปกับเรือทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/


.

______________________________

“Tina! What da f_ck are you doing? Idiot!! It’s not your business!”
“GO HOME! You just go Home! F_ck! Sh_t!”

______________________________

 

อย่าพึ่งคิดว่าเข้ามาอ่านผิดเรื่องนะคะ ยังคงเป็นฉัน ทีน่าคนเดิม เพิ่มเติมคือโดนฝรั่งด่าเข้าหน้าอย่างจัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกของการอยู่เรือมาสองปีที่โดนจัดหนักแบบนี้ ไอ่เราก็ผูกมิตรไมตรี ยิ้มแย้ม แจ่มใสกับทุกคน ทำงานกับใครก็ได้ ง่ายๆ สบายๆ สไตล์พี่ไทย ประนีประนอมไปทุกอย่างเยี่ยงคนเอเชีย แต่แล้ววันหนึ่งก็โดนชายชาวดัชท์ใช้คำผรุสวาทฟาดหน้าเข้าให้ แถมเสียงดังคับเรือ ได้ยินไปแปดสิบย่านน้ำ อารมณ์ของเขาตอนนั้นเดือดพลุ่งพล่าน หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด สาวไทยหน้าตากล้าหาญอย่างฉันจึงต้องนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว แม้ว่าจิตใจภายในใจจะสั่นระรัวด้วยความโกรธและหวาดกลัวก็ตาม

 

เรื่องเกิดจากความหวังดีที่ฉันอยากจะช่วยให้งานเสร็จเร็ว แต่เขาคิดว่ามันเป็นความประสงค์ร้ายและจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง ทำให้การเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ดูตาม้าตาเรือของฉันสร้างความโกรธเคืองให้กับเขาเป็นอย่างมาก เพราะโดยทั่วไปแล้วบุคลิกของฝรั่งหรือคนขาวชาวคอเคเชียน (Caucasian) มีความเป็นปัจเจกบุคคล เขาพึ่งตนเอง และจะร้องขอความช่วยเหลือเมื่อต้องการเท่านั้น ดังนั้น การที่ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยโดยไม่ถามไถ่ กลับกลายเป็นการแส่ ข้ามหน้าข้ามตาเขาไปโดยปริยาย

เขาเป็นเชฟ ฉันเป็นผู้จัดการห้องอาหาร เราทั้งสองทำงานในแผนกเดียวกัน เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เขามีหน้าที่ดูแลครัวและลูกทีมในครัว ส่วนฉันมีหน้าที่ดูแลห้องอาหารและลูกทีมฝ่ายล้างทำความสะอาด เนื้องานจึงมีความคาบเกี่ยวกันอยู่บ้าง บางงานไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่าเป็นหน้าที่ของใคร จึงมีการกระทบกระทั่งกันเป็นบางครั้ง เขาเป็นผู้ชายชาวเนเธอร์แลนด์ ขี้เล่น พูดตรง คิดอะไรก็พูดแบบนั้น อารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย แต่จิตใจดี รักพระเจ้า ส่วนฉันเป็นหญิงไทยที่ปากกับความคิดมักจะไม่ค่อยตรงกัน จิตใจดี รักพระเจ้า ยิ้มตลอดเวลาแม้จะชอบหรือไม่ชอบ เหนื่อยหรือดีใจ หรืออยากด่าคนขนาดไหน ฉันก็จะยิ้มและประนีประนอมไว้ก่อน รักษาความสัมพันธ์ไว้เหนืออื่นใด ดังนั้นเมื่อเกิดความขัดแย้ง หรือ ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างเขากับฉัน ฉันมักจะเงียบและยอมให้เขาตัดสินใจ และเมื่อใดที่ฉันเสนอความคิดเห็นบ้าง เขาก็จะรับฟังและปรับเอาไปใช้บางส่วน

.
แต่เหตุการณ์ที่เล่าไปในตอนต้น มันทำให้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของเราสองคนขาดสะบั้นลง ต่อกันไม่ติด จากวันนั้นเราไม่คุยกันเกือบ 2 อาทิตย์ ไม่มองหน้ากัน เลี่ยงที่จะเจอกัน แม้ว่าหัวหน้าจะเรียกเราไปคุยแต่เราก็ยังไม่สามารถสานสัมพันธ์ให้กลับมาดีดังเดิมได้

.

สำหรับฉันตอนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันเหมือนเอาแก้วที่แตกแล้วมาปะติดปะต่อกันใหม่ แม้มันก็ยังเป็นแก้วใบเดิมแต่มีรอยแตกร้าว เอามือลูบคลำตรงไหนก็เหมือนมันจะบาดมือไปเสียหมด ในไม่ช้าลูกทีมของเราก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและรู้สึกได้ถึงความไม่ลงรอยกัน เพราะเราปฏิบัติต่อกันและกันต่างไปจากเดิม ตลอดเวลาในหัวฉันก็คิดว่า “เขาไม่มีสิทธ์มาด่าฉันเสียๆ หายๆ ให้คนทั้งเรือได้ยินแบบนั้น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครด่าฉันขนาดนี้มาก่อน บุพการีของฉันยังไม่เคยด่าฉันสักครั้งเดียวแล้วชายผู้นั้นมาทำร้ายฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ชอบเขา” ความคิดเหล่านี้ประดังประเดเข้ามาอยู่ในหัวฉันตลอดเกือบ 2 อาทิตย์ที่เราไม่คุยกัน

.
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เรียกฉันไปนั่งคุย ขอเคลียร์ เขาอธิบายว่า ทำไมเขาถึงโมโห ทำไมสิ่งที่ฉันทำถึงไม่ถูกต้องในสายตาของเขา ฉันควรจะต้องทำยังไงในครั้งต่อไป บลา บลา บลา คือเอาจริงๆแล้ววันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจฟังทีเขาพูดเลย สิ่งที่ฉันรอฟังจากเขาคำเดียวคือคำว่า ‘ผมขอโทษ’ แต่ก็ไม่มีคำนั้นออกมาเลย ฉันจึงนั่งฟังแต่โดยดีและพยักหน้ารับทราบ แล้วฉันก็ขอโทษเขาในส่วนที่ฉันทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฉันจะระวังเรื่องการทำงานให้มากขึ้น และก่อนจะจบบทสนทนา ฉันก็พูดตามที่สมองคิดว่า เธอควรจะระงับอารมณ์โมโหให้ได้ก่อนที่จะมาพูดกับฉัน ฉันไม่ชอบที่ใครจะมาด่าฉันว่า โง่ เพราะ ฉันไม่โง่ แล้วก็เดินจากไป มันเป็นความสะใจเล็กๆ ที่ตอกกลับได้ เพราะฉันไม่เคยตอกกลับใครแบบนี้มาก่อนในชีวิต ฉันเรียนรู้วิธีต่อสู้กับเขาแล้ว แล้วฉันก็พูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น ไม่อ้อมค้อม ด่ามา ก็ด่ากลับ ไม่แคร์สื่ออีกต่อไป จนทุกคนเห็นว่า ฉันรับมือกับเขาได้

จนถึงช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนวันอีสเตอร์ ฉันได้อ่านพระธรรมยอห์นมาถึงตอน คำอธิษฐานของพระเยซู ในบทที่ 17 ตั้งแต่ข้อ 20 ว่า

“ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว
แต่เพื่อคนทั้งปวงที่วางใจในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา
เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ และกับข้าพระองค์ด้วย
เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา
เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์
ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ดังที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น
ข้าพระองค์อยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์
เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์
เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา และพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์“


พระเยซูอธิษฐานและสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน และที่พระองค์จะได้รับเกียรติผ่านชีวิตของเราและเพื่อโลกจะได้รู้จักพระองค์เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวกัน

.
“แล้วเธอกำลังทำอะไรอยู่ ทีน่า!”

.
เหมือนฉันได้ยินเสียงนี้กับหู แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฉันปิดพระคัมภีร์แล้วก้มตัวลงอธิษฐานสารภาพบาปและกลับใจใหม่กับพระเจ้าเพราะฉันเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ฉันทำกับเชฟเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ท่าทีภายในของฉันมันผิด การกระทำตอบโต้ที่ฉันคิดว่ามันถูกต้องแต่มันกลับไม่ได้ออกมาจากความรักที่จะเป็นหนึ่งเดียวกัน ฉันแสร้งทำ ฉันเป็นคนสองหน้า!


พระเจ้าใช้เชฟในการสอนฉันว่า ฉันควรจะเป็นคนตรงไปตรงมาด้วยความรัก ฉันควรจะกล้าเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง ฉันต้องเปิดใจกว้างยอมรับวัฒนธรรมที่ต่างกันและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และฉันต้องกล้าแสดงความคิดเห็นเมื่อฉันไม่เห็นด้วย

จากบทเรียนการทะเลาะครั้งนั้น ทำให้ฉันศึกษาวิธีการทำงานของคนแต่ละทวีป แต่ละประเทศมากขึ้น ฉันสังเกตเห็นว่า…

คนเอเชีย เราทำงานหนัก เรายอมรับในสิทธิอำนาจแม้เราจะไม่ชอบ เราจะไม่ลางานจนกว่าเราจะลุกไม่ขึ้น

คนยุโรป โดยเฉพาะคนเยอรมัน เป็นคนตรงต่อเวลา รักษากฏระเบียบ แต่คนอังกฤษจะสบายๆ ไม่ค่อยชอบงานหนัก มาสายบ้าง และชอบพักทานชา

คนลาติน ไม่ค่อยชอบงานหนักแต่ก็ทำได้ ชอบเล่นไปด้วยทำงานไปด้วย ร้องเพลง เต้น เสียงดัง เฮฮาขณะทำงาน และมาสายตลอดๆ

ส่วนคนแอฟริกาและแคริเบียน เป็นส่วนผสมของเอเชียและลาติน ทำงานดี แต่ก็มักจะมาสาย ดังที่ภาษิตคนแอฟริกันว่า “White people have watch but we have time” ดังนั้นถ้าจะนัดคนแอฟริกาต้องเผื่อเวลาเยอะๆ ชิลๆ ไป ไม่ต้องรีบ เขามีเวลาเยอะ

สุภาษิตจีนบอกว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ก็คงจะจริงกับตอนนี้ เพราะเมื่อฉันรู้จักและทำความเข้าใจเชฟมากขึ้น รู้จักวัฒนธรรมของเขา หาวิธีที่จะเข้าหา และปรับตัวทำงานร่วมกัน ลมพายุระหว่างเราก็ค่อยๆ สงบลง และถึงแม้ความสัมพันธ์ของเราที่เคยปริร้าวไปแล้ว จะกลับคืนมาเล่นหัวสนุกกันไม่ได้เหมือนเคย แต่เราต่างได้บทเรียนที่เติบโตขึ้น และระวังที่จะไม่ให้ความต่างระหว่างเรา ไม่ว่าจะนิสัยหรือวัฒนธรรม มาทำให้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางนั้นเลือนหายไป ทั้งนี้ก็เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”

.

ทีน่า


Previous Next

  • Author:
  • ทีน่า : สาวผู้ใฝ่ฝันจะเดินทางรอบโลก แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อพระเจ้านำเธอให้พบเจอกับเรือ 'โลโกสโฮป' เรือแห่งความหวังที่จะนำพาเธอไปผจญโลกกว้างโดยไม่ต้องเป็นเมียทูตแต่อย่างใด
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
  • Editor:
  • Namita
  • สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย