คนต้นเรื่อง : อ่านล่องไปกับเรือทุกตอนได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/


______________________________

โลกอาหรับ ที่ฉันได้สัมผัส ไม่ได้แห้งแล้งเป็นทะเลทราย มีคนขี่อูฐไปมา

แต่โอบล้อมไปด้วยตึกสูงหรูหรา ห้างใหญ่โอ่อ่า รถราคาแพง!

______________________________

ขณะที่เรือล่องในทะเลจากประเทศศรีลังกาเพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศอาหรับ ทีมงานกลุ่มหนึ่งได้เตรียมความพร้อมและให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับชาวอาหรับให้ลูกเรือทุกคนทราบ ผู้หญิงต้องเรียนวิธีโพกผ้าบนศีรษะ ต้องใส่เสื้อแขนยาว หลวมโคร่ง กางเกงขายาว และต้องมีผ้าโพกศีรษะติดตัวทุกครั้งเมื่อออกจากเรือ ผู้หญิงโสดต้องเป่าผมให้แห้งก่อนออกจากห้องนอน มิเช่นนั้นจะถือว่า นางพึ่งเสร็จภาระกิจบนเตียงกับผู้ชายอย่างรีบร้อน! ผู้ชายก็ต้องสวมกางเกงขายาวเสมอ ยกเว้นกางเกงกีฬา

 

ลูกเรือต้องปรับเปลี่ยนศัพท์หรือคำพูด คำแนะนำตัว เช่น ห้ามใช้คำว่า เป็นคริสเตียน แต่ให้บอกว่า เป็นผู้ติดตามพระเยซูคริสต์แทน หรือ อย่าบอกว่าเราเป็นมิชชันารี แต่ให้บอกว่าเราเป็น อาสาสมัคร แทน เป็นต้น นอกจากนั้นลูกเรือยังต้องระวังเรื่องการถ่ายรูป การโพสข้อความต่างๆบนบล็อค หรือ เฟสบุค ถ้ามีโอกาสได้พูดคุยเรื่องศาสนากับคนท้องถิ่นให้เน้นจุดสนใจไปที่พระเจ้าไม่ใช่พระเยซูคริสต์ งานอีเว้นท์ที่จัดขึ้นในเรือเพื่อคนท้องถิ่นก็จะเป็นแนวให้ความรู้เรื่องวัฒนธรรมและภาษา เพื่อชักนำเข้าสู่หัวข้อสนทนาอื่นๆต่อไป ไม่สามารถทำกิจกรรมประกาศใดๆในที่โล่งแจ้ง และยังมีกฏระเบียบที่ต้องปฎิบัติตามอยู่อีกมากมาย ทั้งยังถูกเน้นย้ำอยู่เสมอๆ เพราะหากเกิดการระแวงหรือมีเรื่องบาดหมาง เรืออาจจะต้องออกจากประเทศโดยทันที แม้ว่าระเบียบและข้อปฏิบัติต่างๆจะเข้มงวดแต่ก็ยังน่ายินดีที่เรือสามารถขายพระคัมภีร์ได้ตามปกติ และที่สำคัญก็คือเราสามารถพูดเรื่องพระเจ้าได้อย่างเต็มที่และอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าให้เขาได้

ท่าเรือที่จอดในแต่ละประเทศ เป็นท่าเรือพาณิชย์จึงอยู่กับใกล้ตัวเมือง เมื่อเราเดินออกจากท่าเรือ เราก็จะเห็นตึกสูงระฟ้าและห้างใหญ่ ร้านอาหารราคาแพงมากมาย (แต่ H&M และ MANGO ที่เป็นร้านขายสินค้าแฟชั่นกลับมีราคาถูกมากจริงๆ !) นอกจากนี้ยังมีศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมให้เยี่ยมชมฟรี แกลอรี่ก็ชมฟรี ค่าขึ้นรถเมล์ก็ถูกมาก ฉันกับเพื่อนจึงมีความสุขที่ได้เดินเข้า-ออก ตามสถานที่ต่าง ๆ ของรัฐบาลได้โดยไม่ต้องเสียเงิน

อีกหนึ่งความประทับใจที่ยังจดจำได้คือ การได้ไปเยี่ยมบ้านและหนุนใจคู่สามีภรรยาชาวอเมริกันคู่หนึ่งในเมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ สามีเป็นชาวอเมริกันจากแมนฮัชตัน ภรรยาเป็นคนอเมริกัน-อินเดีย ทั้งคู่ย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อเป็นคุณครูสอนในโรงเรียนนานาชาติ วันนั้นภรรยาทำอาหารอินเดียให้เราทานที่บ้านของเขา มันอร่อยมากถึงมากที่สุด

หลังจากมื้ออร่อย เพื่อน ๆ ที่ไปกับฉันก็เริ่มแบ่งปันชีวิตในเรือและประสบการณ์พร้อมเล่าว่า ทำไมถึงขึ้นเรือ เมื่อเขาฟังจบเขาก็ซึ้งใจและดีใจที่เราสละหลายอย่างเพื่อออกมารับใช้และเรียนรู้เรื่องงานมิชชั่น ซึ่งนั่นก็เป็นเป้าหมายหลักของเขาและภรรยาด้วยเช่นกัน เขาเห็นภาพตัวเองในช่วงแรก ๆ ที่เดินทางมาที่นี่ เขาทิ้งทุกอย่างที่อเมริกาแล้วมาเริ่มต้นที่โดฮาเพื่ออยากจะประกาศเรื่องของพระเจ้ากับนักเรียน เขาตื่นเต้น แต่นี่ก็เป็นงานเย็บเต็นท์ที่ไม่ง่ายเลย พวกเขารู้สึกเหงาและอยากกลับบ้านหลายครั้ง หาเพื่อนยาก ไปโบสถ์ก็แค่ไปร่วมนมัสการ รู้สึกแปลกแยกในที่ทำงาน เขาเริ่มท้อ แต่เมื่อเราได้ฟังเรื่องราวของพวกเขาเล้ว ฉันและก๊วนเพื่อนจึงจับมือให้กำลังใจและอธิษฐานเผื่อเขา หนุนใจ ชูใจซึ่งกันและกัน เป็นบรรยากาศที่ดีมาก เมื่อกลับถึงเรือ ฉันก็ได้กลับมานั่งคิดอีกครั้งว่า การเป็นมิชชันารีนี่ไม่ง่ายเลยจริง ๆ โดยเฉพาะในต่างแดน ต่างบ้าน ต่างเมือง ต่างศาสนาแบบนี้ คนที่จะมาอยู่ได้อย่างยาวนานมั่นคง ต้องมีภาระใจอย่างมากแน่ ๆ พระเจ้าทรงทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้นผ่านการเดินทางในครั้งนี้ และมากกว่านั้น

.

คำถามหนึ่งก็ดังขึ้นมาในหัวของฉันว่า
“เธอพร้อมจะเป็นมิชชันนารีแบบนี้ไหม”

______________________________

กาฬทวีป แอฟริกา เป็นทวีปที่มีความรู้ในสมองแค่ว่า คนที่นี่ผิวดำ ผมหยิก เต้นเก่ง ร้องเพลงเพราะ และ ยากจน

โทมาซินา ไม่ได้เป็นเมืองหลวงของ มาดากัสกา แต่เป็นเมืองที่มีท่าเรือและมีเรือเมอซี่ (Mercy Ship) มาจอดเทียบท่าข้างๆ เรือโลโกสโฮป มาดากัสกา ไม่ได้เป็นป่าทึบหรือมีสัตว์ป่าอย่างในการ์ตูน (แต่มีตัวลีเมอร์อยู่ในสวนสัตว์จริงๆ) กลับเป็นประเทศที่ยากจนและร้างฝนมานานหลายปี ความยากจนและความแห้งแล้งเป็นสาเหตุของโรคภัยต่างๆมากมาย

เรือเมอซี่ ซึ่งเป็นเรือแพทย์เคลื่อนที่ จึงมาจอดเทียบท่าเพื่อรักษาผู้คนที่นี่เป็นเวลาถึง 8 เดือน เรือลำนี้เป็นเรือที่รับรักษาคนฟรี และให้ความรู้แก่พยาบาลและชาวบ้าน แพทย์และพยาบาลในเรือเป็นอาสาสมัครจากทั่วโลกซึ่งต่างยินดีสละชีวิตที่สุขสบายเพื่อมารักษาคนให้หายทางกายและได้รับความรอดทางจิตวิญญาณ มันเป็นเรื่องเหลือเขื่อและอัศจรรย์ที่เรือทั้งสองลำจอดอยู่ในท่าเรือเดียวกัน เราจึงได้แลกเปลี่ยนไอเดียในการทำพันธกิจซึ่งกันและกัน ผลัดกันเดินชมเรือของกันและกัน เรานมัสการร่วมกัน ทำพันธกิจร่วมกัน เราทานอาหารด้วยกัน ร้องเพลงและเต้นรำท่ามกลางสายฝนด้วยกัน และเราได้อธิษฐานเผื่อกันและกัน ถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่าของลูกเรือทั้งสองลำอย่างมาก เรือเมอซี่นอกจากจะเป็นโรงพยาบาลเคลื่อนที่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ยังเป็นเรือที่มี “สตาร์บัค” อีกด้วย ค่ะ! อ่านไม่ผิด ร้านกาแฟสตาร์บัค Starbucks ที่มีตรานางเงือกสีเขียวของแท้แน่นอน! กาแฟแก้วนึงสนนราคาแก้วละ 0.75 เซนต์ค่ะ มันถูกและเริ่ดมาก ฉันไปดื่มมา 2 แก้ว มีความสุขมาก เป็นพระพรที่หาที่เปรียบมิได้ ฉันรู้สึกว่าเรือทั้งสองลำนี้เป็นพรให้แก่กันและกันอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกันคือ ประกาศข่าวประเสริฐออกไปตามสายงานที่ตัวเองทำ สิ่งนี้ยิ่งเน้นย้ำและตอกย้ำฉันว่า ไม่ว่าเราจะทำงานหรือมีหน้าที่อะไรก็แล้วแต่ เราก็สามารถประกาศเรื่องของพระเจ้าได้ ชีวิตไม่มีลิมิตถ้าคิดจะประกาศ!

 

แอฟริกาใต้ (South Africa)
เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ มีทั้งคนขาว (White) คนดำ (Black) และคนผิวผสม (Coloured) ซึ่งแต่ละชุมชนสีผิวหรือกลุ่มเชื้อชาติจะแยกกันอยู่อย่างชัดเจน โบสถ์ก็เช่นกัน คนขาวจะไม่ไปร่วมนมัสการกับคนดำ มีส่วนน้อยที่คนดำจะร่วมนมัสการกับคนขาว ในส่วนของฐานะความเป็นอยู่ก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมากแล้วท่าเรือที่เรือจอดจะเป็นย่านของคนดำ ดังนั้นการเดินออกจากท่าเรือในยามวิกาลเพียงลำพังจึงทำไม่ได้ แม้จะเดินเป็นกลุ่มก็ยังไม่แนะนำ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เราสามารถตกเป็นเป้าสายตาให้ปล้นได้ในทุกย่างก้าว ต้องนั่ง Uber หรือ เรียกแท็กซี่ที่เรือแนะนำเท่านั้น

มีเพียงเมือง Cape Town เคปทาวน์ที่เรือได้จอดในท่ากลางเมืองของคนขาว มีความปลอดภัยมากและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจึงมีตำรวจตรวจตราอยู่เนือง ๆ ทำให้สามารถเดินรอบ ๆ ท่าเรือเพียงคนเดียวได้ ฉันชอบแอฟริกาใต้มากเพราะอากาศเย็นสบาย มีร้านกาแฟมากมายไม่ต่างจากบ้านเรา เป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่คั่วกาแฟเอง ผลิตแบรนด์กันขึ้นมาเอง หอม กรุ่น กลิ่นอาย Hipster มาก ไม่ต่างจากเชียงใหม่บ้านเฮา และที่เมืองเคปทาวน์นี้เอง ฉันได้พิชิตและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง คือการไต่เขาครั้งแรกในชีวิต ณ ภูเขา Table Mountain  และ Lion Head  ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมงครึ่งในการเดินขึ้นภูเขา Table Mountain ส่วนขาลงนั่งกระเช้าลง (ไม่ไหวค่ะ เมื่อยขามาก) ส่วนที่ Lion Head นั้นฉันใช้เวลาไป 2 ชั่วโมงทั้งขึ้นและลงเขา มันยอดเยี่ยมที่สุด ฉันไม่คิดไม่ฝันว่าฉันจะทำได้ จากคนที่ไม่ชอบและไม่คิดจะเดินระยะไกลขนาดนั้น แต่ในที่สุดฉันก็ทำได้จริงๆ

.
ตอนนั้นเพียงแค่ฉันคิดว่า “เอาว่ะ มาลองกันสักตั้งนึง” “ไม่ลอง เราก็ไม่รู้หรอก” ด้วยความคิดนี้เอง มันผลักดันให้ใจสู้ มันเพิ่มกำลังใจให้ต้องลองและในที่สุดฉันก็ทำได้ เมื่อใจสู้ ร่างกายมันก็สู้ พอขึ้นไปถึงยอดเขา อากาศโล่งโปร่งและเย็นสบาย ทั้งยังสวยงามมาก คุ้มกับความเหน็ดเหนื่อยตลอดการเดินทาง แล้วฉันก็พูดออกมาว่า “มันก็แค่เนี่ยะ”

 

.
เป็นครั้งที่ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากที่สุดในชีวิต มันไม่มีอะไรยากเกินที่เราจะทำได้หรอก อยู่ที่ว่าใจสู้หรือเปล่าเท่านั้นเองค่ะ!

.

ทีน่า



เรื่องราว season 2 จบลงแล้วแต่การเดินทางของทีน่ายังมีอีก ชาวชูใจสามารถติดตามล่องไปกับเรือ Season 3 ได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/


Previous Next

  • Author:
  • ทีน่า : สาวผู้ใฝ่ฝันจะเดินทางรอบโลก แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อพระเจ้านำเธอให้พบเจอกับเรือ 'โลโกสโฮป' เรือแห่งความหวังที่จะนำพาเธอไปผจญโลกกว้างโดยไม่ต้องเป็นเมียทูตแต่อย่างใด
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
  • Editor:
  • Namita
  • สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย